สังคม

แกะรอยความเชื่อมโยง 3 โกดังเกิดเหตุเพลิงไหม้ซ้ำ อ.ภาชี เกี่ยวข้องกับใคร

โดย parichat_p

2 พ.ค. 2567

101 views

การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่โกดังหนึ่งแห่ง และบริษัทอีก 2 แห่ง ทั้งในอำเภอภาชี และอำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม้จะเป็นการเน้นย้ำให้เร่งแก้ปัญหาไฟไหม้ และย้ำให้เฝ้าระวังป้องกันโกดัง อื่นๆที่ยังไม่ถูกเพลิงไหม้ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำร้อย แต่ยังต้องการให้เห็นความเชื่อมโยงกันระหว่างโกดัง 3 แห่งนี้ ขณะที่ข่าว 3 มิติ ที่เกาะติดเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว เป็นเวลากว่า 14 เดือนแล้ว แต่ถึงวันนี้ก็ยังพบข้อมูลใหม่ๆที่เชื่อมโยงถึงกัน โดยเฉพาะเอกสารของบริษัทเอกอุทัย สาขากลางดง อ.ปากช่อง ที่พบในรถบรรทุกสารเคมี จอดทิ้งในโกดังวันนี้ด้วย


ไฟไหม้โกดังหลังที่ 4 และ 5 ที่ใช้เก็บของกลางในคดี ทำให้กากสารเคมีที่เคยมีรวมกันทั้งหมดราว 4 พันตัน ถูกประเมินเบื้องต้นว่าน่าจะหายไปราว 2 พันตันแล้ว จากเหตุเพลิงไหม้ 2 ครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะครั้งนี้ เพลิงไหม้ส่วนที่เป็นถังเบาท์น้ำหนัก 1 พันลิตร และถึงขนาด 200 ลิตรบางส่วน สิ่งที่หลายกำลังเฝ้าระวังนับจากนี้คือบรรดาของเหลวโดยเฉพาะกรดเข้มข้นที่กระจายเกลื่อนพื้น ที่จะทะลักออกจากโรงงาน ไปลงคลองระบายน้ำและลงคลองชลประทาน เหมือนที่เคยเกิดเมื่อกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว


ระหว่างที่ข่าว 3 มิติ ติดตามการดับเพลิงในโกดังหลังที่ 3-4-5 ยังได้ไปสังเกตุการณ์ในโกดังหลังที่ 1 และ 2 ซึ่งไม่มีไฟไหม้ โดยมีรถบรรทุกของกลาง 1 คัน จอดอยู่ โดยสภาพรถของกลางที่นี่หลายคัน เหมือนกันคือถูกงัดแงะ ตัด แยกเอาชิ้นส่วนออกไปขาย โดยไม่ทราบฝีมือใคร อย่าไรก็ตามที่กระจกหน้ารถคันนี้ พบซองจดหมายหลายฉบับ เมื่อดูละเอียดจะเห็นว่าเป็นจดหมายแจ้งกรรมธรรณ์ประกันภัย  ที่น่าสนใจคือหน้าซองเอกสาร หลายฉบับแม้จะวางกลับหัว แต่เมื่อนำภาพมาปรับองศาใหม่ ก็อ่านได้ชัดเจนว่า เป็นเอกสารประกันภัยของรถคันนี้ ที่อยู่คือ บ.เอกอุทัย ต.กลางดง อ.ปากช่อง นครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาของ บ.เอกอุทัย


ข่าวส 3 มิติ ย้อนให้เห็นความเชื่อมโยงของกรณีนี้ คือต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้วได้รับการร้องเรียนว่า มีการเทของเหลว เป็นกรดเข้มข้น ในเขตนิคมและพืน้ที่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย ในวันนั้น ฝ่ายปกครองตามจับคนขับรถไว้ได้ คนขับสารภาพว่ารับจ้างมา โดยมีใบกำกับภาษีผู้ว่าจ้างไว้ด้วย


ข่าว 3 มิติแกะรอยจากกล้องวงจรปิด พบรถที่นำขยะเทไป มีถังสารเคมีที่ผ้าใบคลุม แต่กลับเห็นช่องทางเปิดผ้าใบชัดเจน ยิ่งกว่านั้น ปรากฎชายกลุ่มหนึ่งขับรถกระบะ ปีนขึ้นไปรถบรรทุกของกลาง โดยมีผู้บันทึกภาพได้ ปรากว่าเมื่อนำรถกระบะมาตรวจสอบทะเบียนพบว่าเป็นรถจดทะเบียนของบริษัทเอกอุทัย ต.สามบัณฑิต อ.อุทัย


ในเวลาไล่เลี่ยกัน ราว 26 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ก็พบเบาะแสว่ามีการนำกากสารเคมีมาเก็บในโกดัง อ.ภาชี ทั้ง 5 โกดัง ฝ่ายปกครองวางแผนสกัดจับ ในเวลากลางคืนจนยึดรถคันนี้ไว้ได้ จากนั้น เทศบาลตำบลภาชี ใช้อำนาจท้องถิ่นเข้าตรวจจสอบ ก็พบรถบรรทุกของกลางหลายคันจอดอยู่ในโกดัง ในเอกสารจากรถบรรทุก ก็พบเอกสารบางฉบับของบริษัท วินโพร เสส ในรถบรรทุกเหล่านี้ด้วย


ตั้งแต่นั้นเจ้าหน้าที่ก็แกะรอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากบัญชีทะเบียนรถเข้าออก โกดังเก็บสารเคมีเถื่อนนี้ มีทะเบียนรถที่แจ้งจดไว้กับ บ.เอกอุทัย และใช้รับกากของเสียอันตรายจากบริษัทต้นทางอีกหลายแห่งปรากฎด้วย นี่ยังไม่รวมถึงเอกสารการเช่า หลักฐานการจ่ายค่าเช้า หรือบิลค่าน้ำ ที่เชื่อมโยงกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ บ.วินโพรเสส


ถัดมาคือบริษัท ซันเทคฯ ที่อำเภออุุทัย เจ้าหน้าที่พบว่าได้ใบอนุญาตคัดแยกขยะประเภทขยะ แต่กลับลักลอบเก็บกากของเสียอันตรายรวมกว่า 8 พันตัน มีลากเกอร์บอกซ์ ที่มีโลโก้ หรือลาเบล ของเอกอุทัย ชนิดของกากสารเคมี ตรงกัน และบันทึกทะเบียนรถเข้าออกบางคัน เป็นทะเบียนเดียวกันระหว่างรถทีวิ่งเข้าโกดัง อ.ภาชี กับอำเภออุทัย


ข้อมูลความเชื่อมโยงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่ง ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม แกะรอยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และนำส่งมอบให้พนักงานสอบสวน ปทส. พร้อมกับกรมควบคุมมลพิษเพื่อเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง ใน 3 ฐานความผิดคือ พรบ. โรงงาน /พรบ.วัตถุอันตราย และพรบ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ คดียังไม่ขึ้นสู่กระบวนการชั้นศาล


วันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ตอบคำถามกรณีนี้ จะเร่งรัดเอาผิดกรณีนี้ โดยหน่วยงานตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องรวมถึง ตรวจสอบเส้นทางการเงินผู้เกี่ยวข้องด้วย


ตอนนี้คำถามที่สำคัญที่สุดคือนอกจากความเชื่อมโยงทางธุรกิจแล้ว เหตุวางเพลิงครั้งแรกเมื่อ 29 กุมภาพันธ์ ที่โกดังภาชี เชื่อมโยงกับเพลิงไหม้ครั้งล่าสุดนี้หรือไม่ ทั้งรองอธิบดีกรมโรงงาน /และอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยืนว่าลำพังกรดเข้มข้น ทำปฎิกิริยากกับโลหะท่ามกลางอากาศร้อน แม้ว่ามีไอระเหยก็ไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ เว้นแต่จะมีคนทำให้เกิดขึ้น


ถึงเวลานี้ นอกจากความคาดหวังว่าเพลิงที่เกิดกลัวจะดับเร็ว /ที่ยังไม่เกิดจะไม่เกิด ยังมีความคาดหวังจากสังคมว่า อีกนานเพียงใด จะเห็นผู้เกี่ยวข้องในกรณีเหล่านี้ถูกดำเนินคดี ซึ่งไม่เพียงแต่จะมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น แต่ยังหมยถึงความยุติธรรมของสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ควรที่เสียหายไปและควรได้รับคน

คุณอาจสนใจ