สังคม
รมว.อุตสาหกรรม ประกาศลุยเอาผิดอุตสาหกรรมผิดฎหมาย ลอบทิ้งกากเคมีอันตราย
โดย parichat_p
23 ก.ย. 2567
76 views
กระทรวงอุตสาหกรรม มอบรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว 2024 ให้สถานประกอบการจำนวน 325 ราย ที่ได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ในระดับวัฒนธรรมสีเขียว และเครือข่ายสีเขียว ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดใจแนวทางทำงานด้านอุตสาหกรรม ทั้งส่งเสริมการลงทุน การปกป้องอุตสาหกรรมคนไทยและเดินหน้าปราบปรามเอาผิดอุตสาหกรรมที่ทำผิด เอาเปรียบสังคม
นายเอกนัฎ ประกาศจุดยืนของตัวเองอีกครั้งต่อหน้าผู้ประกอบการอุตสาหกรรม กว่า 500 คน ที่มาร่วมงานมอบรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ปี 2024 /ซึ่งปีนี้มีสถานประกอบการ ได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับ 4 คือวัฒนธรรมสีเขียว Green culture จำนวน 289 ราย และระดับ 5 เครือข่ายสีเขียว หรือGreen network 36 ราย
จุดยืนที่นายเอกนัฎ ต่อผู้ประกอบการวันนี้ นอกจากส่งสัญญาณปฏิเสธการเจรจา ต่อรอง กับผู้ประกอบการที่ทำอุตสาหกรรมเอาเปรียบสังคมแล้ว ยังจะเดินหน้าปราบปรามเอาผิด โดยเร่งปฎิรูปกฎหมาย พรบ.โรงงานและพรบ.วัตถุอันตราย ให้มีทั้งการส่งเสริมกิจการใหม่ และการเอาผิดผู้กระทำผิด ในอัตราโทษที่เข้มข้น สมเหตุสมผลกับฐานความผิด จากเดิมที่ถูกมองว่าอัตราโทษ เบาเกินกว่าที่จะป้องปรามคนทำผิด และเบาเกินกว่าที่จะปกป้องชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมได้
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนก่อนหน้านี้อย่างน้อย กรณี คือกรณีโรงงานวินโพรเสส จ.ระยอง ซึ่งผู้กระทำผิดถูกศาลตัดสินลงโทษฐานครอบครองวัตถุอันตราย ตามพรบ.วัตถุอันตราย อัตราโทษจำคุก 2ปี จำเลยสารภาพจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง และรอลงอาญา
ขณะที่กรมควบคุมมลพิษ ฟ้องบริษัทวินโพรเสส ในความผิดตามพรบ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ศาลสั่งให้วินโพรเสส ชดใช้กว่า 1 พัน 7 ร้อยล้านบาท นอกจากนี้ ผู้บริหาร บ.วินโพรเสส ที่ถูกศาลรับฝากขังขณะนี้ ก็เป็นโทษในคดีอาญาฐานปล่อยสารเคมีมีพิษ ลงแหล่งน้ำสาธารณะ เป็นคดีอาญาอัตราโทษร้ายแรงกว่า พรบ.วัตถุอันตราย ที่กรมโรงงานบังคับใช้ ศาลไม่อนุญาตให้จำเลยประกันตัว
ด้วยข้อจำกัดที่ชัดเจนเหล่านี้จึงเป็นหนึ่งในแนวทางที่นายเอกนัฎ เชื่อว่าหากปรับแก้ได้เร็วจะทำให้มีเครื่องมือเอาผิดผู้กระทำผิดได้สมเหตุผล อย่างไรก็ตาม เขาไม่เห็นด้วยต่อแนวทางใดๆ ที่จะขัดขวางการเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมใหม่ๆ โดยระบุว่าต้องผลักดันให้เกิดขึ้นได้สะดวก แต่ต้องเอาผิดคนที่ทำผิดให้มาก
อย่างไรก็ตาม เจตนารมย์ของรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ยังต้องถูกจับตามองอย่งใกล้ชิด ว่าจะดำเนินการอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และได้รับการตอบสนองจากข้า ราชการที่เป็นผู้ปฎิบัติอย่างไร
ซึ่งปัญหากากสารเคมีที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในตอนนี้ พร้อมกันในหลายจังหวัด อาจะเป็นด่านแรกเพื่อพิสุจน์มาตรการทำงานี้