นายกฯ หยิบเรื่องยุคคอมมิวนิสต์ บทเรียนความขัดแย้ง ด้าน ก.ก.มองพรรคกำลังถูกสร้างภาพเป็นปีศาจ

นายกรัฐมนตรี ยกอดีตปัญหาคอมมิวต์ที่สกลนคร เป็นบทเรียนความขัดแย้งในบ้านเมือง ขณะหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวในงานพบปะสมาชิกพรรค วิเคราะห์ตัวเองว่า อาจถูกสร้างภาพให้เป็นปีศาจตนใหม่



นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการลงพื้นที่จังหวัดนครพนมและสกลนคร ว่า แม้จังหวัดสกลนคร ที่ติดอันดับ 1 ใน 20 จังหวัด ที่มีจีดีพีต่ำที่สุดในประเทศไทย แต่เมื่อมาแล้วตนก็เห็นโอกาส ที่จะสามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น



ทั้งนี้หากมองย้อนกลับไป จุดที่ได้ลงพื้นที่ ภูพาน จังหวัดสกลนครในวันนี้ และเมื่อ 40 - 50 ปีก่อน มีปัญหาเรื่องกลุ่มคอมมิวนิสต์เกิดขึ้น รวมถึงปัญหาความไม่สงบ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงก็มีการบริหารจัดการเรื่องดังกล่าวได้ดีมาก จนปัญหาเรื่องความไม่มั่นคงและความแตกแยก ได้จบลงแล้ว ฉะนั้นวันนี้ เราก็มาสู้กับปัญหาความยากจน พร้อมย้ำว่า เราไม่อยากกลับไปสู่ความขัดแย้ง ที่เห็นเมื่อ 40 - 50 ปีก่อน อย่างเช่นเรื่องกลุ่มคอมมิวนิสต์เกิดขึ้น



ผู้สื่อข่าว ได้ถามย้ำว่า การลงพื้นที่อีสาน 2 วันนี้ ทำไมนายกรัฐมนตรี จึงพูดถึงเรื่องความเห็นต่าง ควาใมขัดแย้ง ได้รับสัญญาณใดมาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มีสัญญาณอะไร อย่างวันนี้ก็ได้มีการพูดคุยกับนายเสริมศักดิ์ พงศ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเคยเป็นอดีตนายอำเภอหลายพื้นที่ ได้วาดภาพให้เห็นว่า สมัยก่อนมีเรื่องคอมมิวนิสต์เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่โหดร้าย วันนี้เราก้าวข้ามตรงนั้นมาแล้ว การมาลงพื้นที่ภูพาน จึงถือเป็นการเตือนความจำว่า เคยเกิดปัญหานี้ ฉะนั้นไม่อยากกลับไปอยู่ในจุดที่เราเคยมีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่ตนเชื่อว่า ระบบการปกครองของเรา มีพื้นที่ที่ปลอดภัยให้กับทุกคน สามารถพูดคุยกันได้



พรรคก้าวไกลจัดกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์ ร่วมพบปะสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคในเขตบางแคและใกล้เคียง โดยมีแกนนำและ สส.พรรคก้าวไกลหลายคนร่วมกิจกรรม นำโดยนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล



ในการนี้ นายชัยธวัชได้กล่าวกับสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ ถึงสถานการณ์ที่พรรคก้าวไกลกำลังเผชิญ และการเดินต่อไปข้างหน้า ของพรรคก้าวไกลในอนาคต โดยระบุว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน พรรคก้าวไกลกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายสองประการ ประการแรก คือสภาวะ "นิติสงคราม และตุลาการภิวัฒน์" ที่พรรคก้าวไกลต้องตั้งหลักในการต่อสู้คดี เพื่อปกป้องพรรคและผู้แทนราษฎรของพรรค โดยยืนยันว่าการดำเนินคดีถึงขั้นยุบพรรคหรือตัดสิทธิผู้แทนราษฎรทั้ง 44 คน เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุผล ไม่ถูกต้อง และไม่ได้สัดส่วน



ประการที่สอง คือสถานการณ์ที่มีความพยายามสร้างภาพให้พรรคก้าวไกลเป็น "ปีศาจตนใหม่" ของสังคมไทย เป็นภัยคุกคามต่อสังคมไทยที่หลายคนหวงแหน ซึ่งยิ่งปรากฏชัดเมื่อมีกรณีขบวนเสด็จ และมีความพยายามปั่นเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อชี้เป้ามาที่พรรคก้าวไกล ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงไม่มีความเกี่ยวข้องกัน



นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า สมาชิกพรรคอาจมีความกังวลใจว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรดี ในสถานการณ์เช่นนี้ สำหรับตนแล้ว สิ่งที่เราทำได้คือต้องช่วยกัน "ดึงสติ" สังคม ตั้งหลักให้ดีว่าในช่วงสถานการณ์ที่อ่อนไหวเช่นนี้ ไม่ว่าฝ่ายใดก็ไม่ควรสร้างเงื่อนไขด้วยการผลักให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสุดขั้วไปมากกว่านี้ เราต้องช่วยกันดึงสติให้ทุกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์ที่ถูกต้อง เข้าใจวิธีการคลี่คลายปัญหาทางการเมือง ตามวิถีทางที่ทำให้ต่างฝ่ายที่มีความเห็นต่างกันสามารถอยู่ร่วมกันได้