สังคม

'ผู้ว่าฯภูเก็ต' แถลงหลัง 'อนุทิน' เรียกกลับด่วน เคลียร์ทุกประเด็น สรุปคดีเดวิด

โดย passamon_a

10 มี.ค. 2567

259 views

จากกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กลับประเทศโดยด่วน หลังจากที่ผู้ว่าฯไปร่วมงานท่องเที่ยวจากเยอรมนี โดยให้เร่งกลับมาดูแลจังหวัดเพราะมีปัญหาเยอะ โดย นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าฯภูเก็ต ได้นัดแถลงข่าวกับสื่อ ในเวลา 15.30 น. ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อแถลงความคืบหน้าการแก้ปัญหาชาวสวิตเซอร์แลนด์ ทำร้ายร่างกายแพทย์หญิงชาวไทย


เมื่อวันที่ 9 มี.ค.67 เวลา 15.30 น. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, พลตำรวจตรี สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต แถลงข่าวประเด็นคดีนายเดวิด ทำร้ายร่างกายแพทย์หญิง, การตรวจสอบปางช้างและมูลนิธิของนายเดวิด และการบุกรุกพื้นที่ชายหาดสาธารณะ ในจังหวัดภูเก็ต  


นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงมหาดไทย เพราะได้เห็นข่าวที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เรียก นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กลับจากเยอรมัน ด้วยความเป็นห่วงว่า ท่านผู้ว่าฯ ท่านไปทำภารกิจให้กับคนภูเก็ตคือไปส่งเสริมการท่องเที่ยวและเป็นงานใหญ่ การที่ให้กลับมาภูเก็ตด่วนเพราะไม่สบายใจ จึงให้มาช่วยดูว่ามีประเด็นอะไรทำไมถึงต้องเรียกท่านผู้ว่ากลับมา ซึ่งก่อนมาแถลงข่าว ได้ซักถามกับท่านผู้ว่าฯทุกประเด็น ซึ่งท่านผู้ว่าฯมีข้อมูลเกือบทุกประเด็นที่สื่อมวลชนสงสัย


"ขอเรียนว่า ไม่ว่าใคร ชาวไทยหรือชาวต่างประเทศ ถ้าเข้ามาอยู่ในผืนแผ่นดินไทยหรือมาทำธุรกิจ มาทำงาน หรือมาประกอบกิจการใดในประเทศไทย ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน เราบังคับใช้แบบเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ เป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ไม่ประสงค์ ให้มีชาวต่างชาติเป็นผู้มีอิทธิพลเป็นมาเฟียหรือมาทำผิดกฎหมาย แล้วไม่มีบทลงโทษ โดยกำชับว่า การทำงานทั้งหมด ขอให้ผู้มีหน้าที่ทำตามกฎหมายเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี"


นายชำนาญวิทย์ กล่าวว่า เชื่อว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดที่จังหวัดภูเก็ตเกิดทุกแห่งเพียงแต่เป็นที่ต้องสงสัยเพราะภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวทุกชนชาติ มาภูเก็ต การมีข่าวออกไปทำให้เป็นที่สนใจแต่การที่มัวแต่จุดข่าวแบบนี้ อาจทำให้ท่านผู้ว่า ไม่มีเวลามานั่งตอบคำถามและลุกลามบานปลายไปหลายเรื่อง วันนี้มาเพื่อให้ทำทุกอย่างให้มันจบและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับชาวภูเก็ต สิ่งสำคัญคือ อยากให้คนมาเที่ยวภูเก็ต ไม่อยากสร้างบรรยากาศหรือการท่องเที่ยวในทางที่ไม่ดี ขอยืนยันว่าจะทำทุกอย่างให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ด้วยความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งในบางเรื่องการปฏิบัติที่ยังขัดข้องและยังไม่ชัดเจน ขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ไปทำงานก่อน ส่วนที่ชัดเจนแล้วทั้งหมด ท่านผู้ว่ามีข้อมูลตอบกับชาวภูเก็ต เพื่อขับเคลื่อนพาชาวภูเก็ตไปในทิศทางที่ดีงามได้ แล้วจะสรุปข้อมูลทั้งหมดรายงานท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อความสบายใจ ส่วนปัญหาในพื้นที่ ได้หารือกับท่านผู้ว่าแล้วในการขับเคลื่อนตามที่ได้หารือกันไว้


รองปลัดมหาดไทย ระบุด้วยว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเรียกท่านผู้ว่ากลับมา คือ ท่านเป็นห่วงจึงเรียกท่านผู้ว่ากลับมา แล้วท่านสั่งว่า ให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามกฎหมาย แล้วใช้กฎหมายเป็นบรรทัดฐาน และให้ทุกหน่วย ให้ความเป็นธรรม ดังนั้นถ้ายึดกฎหมายเป็นหลัก ทุกอย่างก็มีทางออกทุกเรื่องที่ไล่มา มีกฎหมายเขียนไว้หมดแล้ว แต่บางทีเราไม่แม่นหรือบางทีเราปล่อยปละละเลยไม่ได้บังคับและได้คุยกับท่านผู้ว่าไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้ท่านผู้ว่าเข้าใจทุกประเด็น ขอบคุณ จริง ๆ แล้วรัฐมนตรี ท่านเป็นห่วงท่านอยากให้เรื่องสงบอยากให้การท่องเที่ยว มันเวิร์ค และเห็นว่าท่านผู้ว่าไม่อยู่เดี๋ยวกลัวไม่มีใครมาช่วยขับเคลื่อนท่านร้อนใจ จึงให้ทางผมมาช่วยท่านผู้ว่า คิดว่าท่านมาถูกทางแล้ว ทั้งหมดไม่มีเจตนาอย่างอื่นเลยท่านต้องการให้ภูเก็ตเป็นเมืองสวรรค์เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งในช่วงไฮซีซั่นจะได้ทำเงินได้ดี นี่คือเจตนาของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย


"ซึ่งในเรื่องผู้มีอิทธิพลต้องทำให้ถูกกฎหมาย คนที่ทำไม่ถูกกฎหมาย และใช้อำนาจข่มขู่เหล่านี้คือผู้มีอิทธิพลส่วนคนที่ทำไม่ถูกกฎหมาย ใช้อำนาจข่มขู่ทำผิดกฎหมายต้องบังคับกฎหมาย การบังคับกฎหมายคือตัวเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่มีหน้าที่ ถ้าทำถูกต้อง หรือถ้าไม่มีคนทำก็ต้องมีคนร้อง เมื่อร้องมาผู้ว่าต้องลงไปดู ต้องเข้าไปตรวจสอบ ถ้าไม่ตรวจสอบทางผมก็จะลงมาติดตาม ว่าทำไปถึงไหนอย่างไร และประเด็นที่ประชาชนร้องเรียนได้ขับเคลื่อนหรือยัง เป็นสิ่งที่ท่านห่วงใย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สั่งให้กรมการปกครองตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ทั้งเรื่องที่ดินเรื่องปืนเรื่องมูลนิธิ และวันนี้ในเรื่องแปลง พื้นที่ 102 ไร่ ให้ตรวจสอบพื้นที่ เอกสารสิทธิ์ต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้เวลา" นายชำนาญวิทย์ กล่าว


ด้าน นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ได้พบกับสื่อมวลชนหลังจากที่ได้ไปราชการที่นครเบอร์ลินประเทศเยอรมนีไปงาน ITB เบอร์ลิน 2024 เป็นงานที่ยิ่งใหญ่เรื่องของการท่องเที่ยวระดับโลกซึ่งมีนายกรัฐมนตรีร่วมในงานนี้ด้วย จึงจำเป็นต้องไป และไปก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น ซึ่งระหว่างที่อยู่ที่เยอรมนีเวลาต่างกันกับประเทศไทย 6 ชั่วโมง ต้องตื่นตี 3 มาพูดคุยกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ทั้ง 2 ท่าน เพราะเวลาที่ภูเก็ต เวลา 09.00 น สรุปว่าตาโบ๋ไปหลายคืน ได้สั่งการในเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นห่วง ขณะที่เยอรมันยังติดภารกิจเมื่อเสร็จจากการรับเสด็จ จึงรีบเดินทางกลับมาที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งยังไม่ได้เจอกับนายกรัฐมนตรีด้วย


"ขอสรุปประเด็นตั้งแต่เกิดเหตุ ในวันเกิดเหตุ คดีนายเดวิดชาวต่างชาติทำร้ายร่างกายแพทย์หญิง ทุกหน่วยลงพื้นที่ ติดตามเหตุการณ์โดยตลอด ได้สั่งการทางโทรศัพท์ ไปยังรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่รักษาราชการแทน ทั้ง 3 ท่าน กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่าง เรื่องการทำร้ายร่างกาย ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนวิลล่า คืนที่บางส่วนที่รุกล้ำในพื้นที่สาธารณะดำเนินคดีแจ้งความ ส่วนเรื่องการรื้อถอนได้ทำการรื้อถอนเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องของ วีซ่า ขณะนี้ทาง สตม. ได้เพิกถอนวีซ่าแล้ว กำลังไปเข้าบอร์ดคณะกรรมการอีกชุดหนึ่ง ของทางสตม จะต้องดำเนินการ พิจารณาอีกรอบหนึ่ง ถือว่า สตม.เพิกถอน แล้วเพียงแต่คณะกรรมการต้องให้ความเห็นชอบอีกชุดหนึ่ง ตอนนี้ของคุณเดวิดถือว่า วีซ่าถูกเพิกถอนแล้ว ควบคุมตัวอยู่ที่ สตม. ได้ประกันตัว ในการต่อสู้คดี ซึ่ง ตม.ให้อยู่เฉพาะที่ ต้องรายงานตัวกับ ตม. ทุก 15 วัน รอคณะกรรมการ มีความเห็นอย่างไรดำเนินการตามนั้น ในเรื่องวีซ่า


ส่วนเรื่องปางช้าง ได้ตรวจสอบในหลายหน่วยกฏหมายหลายตัว กฎหมายของพาณิชย์จดทะเบียนเป็นบริษัท ซึ่งพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต ได้ตรวจสอบแล้ว จดทะเบียนถูกต้อง หุ้นส่วนถูกต้อง ให้สรรพากรตรวจสอบ การเสียภาษี มีการเสียภาษีบุคคลธรรมดา นิติบุคคลครบถ้วน ยกเว้นปี 66 ซึ่งจะหมดเขตในเดือนมีนาคมนี้ จะต้องยื่นเสียภาษี ส่วนเรื่องช้างมีทั้งหมด 14 เชือก ในจำนวนนี้ 13 เชือกเข้ามามีตั๋วรูปพรรณถูกต้อง ส่วนอีกหนึ่งเชือกซื้อมาจากจังหวัดแพร่ มีการโอนทะเบียนสัญญาซื้อขายถูกต้อง เช่นเดียวกัน


ส่วนมูลนิธิ จดทะเบียนมีคณะกรรมการ ในชุดบริษัท ไปเป็นกรรมการมูลนิธิด้วย ซึ่ง ข้อเท็จจริง มีโลโก้ มูลนิธิและโลโก้บริษัทเป็นโลโก้เดียวกัน ทางจังหวัดได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง คณะกรรมการมูลนิธิ ให้ชี้แจงภายใน 30 วัน หลังจากนั้นจะพิจารณาเหตุผลการชี้แจง คิดว่า จะเข้ามูลเหตุในการเอามูลนิธิไปแสวงหาประโยชน์ซึ่งจะขัดต่อกฎหมาย หลังจาก 30 วัน ที่เขาชี้แจงแล้ว จะยื่นไปยังอัยการ ให้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ยกเลิกมูลนิธิ ที่จะเป็นขั้นตอนต่อไป


ส่วนอาวุธปืน 2 กระบอกที่ออกไป คือ ปืนสั้น ออกเมื่อปี 63 ชื่อนายเดวิดครอบครองส่วนปืนยาวออกเมื่อปี 65 ชื่อผู้ครอบครองนายเดวิด ขอในนามมูลนิธิ กฎหมายไม่ได้ห้ามมีอาวุธปืน ซึ่งไม่ได้พกปืน จากพฤติกรรมที่นายอำเภอถลางเป็นนายทะเบียนอาวุธปืน ตรวจสอบ พฤติกรรม ของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว เข้าข่ายที่จะเป็นอันตรายต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามข้อเท็จจริงได้เพิกถอนทะเบียนอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกเรียบร้อยแล้วเช่นกัน


ทั้งนี้ ในวันที่ 15 มีนาคมนี้ ทาง DSI จะเข้ามาพบ และจะไปตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน โดยทางจังหวัดจะให้ข้อมูลกับ DSI ติดตามตรวจสอบในรายละเอียดเรื่องบัญชีของธนาคารต่าง ๆ ซึ่งมีความจำเป็น


ส่วนที่ดิน ที่หาดแหลมหงา ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต สถานที่ถนนเป็นทางหลวงชนบท แต่ เขาปิดทางในเขตที่อยู่พื้นที่ต่อเนื่องกับเอกชน ได้นัด เจ้าของพื้นที่หารือกันในวันนี้ ให้เปิดโดยถาวร โดยจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ที่ประตูเปิด ให้ทางเทศบาลตำบลรัษฎา จัดเจ้าหน้าที่ดูแลความสะอาด ความปลอดภัย และติดไฟส่องสว่าง ตลอดระยะทาง ให้เกิดความปลอดภัยของถนน เรื่องขยะ ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คิดว่าเราน่าจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข สิ่งใดที่ต้องบังคับใช้กฎหมายก็ต้องบังคับใช้ตามกฎหมายสิ่งใดที่ต้องขอที่ของเขา ทางจังหวัดยินดีขอพูดคุยกับเขา ซึ่ง วันนี้มีผู้ใหญ่ใจดีบริจาคถนนให้อีก 3 ราย จากเส้นทางกะทู้ไป ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง อยากให้เกิดภาพเช่นนี้ขึ้นในจังหวัดภูเก็ต ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ทุกคนเข้ามาเที่ยวมีความสุขและคนอยู่ก็มีความสุข


นายโสภณ กล่าวต่อไปว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาจังหวัดภูเก็ตมีทั้งดีและไม่ดี ได้นำเงินเข้ามาจังหวัดภูเก็ตซึ่งคนไทยก็มีทั้งดีและไม่ดีเหมือนกัน จะต้องแยกให้ออกคนไหนที่ไม่ดีต้องจัดการตามกฎหมายไม่มีเว้น อยู่แล้ว ซึ่งที่อื่นก็เหมือนกัน มีการดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน ส่วนการเข้ามาทำธุรกิจเป็นบทเรียน ซึ่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยให้บทเรียนกับส่วนราชการว่า ต้องใช้ความระมัดระวัง การจดทะเบียนต่าง ๆ ให้ตรวจสอบว่ามีเจตนาซ่อนเร้นหรือไม่ ซึ่ง ดูยากเหมือนกัน เพราะเข้าข้อกฎหมายตามที่มี ทำให้ปฏิเสธไม่ได้


คิดว่าทางกระทรวงมหาดไทย และทางหน่วยเหนือคงเป็นบทเรียนให้กับจังหวัดอื่นด้วย ซึ่งมีทั้งหมด ต้องยอมรับว่า คนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจ ในบ้านเรา ซึ่งเขาต้องอ้างระเบียบกฎหมาย ในการมีสัดส่วนถือหุ้นในบริษัทต่างชาติ 49% คนไทย 51% เป็นกฎหมาย ที่หลายกระทรวงต้องเชื่อมโยงกัน ทั้งกระทรวงพาณิชย์ เรื่องภาษีและ เรื่องธุรกิจนำเที่ยว หลายส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ พยายามมอนิเตอร์ดูให้ละเอียด


ทางจังหวัดมอบให้ตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมา โดย นายกองเอกอดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการไปจับกุมชาวต่างชาติ จำนวนหลายรายที่ทำผิดกฎหมายแล้ว หากท่านใดพบเห็นคนต่างชาติทำผิดกฎหมายขอให้แจ้งมาที่จังหวัดภูเก็ตได้ทันที แต่ปัญหาคือ เมื่อไปตามที่รับแจ้งมักจะมีคนไทยเข้ามารับ นี่คือความจริง เป็นเสียแบบนี้ คือ พอส่งเรื่องมา มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ทันที กลายเป็นคนไทยเข้ามานั่งแทนคนต่างชาติแล้ว


นอกจากนี้ จังหวัดภูเก็ต ตั้งกรรมการขึ้นมาอีก 1 ชุด ตรวจสอบพื้นที่ชายหาดสาธารณะ ที่มีการปิดซึ่งจะต้องเปิดตามข้อกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาการรังวัดไม่ได้แบ่งแยกถนนส่วนกลางไว้ มีการออกโฉนดติดเต็มพื้นที่ หลักการไม่ถูก คือ ไม่มีที่ลง จะตั้งกรรมการแต่ละชุดขึ้นมา ตรงไหนที่เป็นทางสาธารณะประโยชน์ต้องเปิด ตรงไหนที่ไม่มี ต้องใช้วิธีการขอพื้นที่ ซึ่งตนแบกหน้าจนไม่รู้จะไว้ตรงไหนแล้ว คือขออย่างเดียว ขอไม่ได้ก็ซื้อ ให้พอมีทางเดินลงไปได้ก่อนไม่ต้องใหญ่มากเป็นแนวทางที่วางกันไว้ เพื่อให้เดินลงหาได้ไม่มีเป็นของใครหาดเป็นที่สาธารณะประโยชน์แต่การเดินลงหาด เพราะบางทีโฉนดเล่นเต็มผืนยาว ขวางทางลงหาดทั้งหมดซึ่งเป็นเรื่องการออกโฉนดในอดีตต้องมาแก้กันในตอนนี้ ต้องขอพื้นที่ของเขา หากประชาชนมีข้อสงสัยแปลงใดให้ตรวจสอบยื่นได้ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต" นายโสภณ กล่าว


ด้าน พลตำรวจตรี สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สถิติตัวเลขการจับกุมคนต่างชาติ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณมีการจับกุมชาวต่างชาติที่เป็นผู้ต้องหาทั้งหมด 360 กว่ารายในห้วงที่ผ่านมาตั้งแต่ วันที่ 5-10 ที่มีการระดมทุกหน่วยมีการจับกุมชาวต่างชาติที่ผิดกฎหมาย หรือ Over Stay 33 ราย เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดรับคนงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงานเรื่องยาเสพติดเรื่องค้าประเวณีโดยแบ่งเป็นรัสเซีย 11 รายเมียนมาร์ 5 อังกฤษ 3 จีน 3 ออสเตรเลีย 1 มีทุกชาติที่มีการกระทำความผิด


ตามดำริผู้ว่าฯภูเก็ต มีการจัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจคนต่างด้าวซึ่งในศูนย์นี้จะรับเรื่องร้องเรียนเบื้องต้นและสามารถแจ้งผ่านได้ทางทุกพื้นที่และเพจของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีการบูรณาการกำลังทั้งฝ่ายปกครองร่วมกันดำเนินการและจะมีการกำหนดช่องทางในการแจ้งเพิ่มเติมทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ ทางไลน์หรือช่องทางต่าง ๆ ซึ่งเป็นคัทเอาท์โฆษณาไว้ สามารถแจ้งพฤติกรรมชาวต่างชาติที่มีการละเมิดกฎหมายได้ทางช่องทางดังกล่าว ซึ่งการกระทำความผิดทั้งคนไทยและคนต่างชาติได้กำชับไปทุก สภ.ให้ดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด เบื้องต้น ยังไม่มีมาเฟียต่างชาติ


ในส่วน สภ.ป่าตอง ที่มีกลุ่มกระเทยอยู่ในพื้นที่ ได้จัดทำประวัติทั้งหมดไว้แล้ว ที่สำคัญในเรื่องกล้องวงจรปิดและความร่วมมือจากเทศบาลเมืองป่าตอง และเอกชนมีการดูพฤติการณ์บุคคลเหล่านี้อยู่หากมีเหตุขึ้นจริงสามารถติดตามจับกุมได้แต่ในส่วนเรื่องการป้องกันทุกคนที่อยู่สามารถทำประวัติได้




รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/I_QPRTd5JAk

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ฝรั่งเตะหมอ ,ผู้ว่าฯภูเก็ต

คุณอาจสนใจ