สภาฯ อภิปรายญัตติด่วนปรับแผนอารักขาขบวนเสด็จ ก.ก.ชี้ควรแก้ไขความขัดแย้งด้วย

สภาฯ อภิปรายญัตติด่วน แผนถวายอารักขาขบวนเสด็จ ด้านก้าวไกลชี้ ไม่เพียงปรับแผนถวายความปลอดภัย แต่ควรแก้ไขความขัดแย้งด้วย



ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบส่งข้อเสนอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบแผน การถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ ตามที่พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นญัตติด่วน ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร มองว่า พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านเห็นตรงกันหลายเรื่อง กรณีขบวนเสด็จ แต่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน และหาพื้นที่กลางในการแสดงออก



ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันอภิปรายญัตติด่วนกรณีขบวนเสด็จ ที่เสนอโดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบแผน การถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จมีการฝึกซ้อมและประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนเพื่อรับรองความปลอดภัยให้สมเกียรติยศเพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ

โดยเฉพาะกรณีเหตุการณ์ขัดขวางขบวนเสด็จเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่นายเอกนัฏ เห็นว่า ได้สร้างความสะเทือนใจต่อประชาชน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ดำเนินการใดๆ จนเกิดเหตุความรุนแรง ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ซึ่งตนเองก็โกรธจนเกิดโมสะ แต่ยับยั้งได้ด้วยพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงอยากให้รัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เป็นภัยคุกคามขบวนเสด็จ



นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเสนอญัตติด่วนด้วยวาจากรณีขบวนเสด็จด้วย โดยย้ำจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีจุดยืนในการที่จะต้องการธำรงไว้ซึ่งบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองประมุขของประเทศ เช่น มาตรา 112 อย่างที่อารยะประเทศทำกัน และมีจุดยืนในการถวายความปลอดภัย พระบรมวงศานุวงศ์ จึงอยากให้สภาผู้แทนราษฎรเสนอความเห็นไปยังรัฐบาล และเสนอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษากฏหมายนิรโทษกรรมพิจารณาด้วย



นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายเห็นว่าเรามีความเห็นร่วมกันหลายอย่างว่า การรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นประมุขของรัฐ พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงค์ ผู้นำทางการเมือง หรือแม้แต่บุคคลสาธารณะ เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นหลักปฏิบัติสากล และขบวนเสด็จในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการไปอย่างเหมาะสมแล้ว อย่างน้อยก็ในแง่ที่ว่าไม่ได้สร้างผลกระทบต่อประชาชนเกินสมควร และไม่อยากเห็นเหตุการณ์บานปลายจนเกิดความรุนแรงขึ้น



จึงอยู่ที่ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร อยากให้มีพื้นที่ปลอดภัยเพื่อหาทางออกร่วมกัน ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงเหมือนในอดีต เช่นหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ที่เกิดความรุนแรง จนประชาชนหนีเข้าป่า แล้วต้องกลับมาใช้กฏหมายนริโทษกรรม จึงไม่อยากเห็นการเมืองกลับไปจุดเดิม



ขณะที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล ที่นำภาพที่นายชาดาถ่ายกับกลุ่ม ศปปส.มาใช้อภิปรายในสภา จนทำให้บรรยากาศตึงเครียด โดยนายชาดา ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกันการขัดขวางขบวนเสด็จ และการกระทำที่ไม่เคารพสถาบันอันเป็นที่รักของชาติ



หลังจากนั้น นายชาดา ได้อภิปรายครั้งที่ 2 มีการพาดพิงถึงมีเงินทุนสนับสนุนกลุ่มการเมือง โดยกล่าวหาว่ามีหลักฐานเป็นผู้ช่วย สส. จนทำให้ นางสาวรัชนก ศรีนอน สส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วง ทำให้ในห้องประชุมตึงเครียด



หลังจากนั้น นางสาวรัชนก เดินไปพูดคุยกับนายชาดา เป็นเวลา 3 นาที ก่อนที่นายชาดา จะเดินไปหานายรังสิมันต์ โรม ซึ่งได้ยกมือไหว้นายชาดา และมีรายงานว่าทั้งสองได้เคลียร์ใจกันกรณีใช้ภาพถ่ายมาอภิปราย โดยนายรังสิมันต์ ยืนยันว่าไม่มีเจตนาร้าย ก่อนที่ประชุมมีมติส่งรายงานการประชุมญัตติด่วนนี้ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานการถวายความปลอดภัยให้มีความเข้มงวดมากขึ้นต่อไป