สังคม

คึกคัก! แห่ถ่ายรูปเช็คอินบันได 'ฝรั่งเตะหมอ' - คนขับรถพยาบาล เล่าวีรกรรมฝรั่งกร่าง ตร.ยันไม่มีใครมาสั่งได้

โดย passamon_a

3 มี.ค. 2567

4.3K views

นักท่องเที่ยวและชาวภูเก็ต แห่เช็คอินถ่ายรูป บันไดจุดเกิดเหตุฝรั่งเตะหมอ - แฉอีก ฝรั่งกร่างแจกนิ้วกลางใส่ และทำมือเหมือนปืนขู่รถพยาบาล ล่าสุด ฝรั่งและภรรยาชาวไทยยอมถอนแจ้งความ ไม่เอาผิดพนักงานขับรถโรงพยาบาลแล้ว ด้านผู้กำกับยืนยันไม่มีใครมาสั่งได้


เมื่อวันที่ 2 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ตลอดทั้งวันพบว่า มีนักท่องเที่ยวคนไทย ที่เป็นชาวภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง ตั้งใจเดินทางมาหาดยามูล บางคนหอบลูกหอบหลาน นำเสื่อมาปูนั่งเล่นริมหาด ซึ่งทุกคนบอกว่า หลังข่าวหมอปายถูกทำร้ายร่างกาย จนกลายเป็นกระแส ก็อยากมาดูจุดเกิดเหตุ บันไดวิลล่า และถ่ายรูปเช็คอินเก็บไว้ ก่อนที่บันไดจะถูกรื้อ


ส่วนกระแสที่มีการเรียกให้ตรวจสอบการใช้พื้นที่สาธารณะ ยอมรับ พูดยาก ขนาดเป็นคนภูเก็ตเอง ยังไม่รู้ว่าจุดไหนเป็นที่ส่วนบุคคล หรือที่สาธารณะ จริงอยู่พื้นที่ชายหาดเป็นที่สาธารณะ แต่ที่ดินหน้าหาดเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ชาวบ้านธรรมดาไม่สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ เพราะทางเข้าถูกปิดหมด


ประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตรายหนึ่ง บอกว่า เดินทางมาจากตัวเมือง เพื่อจะมาดูด้วยตาตนเองว่า วิลล่าหลังดังกล่าวและพื้นที่ที่มีการตรวจสอบและออกข่าวไปนั้น เป็นอย่างไร ซึ่งปกติก็ไม่เคยได้มาแถวนี้ และทราบว่าพื้นที่บริเวณตรงนี้ก่อนนี้บุคคลทั่วไป ไม่สามารถเดินเข้ามายังพื้นที่ชายหาดได้ แต่เมื่อมีข่าวออกไปแล้ว ตนอยากรู้จึงตัดสินใจเดินทางมา เพื่อที่จะเห็นด้วยตา


นอกจากนี้ กรณีเพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว โพสต์คลิปแฉพฤติกรรม พร้อมข้อความว่า ผัว-เมียเตะหมอภูเก็ตแช่ขวา ชูนิ้วกลางกร่างใส่รถกู้ชีพ...แต่ที่มันแซ่บไปกว่านั้นฟ้องกลับคู่กรณีเอาผิด พ.ร.บ.คอมกับรถพยาบาล ให้เหตุผลว่าผิดกฎจราจรโทษน้อยกว่าเพราะฉันรู้จักตำรวจใหญ่ ๆ ภูเก็ตหลายคน คดีอยู่ที่ สภ.ถลาง - เชิงทะเล จ.ภูเก็ต


ทางเพจยังได้บอกอีกว่า “รถคันนี้ไม่ได้เปิดไซเรนนะคะ เพราะไม่ได้มีเหตุฉุกเฉิน แต่เนื่องจากจะนำวัคซีนและไปประจำจุดฉีดวัคซีนให้กับชาวบ้าน แต่ด้วยพฤติกรรม ต่อให้รถพยาบาลไม่เร่งรีบหรือไม่มีผู้ป่วยก็จริง แต่เขาก็ไม่ควรแสดงพฤติกรรมหรือแสดงท่าทางเยี่ยงนี้”


หลังจากคลิปดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผัวเมียคู่นี้  


วันที่ 2 มี.ค. ว่าที่ ร.ต.วิบูลย์ ฮ้อบุตร คนขับรถพยาบาลคันดังกล่าว เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 25 ธ.ค.66 เวลา 20.21 น. ตนได้รับมอบหมายให้ขับรถพยาบาลของ รพ.ถลาง ไปสแตนบายศูนย์ฉีดวัคซีนที่ห้างโรบินสัน สาขาถลาง ระหว่างขับไปเลยวงเวียนอนุสาวรีย์แล้วไปยูเทิร์นที่บ้านหยี่เต้ง แต่ระหว่างที่ขับไปเรื่อย ๆ ก็มีชายชาวต่างชาติ ขับรถยนต์ออร์ดี้ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ก 8881 ภูเก็ต ขับมาแทรกขวาแล้วตัดหน้า ตนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร


หลังจากนั้นเขาลดกระจกทำลักษณะมืออ้อมหลังคาเหมือนกับให้ตนไปซ้าย แต่จุดประสงค์คือต้องกลับรถ หลังจากนั้นเขาก็โชว์นิ้วกลางให้ตน พร้อมทำมือเป็นปืนจ่อหัว พอไปถึงจุดขับรถเขาก็ลดกระจกแล้วชูนิ้วกลาง พร้อมกับคำพูดว่า f…k you ด้วยความโมโหก็เลยตะโกนด่ากลับไป หลังจากนั้นเขาก็ขับหนีตนไปจนถึงหน้าวัดท่าเรือ แต่เขาหนีไม่ได้เพราะว่ารถติด สุดท้ายก็มาอยู่หน้ารถตนเหมือนเดิม จนไปถึงอนุสาวรีย์เขาก็แยกย้ายไปทางฝั่งเชิงทะเล ตนก็แวะโรบินสัน สาขาถลาง


หลังจากนั้นตนก็โพสต์คลิปลงในโซเชียล ก่อนจะไปแจ้งความเพราะกังวลเรื่องที่ชายคนดังกล่าวทำท่าปืนจ่อหัว หวั่นเกิดอันตราย กระทั่งวันที่ 29 ธ.ค.66 ตำรวจ สภ.ถลาง ติดต่อตนมาว่า คู่กรณีแจ้งความไว้ที่ สภ.เชิงทะเล ก่อนที่จะประสานเพื่อนัดพูดคุยกับคู่กรณี


จนวันที่ 3 ม.ค. ตนพาแฟนและพยานเพื่อไปไกล่เกลี่ยและรับทราบรายละเอียดต่าง ๆ พอเข้าไปในห้องพูดคุย ก็มีฝรั่ง ภรรยา และตำรวจ จนตนมาทราบว่าตนมีความผิด พอคุยจบแยกย้าย จึงได้ยกมือไหว้ขอโทษฝรั่ง และฝรั่งก็ไหว้ตนกลับ ก่อนที่ตนจะหันไปไหว้ภรรยา แต่ว่าเขาไม่รับไหว้ แถมมองตนด้วยความอาฆาต


ต่อมาวันที่ 10 ม.ค. ตำรวจ สภ.เชิงทะเล ติดต่อมาแจ้งเตือนว่า คู่กรณีต้องการให้ตนลบโพสต์ แต่ก่อนที่จะลบโพสต์ให้ตนแคปหน้าจอทั้งหมดที่ตนโพสต์ไปแล้วกลับมาโพสต์อีกครั้งหนึ่ง กลับถึงบ้านตนก็ได้แคปหน้าจอและโพสต์ตามที่ตำรวจแจ้งมา หลังจากนั้นวันที่ 11 ม.ค. พอไปถึงไม่เจอคู่กรณี หลังจากที่นั่งรอได้มีโทรศัพท์โทรเข้ามาถามว่าทำงานที่ไหน เงินเดือนเท่าไร มีลูกมีเมียไหม คุยไปตามที่เขาถาม


หลังจากนั้นตำรวจแจ้งว่าให้ตนโพสต์ให้ติดต่อกัน 7 วัน ก็เลยถามว่าหลังจากโพสต์ครบ 7 วันแล้ว เขาจะถอนแจ้งความหรือไม่ ตำรวจก็บอกว่าขึ้นอยู่กับความพอใจของคู่กรณี หลังจากนั้นไม่นานก็เบอร์เดิมโทรเข้ามาอ้างว่าเป็นผู้การ บอกว่าเปลี่ยนเป็นให้ตนทำคลิปโพสต์ 7 วัน ตนก็รับปาก


จากนั้นวันที่ 17 ม.ค. ตำรวจก็นัดให้ตนไปคุยอีกครั้ง โดยอ้างว่าผู้กำกับต้องการที่จะพูดคุยในส่วนของเรื่องนี้ พอวันรุ่งขึ้นตนก็ได้ไปที่ สภ.เชิงทะเล และได้พบกับผู้กำกับและคู่กรณี ซึ่งมีทนายมาด้วย ส่วนตนก็ได้พาแฟนไป แต่คุยกันไม่ลงตัว จุดประสงค์คือให้ตนโพสต์ขอโทษ แต่เคลียร์ไม่ลงตัวคือการให้การแบบนี้ไม่โอเค ตนก็เลยบอกว่าแบบนี้ได้ไหมให้ทนายพิมพ์มาคำขอโทษต่าง ๆ นี้ว่าโอเคไหม


หลังจากนั้นทนายก็พิมพ์มาและตนกับแฟนได้อ่าน หลังจากอ่านแล้วแฟนก็พาลที่ประโยคสุดท้ายกับคำว่า “ต่อไป ตนจะไม่โกหกและไม่ทำตัวแย่ ๆ แบบนี้อีก” แฟนตนก็บอกว่าขอคัดค้านเพราะไม่ได้โกหกมันเป็นเรื่องจริง และโต้เถียงกันด้วยคำว่าโกหกให้อีกฝั่งถอนคำว่าโกหกแล้วถึงจะโพสต์ ถ้าไม่ถอนก็จะไม่โพสต์ ต่างก็โต้เถียงกันไปมา ตนก็ได้เดินออกจากห้อง หลังจากนั้นผู้กำกับก็พูดว่าถ้าตนไม่โพสต์ จะต้องติดคุกประมาณ 3-4 ปี


จากนั้นวันที่ 27 ก.พ. ตำรวจ สภ.เชิงทะเล ให้ตนไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันรุ่งขึ้น ตนก็รับปากเพราะโทรมาในเวลากลางวัน แต่ตอนเย็นตนมีภารกิจด่วนซึ่งไม่ได้ไป จึงโทรไปหาตำรวจ 2 สาย แต่ไม่รับ ก็เลยส่งไลน์ไปหา จนถึงตอนนี้ตำรวจยังไม่เปิดอ่าน ตนดูแล้วว่าให้ตนไปรับทราบข้อกล่าวหา ถ้าตนประสานไปแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ถ้าหากมีกรณีผิดพลาดอย่างไรตนก็กลัวมีความผิด ซึ่งล่าสุดตนได้ดูจากสื่อบางสื่อเรื่องการเคลียร์กับคู่กรณี ตนขอชี้แจงว่าตนไม่ได้ค่าชดเชยอะไรสักอย่างจากคู่กรณีเลย


ล่าสุด ทีมข่าวได้สอบถาม พันตำรวจเอก วีระพงษ์ รักขิโต ผู้กำกับ สภ.เชิงทะเล ระบุว่า คดีดังกล่าวนั้นยอมรับว่ามีการไกล่เกลี่ยกันหลายรอบแต่ไม่เป็นผล เพราะทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่าผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตสั่งให้ตนเองเคลียร์ เรื่องนี้นั้นไม่เป็นความจริง ตนเองทำตามหน้าที่ไม่ได้มีใครมาสั่ง เพราะเป็นคดีที่สามารถยอมความกันได้ ก็พยายามไกล่เกลี่ยให้ทั้งคู่ยอมความกันและขอโทษกันเพื่อเรื่องจะจบ แต่เมื่อไม่จบก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย


ทั้งนี้หลังจากเกิดเรื่องการเตะคุณหมอ และบานปลายมาเป็นเรื่องนี้ วันที่ 2 มี.ค. ทนายของชาวต่างชาติรายดังกล่าวและภรรยา ได้เดินทางมายื่นขอถอนแจ้งความไม่ดำเนินคดีกับ ร.ต.วิบูลย์ คนขับรถพยาบาล เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ติดใจเอาความและไม่ขอดำเนินคดีใด ๆ ทั้งสิ้น ทางคดีก็ถือว่าจบไป


ส่วนการก่อเหตุในคดีอื่น ๆ ของสองสามีภรรยาชาวต่างชาตินั้น ในพื้นที่ สภ.เชิงทะเล ไม่พบข้อมูล ว่าเคยมีคดีติดตัวหรือแจ้งความดำเนินคดีกับใคร


ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ในระหว่างการไกล่เกลี่ยทางคดีของทั้งสองฝ่าย มีการพยายามอ้างถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และมีพฤติกรรมกร่างจริงหรือไม่ ผู้กำกับ สภ.เชิงทะเล ยืนยันว่าไม่มีและไม่มีใครมาสั่งตำรวจได้ ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน คดีนี้ก็เป็นเพียงการโพสต์ภาพการขับรถของคู่กรณีลงในโซเชียล ไม่ใช่คดีอาชญากรรมหรือการทำร้ายร่างกายกัน พนักงานสอบสวนพยายามเจรจาไกล่เกลี่ยรอบแรก แต่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้จึงแจ้งมายังตน ตนจึงเป็นคนประสานงานและเรียกทั้งสองฝ่ายมาเจรจา จนถึงวันนี้ก็ยอมถอนแจ้งความเรียบร้อยแล้ว และขอยืนยัน ไม่มีใครมากร่างในพื้นที่



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/JOXR4C9rCoE

คุณอาจสนใจ

Related News