อาชญากรรม

ฝากขังฝรั่งรัวหมัดหญิงไทย เมียเผยนิสัย ยันไม่เคยถูกทำร้าย คู่กรณีเล่านาทีชีวิต ชี้เหมือนตั้งใจพยายามฆ่า

โดย passamon_a

7 มี.ค. 2567

217 views

คุมตัวฝรั่งทำร้ายป้าเจ็บสาหัสฝากขังผลัดแรก ล่าสุดยังไม่ยอมให้ปากคำใด ๆ ด้านภรรยารุดประกันตัว แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้ยุ่ง หลังจบความสัมพันธ์กันแล้ว ยันไม่เคยถูกสามีทำร้ายร่างกาย ขณะที่คุณป้าเผยช่วงนาทีถูกฝรั่งรัวหมัดและเข่ากดคอ ระบุเหมือนตั้งใจพยายามฆ่า


จากกรณี Mr.Straumann Dieter Mathhias อายุ 62 ปี สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย น.ส.นัฎชนันท์ อายุ 53 ปี ชาว จ.ตรัง ภายในห้างสรรพสินค้า จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยขณะนี้ยังคงรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตรัง เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา


ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 มี.ค.67 ที่ สภ.เมืองตรัง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว Mr.Straumann ขึ้นรถยนต์สายตรวจ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้นั่งอยู่ในห้องโถงของโรงพัก นับตั้งแต่เมื่อคืนวันเกิดเหตุ โดยไม่ยอมพูดจากับใคร นอกจากล่าม และยังไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ หรือเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาใด ๆ ทั้งข้อหาทำร้ายร่ายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายโดยสาหัส และข้อหาขัดขืนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน พร้อมทั้งยังบอกผ่านล่ามว่า ตนเองรู้สึกกังวลที่ถูกละเมิด เนื่องจากโดนถ่ายรูป


ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ได้ประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทยแล้ว ซึ่งทางสถานทูตได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ให้ดำเนินตามข้อกฎหมายของประเทศไทยกับ Mr.Straumann ไปตามกระบวนการได้เลย


โดยต่อมาจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ได้คุมตัว Mr.Straumann ไปยังศาลจังหวัดตรัง เพื่อขออนุญาตฝากขังผลัดแรก ซึ่งทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง ได้อ่านบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายโดยสาหัส โดย Mr.Straumann รับฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ปฏิเสธไม่ยอมเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งสิทธิผู้ถูกกล่าวหาตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม Mr.Straumann ได้ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนหน้านี้ได้ทะเลาะกับภรรยาและภรรยาหนีไป ส่วนตัวเองได้กินยาประจำตัวมาโดยตลอดด้วย แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นยาชนิดใด


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังคงไม่มีญาติ เพื่อนฝูง หรือภรรยาของ Mr.Straumann ติดต่อมาขอประกันตัวออกไปแต่อย่างใด โดยเฉพาะภรรยาของชายชาวสวิสรายนี้ ล่าสุดทราบว่า ได้หลบหนีไปอยู่ที่จังหวัดกระบี่ ประมาณ 1 เดือนแล้ว หลังจากที่ทั้งคู่มีปัญหาทะเลาะกัน และหลังเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็ยังไม่ติดต่อใด ๆ มายัง สภ.เมืองตรัง เลย


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าช่วงเช้าวันเดียวกัน นายกฤตพงศ์ ลูกชาย และญาติของผู้บาดเจ็บ จำนวน 3 คน ได้มานั่งสังเกตการณ์ที่หน้าโรงพักด้วย


ขณะที่ต่อมาทาง พ.ต.อ.สานิตย์ พลเพชร ผกก.สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านหมู่ที่ 10 ตำบลบ้านควน อำเภอเมืองตรัง ว่า Mr.Straumann อยู่อาศัยในประเทศไทยมานานหลายปีแล้ว สามารถพูดไทยได้ และพูดภาษาใต้บางคำได้ด้วย โดยพักอาศัยอยู่ภายในบ้านเช่าในพื้นที่กับภรรยาชาวไทย จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ลงพื้นที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว เพื่อตามหาตัวและแจ้งต่อภรรยาชายชาวสวิสให้มาช่วยเกลี้ยกล่อมเจรจา


ทั้งนี้ เมื่อไปถึงพบว่า เป็นสภาพบ้านชั้นเดียว ปิดประตูเงียบ มีการล็อกแม่กุญแจไว้อย่างแน่นหนาถึง 2 ตัว มีเศษไม้และเศษวัสดุกองระเกะระกะหน้าบ้าน ส่วนวงกบหน้าต่างก็มีการตีไม้คาดซ้อนทับเหล็กดัดไว้อีกชั้นอย่างแน่นหนา และภายในบ้านยังมีการเปิดไฟทิ้งไว้ด้วย ส่วนหน้าบ้านมีรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์เงิน รุ่นเก่า จอดคลุมผ้าอยู่ 1 คัน พร้อมทั้งรถกระบะ อีซุซุ รุ่น TFR ตอนครึ่ง สีเขียว จอดอยู่ 1 คัน และรถมอร์เตอร์ไซค์ช็อปเปอร์สีดำ จอดคลุมผ้าอยู่อีก 1 คัน เมื่อตะโกนเรียกไม่มีเสียงตอบรับ


จากการสอบถามเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลว่า บ้านหลังดังกล่าว Mr.Straumann พักอาศัยอยู่กับภรรยาชาวไทยหลายปีแล้ว และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร โดยชายชาวสวิสคนดังกล่าวมีพฤติกรรมแปลก ๆ อาทิ ชอบเดินทั้งวัน บางทีเดินโดยไม่ใส่เสื้อไปไกลหลายกิโลเมตร ถ้าจะขับขี่รถ ก็มักจะขี่มอร์เตอร์ไซค์ช็อปเปอร์คันที่จอดอยู่หน้าบ้าน แต่บางครั้งก็มีอารมณ์ฉุนเฉียว และมักจะทะเลาะลงไม้ลงมือกับภรรยาอยู่บ่อย ๆ ซึ่งปกติแล้วภรรยาจะอยู่บ้านตลอด ไม่ค่อยไปไหน แต่ล่าสุดภรรยาได้หนีไปอยู่จังหวัดกระบี่ได้ราว 1 เดือนแล้ว


ขณะที่ นายดอย (นามสมมติ) อายุ 55 ปี เพื่อนบ้านติดกัน กล่าวว่า ชาวสวิสเซอร์แลนด์รายนี้มาเช่าอยู่ที่บ้านหลังนี้นานกว่า 10 ปีแล้ว ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร ส่วนนิสัยจะเป็นคนก้าวร้าวและหัวร้อนนิดหน่อย แม้กระทั่งต้นไม้ซึ่งอยู่ในที่ดินของเขาจะล้ม ก็มาโทษเราซึ่งบ้านอยู่ติดกัน หากมีเรื่องหรือปัญหาอะไรก็พยายามโทษคนอื่น ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครอยากจะปะทะกับเขา แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้ยินเสียงทะเลาะอะไรกับภรรยา


ในฐานะเป็นเพื่อนบ้านหลังจากรู้ข่าวว่าไปทำร้ายผู้หญิง ก็มีความรู้สึกว่า จากนิสัยของเขาที่เราเคยเห็น ก็คิดอยู่แล้วว่าสักวันจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เพราะพวกเราเพื่อนบ้านก็พยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขามาโดยตลอด แต่มุมมองส่วนตัวการที่เข้ามาอยู่ในบ้านเราประเทศเราแล้วมาทำแบบนี้มันก็ไม่ดี ซึ่งเป็นความรุนแรง และทำกับผู้หญิงอีก หากเขาหลุดจากคดีแล้วกลับมาอยู่บ้านนี้อีกตนก็ไม่ได้มีความหวาดกลัว แต่คิดว่าเขาเองมากกว่าที่น่าจะเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าจะอยู่เอง และอีกอย่างทุกคนก็ระมัดระวังตัวอยู่ตลอด


ด้าน นายวรวุฒิ หนูเรือง หรือผู้ใหญ่กุ๊งกิ๊ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 กล่าวว่า จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ทราบมาว่าเจ้าตัวเป็นคนชอบระแวง และทะเลาะกับภรรยาอยู่บ่อยครั้ง โดยเจ้าตัวเป็นคนไม่สุงสิงกับใคร โลกส่วนตัวสูง และเคยมีปัญหากับกำนันในพื้นที่เรื่องน้ำประปา กลางคืนจะชอบเดินไปเดินมา ที่ผ่านมาไม่เคยทราบว่าเคยทำร้ายร่างกายใคร เพียงแค่ทราบว่าเคยทำร้ายภรรยา และแยกกันอยู่ แต่ตนไม่ขอยืนยันในส่วนนี้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่อย่างไร


ขณะเดียวกัน ในช่วงเย็นที่ผ่านมา นายวรวุฒิ หรือผู้ใหญ่กุ๊งกิ๊ง ได้ติดต่อโทรศัพท์ไปยัง น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุประมาณ 60 ปี ภรรยาของชายชาวสวิสเซอร์แลนด์รายดังกล่าว โดยแจ้งว่ากำลังอยู่ที่ศาล จ.ตรัง เพื่อจะมาติดต่อพบตัวและประกันตัว ซึ่งยังไม่สามารถติดต่อสามีได้ และปฏิเสธตนทุกอย่าง อีกอย่างสามีถือบัตรเครดิต ไม่ได้ถือเงินสด และเขาไม่ยอมที่จะคุยกับตน เพราะก่อนหน้านี้ได้ทะเลาะกับตนมาก่อนแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ไม่ให้ตนจัดการหรือทำอะไรให้สักอย่างเดียว และก่อนหน้านี้จะขอจบความสัมพันธ์กับตนและจะไม่ขอคุยอะไรกับตนอีก


ตนคบกับสามีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และไม่มีลูกด้วยกัน ไม่เคยมีปากเสียงกัน แต่ตนมีลูกติดมา 2 คน ทางสามีก็เป็นคนส่งให้เรียนหนังสือ สามีก็ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน และตนก็ไม่เข้าไปบ้านหลังนี้แล้ว เพราะสามีขอจบกับตนแล้ว


ส่วนประเด็นที่ตนถูกทำร้ายร่างกายนั้นไม่เป็นความจริง ขอแก้ข่าวด้วย สิ่งไหนที่สามีดีก็ว่ากันไปตามความจริง ต้องให้ความยุติธรรมกับเขาด้วย ส่วนนิสัยสามีเป็นคนชอบอยู่ป่า ชอบอยู่เงียบ ๆ โลกส่วนตัวสูง เหตุการณ์ที่สามีไปก่อเหตุก็ไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร หลังจากตำรวจติดต่อมาก็ยังมึนงง และยังมึนงงกับที่มีชาวบ้านบางส่วนว่าสามีชอบใช้ความรุนแรงกับตน ส่วนโรคประจำตัวตนไม่รู้ แต่ไม่เคยเห็นสามีเคยกินยาหรือรักษาโรคอะไรมาตั้งแต่ต้น


ทั้งนี้ ยืนยันว่า ตนไม่ได้ถูกสามีทำร้ายตามที่เป็นข่าว โดยตนอยู่กินกับสามีมา 16 ปี หากสามีซ้อมทำร้ายตนจะทนอยู่ทำไม และสามีไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร อยู่ในแบบฉบับของเขา วันนี้ตนก็ไม่อยากให้สามีด่างพร้อยในเรื่องที่ไม่ได้ทำ ถ้าสามีร้ายจริงก็คงไม่ส่งลูกของตนให้จบปริญญาหรอก


ส่วนที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง นายสกุล ดำรงเกียรติกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้รุดเดินทางไปเยี่ยม นางนัฎชนันท์ หรือแม่รี อายุ 53 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมมอบกระเช้า และพูดคุยให้กำลังใจ รวมทั้งได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินคดี


นายแพทย์สินชัย รองเดช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง ระบุว่า ได้ให้แพทย์ช่วยดูแลรักษานางนัฎชนันท์ ทั้งในโรงพยาบาล และหลังจากอนุญาตให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านแล้ว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการรักษาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน กว่าจะหายจากอาการบาดเจ็บ เนื่องจากมีกระดูกจมูกแตก


ด้าน นางนัฎชนันท์ หรือแม่รี ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุตนได้นำรถเข็นไปซื้อเครื่องดื่มน้ำอัดลม และรถเข็นก็ได้ไปชนชั้นวางของ ตนเองจึงเอื้อมไปหยิบน้ำมาได้ 1 ขวด และขณะกำลังหยิบขวดที่ 2 มาถือ จู่ ๆ ฝรั่งคนดังกล่าวก็ได้เดินเบียดตนเองเข้ามาจากข้างหลัง จนรถเข็นถูกเหวี่ยงออกไป แต่ตนเองก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ต่อมาฝรั่งคนนี้ก็เข้ามาเบียดตนเองอีกครั้งหนึ่ง รถเข็นก็เริ่มเป๋ออกนอกทาง ตนเองจึงได้พูดว่า Excuse Me แต่ฝรั่งคู่กรณีก็ไม่หยุด และเข้ามาเบียดอีกรอบหนึ่ง ขณะที่ตนเองพยายามจะเอื้อมหยิบของ จึงพูดไปอีกครั้งว่า Excuse Me


อย่างไรก็ตาม ฝรั่งคนนี้ก็ยังไม่หยุดพฤติกรรม ตนเองจึงบอกไปว่า Be polite please ทำให้ฝรั่งคนนั้นหันมามองหน้า แต่ตนเองไม่อยากยุ่งด้วย จึงเดินหันหลังเข็นรถออกไป แต่ฝรั่งคนนี้ได้เดินตามหลัง แล้วพูดออกมาเสียงดัง ๆ และใส่อารมณ์ แต่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ซึ่งตนเองก็ฟังไม่ออก จึงพูดกลับไปอีกครั้งว่า Be polite please หรือสุภาพหน่อยได้ไหม ทำให้ฝรั่งคนนี้ไม่พอใจ พูดตะคอกใส่ และชี้หน้าใส่ตน โดยมีคำหนึ่งที่ฟังออกเป็นภาษาอังกฤษคือ บูชิต ก็คือด่า แล้วฝรั่งคนนี้ก็ง้างหมัดชกรัว ๆ เข้าที่หน้า แบบไม่มีทางที่ว่าตนเองจะหลบได้เลย ก่อนที่ฝรั่งคู่กรณีจะหันหลังเดินกลับ


จากนั้นตนเองเลยขว้างขวดน้ำที่อยู่ในมือเข้าใส่เพื่อป้องกันตัว แต่เนื่องจากไม่มีแรง ขวดน้ำจึงตกลงกับพื้น ทำให้ฝรั่งคนดังกล่าวเดินกลับมาหา แล้วตรงมากระชากตนเอง ก่อนรัวหมัดใส่อีกครั้งจนนับไม่ถ้วน พร้อมเขวี้ยงตนเองจนศีรษะฟาดพื้น และขึ้นเอาหัวเข่ากดหลอดลม ซึ่งตอนนั้นตนเองพยายามตะโกนให้คนช่วย แต่ก็ไม่มีใครช่วย สุดท้ายตนเองเลยฮึดกรี๊ดเสียงดังลั่น ทำให้ฝรั่งคนนี้ยอมปล่อย แล้วลุกเดินหนีไป ซึ่งตอนนั้นตนเองบาดเจ็บหนัก นั่งจมกับกองเลือด ก่อนที่จะมีพนักงานห้างช่วยเอากระดาษมาห้ามเลือด แล้วแจ้งรถพยาบาล ขณะที่ตนเองก็ได้บอกว่า อย่าให้ฝรั่งคนนั้นหนีไป ซึ่งทางห้างก็สกัดไว้ด้านหน้าแล้ว


"ฉันก็รู้สึกงง เพราะเราเป็นคนไทย มาทำคนไทยแบบนี้ได้ยังไง ส่วนเขาก็โกรธมาก ถึงขนาดเข้ามาทำร้ายฉันจนปางตายเลย แถมยังใช้หัวเข่ากดตรงที่หลอดลม เหมือนจงใจฆ่าเลย ถึงตอนนี้ฉันก็ไม่อยากจะพูดอะไรกับฝรั่งคนนั้น เพราะมันเป็นการทำที่ไร้เหตุผลมาก ๆ ถ้าโกรธมาก อย่างดีก็แค่ต่อยนิดหน่อย แต่นี่เอาหัวเข่ามากดหลอดลมคนอื่น มันไม่ใช่แค่การทำร้าย มันเหมือนจะพยายามฆ่าฉันแล้ว ดังนั้นจะไม่ตกลงอะไรกับเขา ขอให้ตำรวจดำเนินคดีไปตามกฎหมาย สำหรับอาการบาดเจ็บตอนนี้ ยังรู้สึกมึน ๆ หัว และปวดตรงบ่า ตรงไหล่ ส่วนดวงตาก็มองเห็นไม่ค่อยชัด เนื่องจากน้ำตาไหลตลอด ขณะที่กระดูกจมูกก็แตก จนหมอต้องเย็บทั้งหมด 8 เข็ม"


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/IQEHq9826pQ

คุณอาจสนใจ

Related News