อาชญากรรม

คุมตัวทำแผน! ‘ไอ้ทอย’ ผัวโหดเลือดเย็นฆ่า ‘น้องนุ่น’ ร่ำไห้เปิดปากบอกสำนึกผิด ตร.แจ้ง 3 ข้อหาหนัก

โดย petchpawee_k

22 ก.พ. 2567

224 views

คุมตัวทำแผน 4 จุด!  ผัวโหดฆ่าเมีย ซื้อน้ำมัน-ยัดร่างใส่กระเป๋าไปเผาอำพรางในสวนยางปราจีนบุรี ใช้เวลาอยู่จุดนี้ 1 ชั่วโมง นั่งขอโทษขอขมาภรรยาก่อนขับรถกลับ เจ้าตัวเสียใจฝากถึงเมีย ถ้ารับรู้จะชดใช้ให้ตามที่สัญญาไว้ก่อนจะนำไปเผา ด้านรองผู้การฯ นนทบุรี เผย หลังทำแผนครบ 4 จุด นาย “ทอย” ร่ำไห้ตลอด ยอมรับฆ่าเมียตัวเอง แจ้ง 3 ข้อหาหนัก จำนนต่อหลักฐานรับสารภาพทุกขั้นตอนด้วยความสำนึก หลังจากก่อนหน้านี้ปกปิดข้อมูล


จากกรณี น.ส.ชลลดา หรือ นุ่น อายุ 27 ปี หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา  กระทั่งสามีสารภาพมีปากเสียงกันและเป็นคนลงมือทำร้ายภรรยาจนเสียชีวิต แล้วนำร่างไปทิ้งเผาอำพรางที่ จ.ปราจีนบุรี ในสวนยางและยูคาลิปตัส เหลือเพียงโครงกระดูก


วานนี้ (21 ก.พ.) เวลา 09.50 น.เจ้าหน้าที่ตำรววจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้ควบคุมตัวนายศิริชัย หรือ ทอย อายุ 33 ปี สามีของ น.ส.ชลลดา ออกจากห้องขัง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 4 จุด ซึ่งเป็นจุดหลัก ๆ ในการสังหารและนำร่างภรรยาไปเผาอำพราง


จุดแรก คือ บ้านพักภายในหมู่บ้านลูกกอล์ฟ เป็นบ้านของผู้ต้องหาและภรรยา ซึ่งจากคำให้การของผู้ต้องหาเป็นจุดที่มีการลงมือทำร้ายร่างกายซ้ำ หลังจากที่มีการก่อเหตุบริเวณริมถนนแจ้งวัฒนะ โดยตำรวจพาตัวเข้าทางประตูหลังของบ้านและเริ่มชี้จุดที่พาตัวภรรยาสาวออกจากรถเข้าไปในบ้าน และจุดที่ลากกระเป๋าที่บรรจุร่างของภรรยาสาวออกมาในช่วงเช้าของวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่บริเวณด้านหลังของตัวบ้านและพาขึ้นทางเบาะซ้ายของประตูหลัง

ซึ่งภายในบ้านยังคงมีรถยนต์ยี่ห้อ บีเอ็มดับเบิลยู สีขาว จอดอยู่ ซึ่งเป็นรถที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ  ทั้งพาภรรยาไปเลี้ยงฉลองวันเกิด และเริ่มทำร้ายร่างกาย ก่อนพาตัวกลับมา และเป็นรถที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายหลังจากที่ภรรยาเสียชีวิต ไปเผาอำพรางในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี  


โดยตลอดการชี้จุดประกอบคำรับสารภาพตำรวจให้สื่อมวลชนรออยู่ที่บริเวณด้านนอกของตัวบ้าน แต่มีการเปิดหน้าต่าง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการชี้จุดทั้งหมด


ต่อมาตำรวจคุมตัวนายศิริชัยกลับขึ้นรถตู้ โดยทีมข่าวที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ พยายามสอบถามนายศิริชัย ว่ารู้สึกผิดกับเหตุการณ์นี้หรือไม่ นายศิริชัย ระบุว่า ตนเองอยากขอโทษกับสิ่งที่ทำไป ตอนนี้เป็นห่วงลูกอย่างมาก เมื่อสอบถามว่ามีอะไรอยากจะบอกกับนุ่นหรือไม่ นายศิริชัย ระบุเพียงสั้น ๆ ว่าถ้านุ่นรับรู้ตนเองจะขอชดใช้ทุกอย่างให้ตามที่สัญญากับนุ่นไว้ ก่อนที่จะพานุ่นไปเผา


จุดที่ 2 ตำรวจคุมตัวนายศิริชัย ไปชี้จุดเพิ่มเติมที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.ริมถนนแจ้งวัฒนะ ขาเข้าใกล้เคียงแจ้งวัฒนะปากเกร็ดซอย 15 ซึ่งเป็นจุดที่นายศิริชัย  ขับรถออกจากบ้านพัก มาแวะซื้อน้ำมันใส่แกลลอน จำนวนเงิน 1,400 บาท เพื่อเตรียมใช้ในการเผาอำพรางร่างของภรรยา  โดยการชี้จุดดังกล่าวเป็นการชี้จุดบนรถเนื่องจากวันก่อเหตุตัวนายศิริชัย ไม่ได้ลงจากรถ


จุดที่ 3 คุมตัวนายศิริชัย ไปชี้จุดเกิดเหตุริมถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นจุดที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด พบว่านายศิริชัย เริ่มทำร้ายร่างกาย น.ส.ชลลดา ภรรยาสาว


สำหรับเวลาเกิดเหตุในจุดริมถนนแจ้งวัฒนะใกล้เคียงซอยแจ้งวัฒนะปากเกร็ด 38  ทีมข่าวพบว่า เวลาในกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ ระบุในช่วงเวลา 22.40 น.นั้น จากการตรวจสอบพบว่า  เวลาในกล้องไม่ตรงกับเวลาเกิดเหตุจริง โดยห่างจากเวลาจริงประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที จึงคาดการณ์ว่าเวลาที่เกิดเหตุที่จุดนี้ จะอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 1.30 นาทีโดยประมาณ

จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายศิริชัยขึ้นรถตู้ ไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดที่ 4 คือ สวนยางริมถนนหมายเลข 359 ใกล้กับพื้นที่ หมู่ 10 ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นจุดที่นายศิริชัย นำร่างของภรรยามาเผาทิ้งทำลายหลักฐาน หลังทำร้ายร่างกายภรรยาจนเสียชีวิตในพื้นที่ สภ.ปากเกร็ด

โดยตำรวจได้นำกระเป๋าเดินทางแบบลาก (ใช้บรรจุศพ) และแกลลอนน้ำมัน มาจำลองเหตุการณ์ในเผาอำพรางด้วย  ซึ่งในที่เกิดเหตุได้มีการเคลียร์พื้นที่หมดแล้ว แต่ยังคงมีร่องรอยของกองไฟที่มอด เศษกระเป๋าเดินทาง และร่องรอยไหม้บนต้นยาง  ใช้เวลาทำแผนตรงจุดนี้ไม่ถึง 10 นาที จากนั้นได้นำตัวนายศิริชัย ขึ้นรถตู้กลับไปยัง สภ.ปากเกร็ด ทันที่ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด


ข้อมูลจากตำรวจ ระบุว่า นายศิริชัย นำร่างของภรรยามาเผาอำพรางในช่วงบ่ายของวันที่ 18 ก.พ. จากนั้น 19 ก.พ.ก็ขับรถย้อนกลับมาดูตรงจุดที่เผาอำพราง  ระหว่างทำแผน นายศิริชัย ให้การว่าได้นำกระเป๋าใบใหญ่ที่ยัดศพภรรยามาที่จุดนี้ ก่อนเปิดกระเป๋า ใช้น้ำมันที่ซื้อมา ราดลงบนร่างและราดเป็นทางออกมาข้างนอกกระเป๋าให้ไฟลุกตามทาง ก่อนใช้ไฟแช็คจุดไฟเผา และโยนแกลลอนน้ำมันเข้าไปในกองเพลิง โดยนายศิริชัย บอกตำรวจว่าใช้เวลาอยู่ที่จุดนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยได้นั่งขอโทษขอขมาภรรยาก่อนเดินทางกลับ


ทีมข่าวได้ข้อมูลจากการสืบสวนว่า ปกติแล้วนายศิริชัยจะใช้เส้นทางถนนหมายเลข 359 ขับรถเพื่อไปรับส่งภรรยาที่ด่านชายแดนอรัญประเทศเป็นประจำ เพื่อข้ามไปบ่อนการพนันที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จึงมีความคุ้นชินเส้นทางนี้

ทีมข่าวสำรวจบริเวณจุดทิ้งศพเพิ่มเติม พบว่าใกล้กัน ห่างจากจุดเผาประมาณ 20 เมตร พบหลักฐานต้องสงสัยคือไฟแช็กที่ตกอยู่ที่พื้นดิน ลักษณะเป็นไฟแช็กใหม่ น่าจะเพิ่งผ่านการใช้งาน ไม่น่าจะเกินประมาณ 1-2 ครั้ง เนื่องจากแก๊สที่อยู่ในไฟแช็กยังเต็มอยู่  ซึ่งตำรวจจะเข้ามาเก็บหลักฐานเพิ่มเติมไปพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องกับนายศิริชัย ผู้ก่อเหตุหรือไม่

พ.ต.อ.สุรพร เทพเสนผู้กำกับการ สภ.ระเบาะไผ่ เปิดเผยว่า หลังมีการพบศพที่ถูกเผานั่งยางภายในป่ายาง จนเหลือเพียงโครงกระดูก ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานกู้ภัยนำร่างปริศนาที่คาดว่าจะเป็นน้องนุ่น ผู้เสียชีวิต ส่งมายังสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการตรวจ DNA พิสูจน์ให้แน่ชัดว่าเป็นน้องนุ่นหรือไม่ โดยได้นำศพมาส่งตั้งแต่ช่วงกลางดึกของวันที่ 20 ก.พ.


ทั้งนี้ตนได้ให้พนักงานสอบสวน สภ.ระเบาะไผ่ ประสานไปยังพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เพื่อเก็บตัวอย่าง DNA ของแม่น้องนุ่นเพื่อไปตรวจสอบเปรียบเทียบ ส่วนจะใช้เวลากี่วันนั้น ต้องประสานไปยังนิติเวชฯ


ภายหลังที่ตำรวจนำตัวนายศิริชัย หรือทอย อายุ 33 ปี สามีของ น.ส.ชลลดา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพครบทุกจุด 


พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ที่เดินทางมาติดตามเฝ้าสังเกตการณ์ชี้จุดประกอบคำรับสารภาพทุกจุด ระบุว่า จากการสอบปากคำนายทอย วานนี้ (21  ก.พ.) นายทอยให้การว่าทะเลาะกันกับนางสาวนุ่น จนเกิดบันดาลโทสะ  อ้างว่าไม่เจตนาให้เสียชีวิต แต่พอรู้ว่าภรรยาเสียชีวิตแล้วก็วางแผนอำพรางศพ ด้วยการนำร่างใส่กระเป๋า แล้วออกไปซื้อน้ำมัน 2 แกลลอน เพื่อใช้ไปเผาที่จังหวัดปราจีนบุรี  


โดยมูลเหตุที่ทะเลาะ คือ เรื่องหึงหวงและปัญหาภายในครอบครัวที่สะสมมานาน  รวมถึงเมาสุราอย่างหนัก ซึ่งรองผู้บังคับการฯ ระบุว่า ขณะที่ตำรวจคุมตัวนายทอยไปชี้จุดทั้ง 3 จุด เจ้าตัวก็ร่ำไห้อยู่ตลอดเวลา (ตรงกับที่ทีมข่าวได้ยินขณะสอบถาม-ชี้จุดข้างรถBMW)


พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยความคืบหน้าคดี หลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด นำตัวนายศิริชัย รักทอง หรือ “ทอย” อายุ 33 ปี  ผู้ก่อเหตุฆ่าแฟนสาวฝากขังต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ระบุว่า  จากการนำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ  ซึ่งเจ้าตัวยินยอมให้พาไปทั้งหมด 4 จุด และรับสารภาพทุกขั้นตอน  ซึ่งมองว่าเป็นการทำด้วยความสำนึกผิด  

สำหรับนายศิริชัย ผู้ต้องหาเป็นเซลล์ขายรถทำให้มีฐานะ โดยเบื้องต้นตำรวจได้แจ้ง 3 ข้อกล่าวหากับนายทอย ประกอบด้วย ฆ่าคนตายโดยเจตนา  ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย  และแจ้งความเท็จ ก่อนนำตัวไปฝากขัง

โดยหลังจากนี้คงต้องสอบพยานแวดล้อมทั้งหมด เพื่อรวบรวมเป็นพยานหลักฐานผูกมัดการกระทำความผิดของผู้ต้องหา รวมถึงยังต้องรอผลชันสูตรร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการตรวจพิสูจน์

กรณีที่ผู้สื่อข่าวพบไปศพและมีการประสานร่วมงานกับตำรวจนั้น มองว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ และเป็นสิ่งที่ดี  สังคมไทยอยู่ได้ไม่ใช่เพราะตำรวจ แต่อยู่ได้เพราะพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวหรือใครก็แล้วแต่ที่ทำให้สังคมสงบสุขได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี  ในส่วนที่ไปพบเจอหลักฐานเป็นแนวการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว เมื่อมีสื่อเข้ามามีส่วนร่วมและมาช่วยให้ตำรวจสามารถคลี่คลายคดีได้เร็วขึ้นเป็นสิ่งที่ดี และเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่ดีที่สุด



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/gYPFMAmgiZY

คุณอาจสนใจ

Related News