สังคม

รื้อแล้ว บันไดรุกหาดยามู เซ่นฝรั่งเตะหมอ รองผู้ว่าฯภูเก็ต แจงปมยังไม่ถอนวีซ่า ต้องรอคดีจบ

โดย panwilai_c

5 มี.ค. 2567

53 views

รื้อแล้วบันไดหน้าวิลลา 23 บุกรุกหาดยามู จุดที่ชาวสวิสเตะหมอธารดาวที่มานั่งดูพระจันทร์วันมาฆบูชา รองผู้ว่าเผย ยังไม่เพิกถอนวีซ่า จนกว่าคดีทำร้ายร่างกายหมอจะเสร็จสิ้น



วันนี้เทศบาลตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ได้นำเครื่องจักรกลหนักเข้ารื้อถอนบันไดคอนกรีต หน้าวิลล่า 23 ของนายเดวิด รวมถึงลานไม้ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ที่รุกล้ำพื้นที่สาธารณะของหาดยามู โดยมีสายตรวจ สภ.ถลาง คอยดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่โดยรอบ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงรื้อถอนเสร็จสิ้น



ส่วนกระแสข่าวการถอนวีซ่านายเดวิด พลตำรวจตรี สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เพิกถอน ซึ่งขั้นตอนการเสนอเพิกถอนวีซ่านักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติ ที่มาประกอบอาชีพในภูเก็ตนั้น กรณีนี้เป็นครั้งแรก ที่มีคณะกรรมการตรวจสอบ และกลั่นกรองพฤติกรรมชาวต่างชาติที่อยู่ในภูเก็ต มาพิจารณากลั่นกรอง เพื่อเสนอเพิกถอนวีซ่าของประเทศไทย



โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธาน / ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นรองประธาน / ตม.ภูเก็ต เป็นเลขานุการ เมื่อได้ความเห็นจากที่ประชุม จะส่งเรื่องไปยัง ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 6 เพื่อพิจารณาการเพิกถอนวีซ่าต่อไป



มีรายงานว่า คณะนี้กรรมการชุดดังกล่าว ยังไม่มีการนัดประชุมพิจารณากลั่นกรองแต่อย่างใด ขณะที่วีซ่าของนายเดวิด เป็นวีซ่าประกอบธุรกิจ ต่ออายุแบบปีต่อปี ซึ่งวีซ่าจะหมดอายุในวันที่ 13 มีนาคมนี้แล้ว



ล่าสุด นายกองเอก อดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เผยถึงกรณีการเพิกถอนวีซ่าของนายเดวิดว่า ตอนนี้ยังไม่มีการเพิกถอนหรือยกเลิกวีซ่า ซึ่งนายเดวิดถือวีซ่าผู้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย 1 ปี และจะครบกำหนดวีซ่าในวันที่ 13 มีนาคมนี้ โดยกรณีที่มีคดีความอยู่ จะต้องรอคดีความเสร็จสิ้นก่อน จึงจะนำเรื่องที่นายเดวิดมีพฤติกรรมข่มขู่ สร้างความเดือดร้อน หรือสร้างความน่าหวาดกลัว ให้กับประชาชนในพื้นที่ เข้าสู่คณะกรรมการพิจารณาเพิกถอนวีซ่าชาวต่างชาติ ที่มีการกระทำความผิดกฎหมาย



แต่ถ้าคดีความเสร็จสิ้นหลังวันที่ 13 มีนาคม ตม.จะต้องต่อวีซ่า กรณีผู้ถือวีซ่าเป็นผู้ต้องหามีคดีความ จนกว่าคดีความจะสิ้นสุด จากนั้นจึงจะพิจารณาไม่ต่อวีซ่าต่อไป ซึ่งคดีนี้ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ กระบวนการทางกฎหมาย จะต้องเดินหน้าต่อจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา



ส่วนกรณีเพิกถอนวีซ่า นาย เดวิด รองโฆษก สตม. บอกต้องรอคำพิพากษาถึงที่สุดของศาล เพราะผู้ต้องหาต่อสู้คดี



พันตำรวจเอก ปริญญา กลิ่นเกษร รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 และรองโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยความคืบหน้ากรณีปมการเพิกถอนวีซ่าของนาย เดวิด ว่า ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้ส่งรายงานการสืบสวน มาที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ตแล้ว ซึ่งอำนาจในการเพิกถอนจะขึ้นอยู่กับผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 ที่ดูแลพื้นที่จังหวัดภูเก็ต



นายเดวิด ตอนนี้ได้ถือวีซ่าประเภทธุรกิจ ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 13 มี.ค. 67 นี้ ซึ่งถ้านายเดวิดไม่ต่อวีซ่า ก็จะเป็นคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยใบอนุญาตสิ้นสุด แต่หากมาต่อวีซ่า ทาง ตม. ก็จะไม่ต่อวีซ่าธุรกิจให้ แต่จะต่อเป็นวีซ่าสำหรับการต่อสู้คดี ซึ่งให้ชาวต่างชาติอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อต่อสู้คดีความได้ วีซ่ามีอายุ 90 วัน และสามารถต่อได้จนกว่าคดีความจะถึงที่สุด แต่จะไม่สามารถประกอบธุรกิจได้แล้ว



สำหรับขั้นตอนการเพิกถอนวีซ่า ตม.ภูเก็ต จะประมวลข้อมูลพยานหลักฐานใช้ดุลยพินิจดูว่า เข้าข่ายบุคคลต้องห้ามเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ไม่มีหนังสือเดินทาง / ทำงานที่ชาวต่างชาติห้ามทำ / ไม่มีเงินยังชีพ / เคยต้องโทษ โดยศาลไทยหรือศาลต่างประเทศ พิพากษาจำคุก เป็นต้น ถ้าเข้าข่ายก็สามารถเพิกถอนวีซ่าได้เลย แต่ต้องมั่นใจในพยานหลักฐาน โดยเฉพาะเรื่องพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นภัยต่อสังคม ต้องให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เป็นการใช้อำนาจทางการปกครองเกินขอบเขต แต่การเพิกถอนวีซ่าโดยส่วนใหญ่ ตม. จะอาศัยคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลเป็นหลัก เพราะผู้ต้องหาหมดสิทธิในการต่อสู้คดีแล้ว ซึ่งไม่ต้องใช้ดุลพินิจ



หากมีการเพิกถอนวีซ่าจะขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์เป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตลอดชีวิต ต่อให้มีการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ก็ไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ เพราะ ตม. จะตรวจสอบจากอัตลักษณ์บุคคลและลายนิ้วมือเป็นหลัก



แต่บุคคลที่ถูกเพิกถอนวีซ่าก็ยังมีสิทธิในการขอยื่นปลดรายชื่อตนเองออกจากบัญชีแบล็คลิสต์ได้ หลังผ่านการถูกเพิกถอนวีซ่าไปแล้ว 5 ปี แต่จะได้รับอนุญาตหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/nA2-O8b4fNs

คุณอาจสนใจ

Related News