เปิดข้อมูลเชื่อมโยงโรงงานเพลิงไหม้ จ.ระยอง กับ เพลิงไหม้โกดังสารเคมี จ.พระนครศรีอยุธยา

เหตุการณ์นี้ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ภาครัฐหลายคน ต่างให้ความเห็นตรงกันว่า เพลิงไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีบริษัท วิน โพรเสส เป็นเหตุการณ์ ที่ผิดปกติ และไม่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรแน่ แต่จะเกิดจากวางเพลิงหรือไม่ยังต้องรอการพิสูจน์ให้แน่ชัด อีกทั้งอ้างอิงว่าโรงงานนี้ มีเบาะแสบางอย่างเชื่อมโยง กับผู้เกี่ยวข้องกับ การลักลอบเก็บกากสารเคมีกว่า 4 พันตัน ในโกดังร้างที่อำเภอภาชีพ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งโกดังนี้ เพิ่งถูกวางเพลิงไปเมื่อ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ข่าว 3 มิติ เกาะติดเรื่องนี้ มาตลอดไม่ได้บอกว่าใครวางเพลิงที่อำเภอภาชี แต่หลักฐานต่อไปนี้บ่งชี้ความเชื่อมโยงของบุคคลบางคน ของสองสถานที่ดังกล่าว


การหาหลักฐานเพลิงไหม้ที่วินโพรส ยังเริ่มไม่ได้ในตอนนี้ จนกว่าเพลิงจะดับสนิทและเจ้าหน้าที่ปลอดภัย แต่ข้อสันนิษฐานเป็นวางเพลิงหรือไม่ ก็เป็นหนึ่งในนััน ซึ่งอาจจะเริ่มหาหลักฐานจากอาคารที่ไหม้รุนแรงมากที่สุด เพราะอาจเป็นต้นเพลิง //อย่างไรก็ตาม อาคารหลังที่ยังไม่ถูกเพลิงไหม้ อาจจะมีเบาะแสอื่นๆ ก็เป็นได้ หากนี้เป็นการวางเพลิงจริง


สำหรับภาพนี้เป็นเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่โกดังเก็บสารเคมีที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เหตุการณ์เพลิงไหม้มีขึ้นคืนวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ไฟไหม้โกดังหลังที่ 1 และ 2 จากจำนวน 5 หลัง ซึ่งเก็บสารเคมีของกลางไว้หลายชนิดโดยเฉพาะกรดเข้มข้น


หลังจากดับเพลิงได้ เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบพบหลักฐานหลายชนิดยืนยันว่าเป็นการวางเพลิง โดยผูกระเบิดปิงปองไว้กับธูปแล้วปักไว้กับขวดพลาสติกที่บรรจุน้ำมัน วางไว้ตามซุกมุม และจุดที่สารเคมีวางอยู่ เหตุการณ์นี้เป็นการวางเพลิง ชัดเจน แต่ระเบิดเพลิงทำงานไม่ครบทุกจุด ความเสียหายจึงไม่มาก


ย้อนกลับไปถึงที่มาของสารเคมีในโกดังนี้ /จะพบว่า มีการพบว่าสารเคมีรั่วไหลออกไปถึงริมถนนและพื้นที่ชุมชนรอบๆโกดัง ใกล้รพ.ภาชี เมื่อปลายกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ทุกฝ้่ายเข้าไปตรวจสอบจนพบในโกดังนี้มีสารเคมีหลายชนิดเก็บอยู่ที่นี่ ในถัง 200 ลิตร บ้าง ในถึง 1พันลิตรบ้าง และมีกล่องเหล็กใหญ่ หรือลากเกอร์ บอก บรรจุสารเคมี อยู่ในนั้น


ที่สำคัญคือมีรถบรรทุกสารเคมี จอดอยู่ในโกดังนั้น เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดอยุธยะยา และกรมโรงงานที่ไปตรวจสอบพบว่า /รถถูกถอดทะเบียนออกก็จริง แต่ลืมถอดป้าย พรบ.ออกจากกระจกรถ ทำให้ยงเหลือทะเบียนเมื่อตรวจสอบก็พบชว่าเป็นรถที่จุดทเบยนนของบริษัท รับกำจัดกากาขยะแห่งหนึ่ที่อำเภออุทัย จ.พระนครศรีอยุะยา


นอกจากนี้ในรถคันนนั้น พบแฟ้มเอกสารหลายชนิด สำแดงรายการส่งสารเคมี ระบุชื่อบริษัทวินโพรเสส อ.บ้านค่ายจ.ระยอง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่าเหตุใด เอกสารบัญชีส่งสารเคมี ของบริษัท วินโพรเสส และรถบรรทุก จึงไปจอดอยู่ในโกดังร้างในอำเภอภาชี พร้อมสารเคมีกวา่ 4 พันตันที่นั้


กรมโรงงานอุตสาหกรรม เรียกเจ้าของโกดัง 2 คน มาชี้แจงต่อที่ประชุม ซึ่งเจ้าของโกดัง ยื่นเอกสารหลักฐานว่า ชายคนหนึ่งชื่อโอภาส มาเจรจาขอซื้อโกดังนี้ โดยเจ้าของโกดัง ยังเคยเดินเรืองยื่นกู้กับธนาคารใหด้วยเพราะอยากขายโกดังพร้อมที่ดิน แต่ยื่นกู้ไม่ผ่าน เอกสารการเงินที่บริษัทดังกล่าวยื่นมา เป็นของบริษัทรีไซเคิลแห่งหนึ่งในอำเภออุทัย จ.อุยธยา แต่ชายคนที่มาเดินเรื่อง กลับชื่อโอภาส ที่บังเอิญคล้ายกับชื่อโอภาที่เคยเป็น และกลับมาเป็นกรรมการบริษท วินโพรสส จ.ระยองอีกครั้ง


การเกาะปัญหาในโกดังที่ภาชีของข่า 3 มิติ ก่อนหน้านี้ ยังได้เบาะแสที่เป็นสมุดบันทึกของรปภ.ที่จดทะเบียนรถเข้าออกโกดังนั้น พบว่าเป็นทะเบียนรถที่ยื่นขอ จดทะเบียนนิติบุคลล และได้รับอนุญาตขอกากอุตสาหกรรมเป็นที่เป็นวัตถุอันตราย ซึ่งต้องกำกดับด้วยพีจีเอส จากโรงงานต้นทาง ถึงปลายที่อนุญาตเท่านั้น แต่กลับมาปรากฎที่โกดังร้างนี้


ข่าว 3 มิติ ตรวจดูจากใบแจ้งค่าน้ำค่าไฟ ที่หน้าโกดังร้างนั้น ปรากฎชื่อผู้ขอใช้น้ำ ไฟ คือนายจตุวุฒิ ภูมิลำเนาที่ชลบุรี ซึ่งก็สอดคล้องกับหลักฐานเอกสารผู้ให้เช่า แม้ว่าชายคือโอภาสมาเจรจาเช่าโกดังและจ่ายเงินบางช่วง แต่คนทำสัญญาเช่าคือนายจตุวุฒิ เมื่อสืบต่อว่านายจตุวุฒิ ประสงค์จะทำอะไรจึงเช่าโกดังไว้เก็บสารเคมีจำนวนมาก ก็ปรากฎว่า นายจตุวุฒิ เคยเป็นหนึ่งในผู้ที่ถือหุ้นของวินโพรเสส ซึ่งที่อยู่ตรงกันกับที่นี่


ข่าว 3 มิติ ยืนยันโดยอ้างอิงตำรวจพิสูจน์หลักฐานพระนครศรีอยุธยา หลังฐานที่พบในโกดังที่ภาชีนั้ บ่งชี้ว่าวางเพลิง แต่ข่าว 3 มิติไมได้ยืนยันหรือกล่าหาว่าใครวางเพลิงที่นั้น ซึ่งคดนั้น ตำรวจกำลังแกะรอยคนเกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับการเปิดเผยหลักฐานาดังกล่าว เเพื่อเชื่่อมโยงให้เห็นว่า มีบุคลทีม่ีหลักฐานทางเอกสารเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันระหว่าง วินโพรส กับสารเคมีในโกดังที่ อ.ภาชี ซึ่งบางคนอาจจะเป็นอดีตและไม่เกี่ยวข้องกับบริษีัทดังกล่าวแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น กรณีเพลิงไหม้ที่วินโพรเสส จะพบหลักฐานทีบ่่งชี้สาเหตุหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสืบสวนของตำรวจ