พระราชพิธีการประกาศสืบทอดบัลลังก์ “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3” ขึ้นครองราชย์ แห่งสหราชอาณาจักร

พระราชพิธีการประกาศสืบทอดบัลลังก์อย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน สถาปนาพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ ในวันนี้ หลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา


ถึงแม้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ทันที หลังการเสด็จสวรรคตของพระมารดา แต่พระราชพิธีการประกาศสืบทอดบัลลังก์อย่างเป็นทางการ สถาปนากษัตริย์พระองค์ใหม่เพิ่งจะถูกจัดขึ้นในวันนี้ เมื่อช่วง 10 นาฬิกา ตามเวลาท้องถิ่น หรือช่วง 16.00 นาฬิกาตามเวลาในบ้านเรา ที่พระราชวังเซนต์ เจมส์ ในกรุงลอนดอน


โดยพระราชพิธีดังกล่าวมี พระราชินีคามิลลา และวิลเลี่ยม เจ้าชายแห่งเวลส์ เข้าร่วมด้วย รวมไปถึงสภาการขึ้นครองราชย์ (Accession Council)" ซึ่งประกอบไปด้วย องคมนตรี, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาวุโส ทั้งในอดีตและปัจจุบัน, สมาชิกสภาขุนนาง, ข้าราชการระดับสูง, รวมถึง ข้าหลวงใหญ่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ประจำรัฐต่าง ๆ ในเครือจักรภพ และบุคคสำคัญทางการเมือง ทั้งนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ ของอังกฤษ หัวหน้าพรรคแรงงาน และอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เช่น โทนี่ แบลร์, เดวิด คาเมรอน, กอร์ดอน บราวน์, เทเรซ่า เมย์ และบอริส จอห์นสัน


พระราชพิธีเริ่มต้นด้วยการประกาศการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 จากประธานของสภาการขึ้นครองราชย์ จากนั้นประกาศให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ฟิลิป อาร์เธอร์ จอร์จ พระชนมพรรษา 73 พรรษา ทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพอย่างเป็นทางการ


ลำดับต่อมา พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงมีพระราชดำรัสต่อสภาการขึ้นครองราชย์ โดยทรงได้กล่าวสดุดีและเชิดชูพระเกียรติ พระมารดาผู้ล่วงลับ พร้อมกับทรงกล่าวว่า พระองค์รับรู้ถึงภารกิจที่รออยู่ข้างหน้า หลังจากนั้น พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงสาบานตนและลงพระนามในพระราชโองการ โดย อันเป็นการเสร็จสิ้นพระราชพิธี


หลังจากนั้น เจ้าพนักงานอ่านคำประกาศการขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนที่ระเบียงของพระราชวังเซนต์เจมส์ พร้อมกับบรรเลงเพลงจากวงดุริยางค์บรรเลงเพลง ขณะเดียวกัน ก็มีการยิงสลุตที่สวนสาธารณะไฮด์ปาร์ก หอคอยแห่งลอนดอน และจากเรือรบหลวงต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์


สำหรับพระราชพิธีการประกาศสืบทอดบัลลังก์ เป็นพระราชพิธีโบราณตามรัฐธรรมนูญที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน และมีความสำคัญทางการเมือง ในการประกาศการสืบทอดบัลลังก์ของประมุขคนใหม่ โดยพระราชพิธีในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดให้สาธารณได้ชม


ส่วนพระราชพิธีบรมศพของสมเด็จพระราชินี พระราชวังบักกิงแฮมยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า พระราชพิธีพระบรมศพจะมีทั้งสิ้น 10 วัน โดยพระราชพิธีจะมีขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์ในกรุงลอนดอน และหลังจากที่เชิญพระบรมศพจากปราสาทบัลมอรัล ก็จะนำมายังพระราชวังบักกิงแฮมในกรุงลอนดอน ซึ่งพิธีแรกที่จะจัดขึ้นจะเป็นรัฐพิธีที่รัฐบาลอังกฤษเป็นผู้ดูแลจัดการ


หีบพระบรมศพจะนำไปประดิษฐานยังเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ (Westminster Hall) ห้องโถงใหญ่ ซึ่งมีอายุเก่าแก่ที่สุดในกลุ่มอาคารรัฐสภา ภายในพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองของรัฐบาลอังกฤษมายาวนาน เพื่อเปิดให้สาธารณชนเข้าถวายสักการะแก่พระบรมศพได้เป็นเวลา 4 วัน


สมาชิกราชวงศ์อังกฤษพระองค์ล่าสุดที่พระศพได้ประดิษฐานในสถานที่แห่งนี้ ได้แก่สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธในพระเจ้าจอร์จที่ 6 หรือ "ควีนมัม" โดยเมื่อปี 2002 มีประชาชนถึง 200,000 คน พากันต่อแถวยาวรอนานหลายชั่วโมง เพื่อที่จะได้เข้าถวายสักการะพระศพของพระองค์ในรัฐพิธีนี้


ส่วนการเคลื่อนพระบรมศพจากปราสาทบัลมอรัลมายังพระราชวังบัคกิงแฮมก่อนนั้นยังไม่มีการยืนยันว่า จะเคลื่อนมากับรถไฟหลวง หรือเครื่องบิน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ก็มีรหัสลับภายใต้แผนการพระราชพิธีพระบรมศพที่มีชื่อว่า "ปฏิบัติการลอนดอน บริดจ์" (Operation London Bridge)


ทั้งนี้ สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเห็นชอบในช่วงวันพระราชพิธีบรมศพ เป็นวันหยุดราชการของสหราชอาณาจักร