สังคม
เพื่อนบ้านไม่จบ! ยึดบ้านซ้ำ-ทำร้านไก่ทอด อ้างครอบครองปรปักษ์ โป๊ะโทรเบอร์ร้าน ปลายสายงงถูกแอบอ้าง
โดย paweena_c
12 ก.พ. 2567
283 views
ยังไม่จบ คดี เพื่อนบ้านต่อเติมบ้านทำออฟฟิศ โผล่ยึดซ้ำ ทำร้านอาหาร อ้างครอบครองปรปักษ์ โป๊ะเบอร์ที่ป้ายร้าน ปลายสายไม่รู้เรื่อง มีคนโทรมาถาม 2-3 วันแล้ว งงถูกนำเบอร์ไปแอบอ้างขึ้นป้าย อยากให้เอาออกด้วย
จากกรณีที่นายซัน และ นางสาวอาย หลานชายและหลานสะใภ้ของอากู๋เหมทัศน์ เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ว่า ตนและภรรยา ได้ของขวัญวันแต่งงานจากอากู๋เหม เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นเนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวาภายในซอยรามอินทรา 58 ตนและภรรยาจึงเดินทางมาดูบ้านหลังดังกล่าว
ปรากฏว่าบ้านมีคนเข้าไปอยู่อาศัย จนต้องถามย้ำกับอากู๋ว่า ภาพถ่ายบ้านที่ให้มาถูกต้องหรือไม่ อากู๋ อาจจะจำบ้านผิดหลังหรือเปล่า เนื่องจากปัจจุบันบ้านหลังดังกล่าวไม่มีต้นกล้วยอยู่แล้ว และมีการทำประตูใหม่ สร้างหลังคาที่จอดรถด้วย ซึ่งอากู๋ก็ยืนยันบ้านเลขที่ตรงกัน
นายซันและภรรยาก็ทำทีเข้าไปถามคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้นว่า จะขอเช่า ก่อนจะแสดงตัวในภายหลังว่า เป็นหลานเจ้าของบ้าน ทำให้กลายเป็นประเด็นข่าวโด่งดัง เพราะมีการโต้เถียงอ้างกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ ซึ่งในตอนนั้น ช่วงเดือนสิงหาคม 2566 ที่เป็นประเด็นข่าว นายซันและภรรยาได้มาออกรายการโหนกระแส
ส่วนทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์เคยได้สัมภาษณ์ คนที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว อ้างว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกปล่อยทิ้งร้างมากว่า 30 ปี ตนจึงเข้ามาดูแลให้เฉย ๆ ไม่ได้มีเจตนาจะบุกรุกหรือครอบครองปรปักษ์ และพยายามติดต่อขอซื้อหรือขอเช่ากับทางเจ้าของแต่ว่าติดต่อไม่ได้ จึงเข้ามาดูแลเรื่อยมาเกิน 10 ปี
ขณะที่ในรายการโหนกระแส เทปวันที่ 4 กันยายน 2566 ทางพี่หนุ่ม กรรชัย มีโอกาสได้โฟนอินกับคุณนุ อ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัทข้าง ๆ บ้าน และได้เข้าไปรื้อบ้าน หลังดังกล่าวที่มีกรณีพิพาทกัน ตอนปี 54 ที่น้ำท่วม เพราะมีทั้งขยะ มีสัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ มากมาย เห็นว่าจะเป็นอันตรายจึงเข้าไปทำความสะอาดและต่อเติม โดยมีความประสงค์ที่จะซื้อบ้านหลังนี้ หลังต่อเติมก็คาดว่าสักวันทางเจ้าของจะมาพูดคุยตกลงกัน ยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่มีเจตนาเข้าไปครอบครอง ภาพที่เห็น มีการทำกับข้าวกับปลากัน แค่ใช้พื้นที่นั่งทานข้าวกลางวันกันเฉยๆ
หลังจากจบรายการก็ดูเหมือนว่า ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันได้เพราะทางฝั่งของคุณนุ ก็ยืนยันว่าไม่มีประสงค์ที่จะครอบครอง ถือครองปรปักษ์ ปรากฏว่าล่าสุด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางฝั่งของนายซันและภรรยา ไปที่บ้านหลังดังกล่าวถึงกับงงอีกรอบ เพราะมีการนำป้ายขึ้นมาติดหน้าบ้าน ขายไก่ตะเกียบทอดน้ำปลา ซึ่งในบ้านมีทั้งโต๊ะ และมีอุปกรณ์การทำครัว
ส่วนที่ประตูรั้วบ้านทีมข่าวสังเกตเห็นว่ามีกระดาษสีชมพู 2 แผ่นติดอยู่พร้อมข้อความระบุว่า "บ้านหลังนี้ข้าพเจ้าได้กรรมสิทธิ์ โดยการครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมายบุคคลใดเข้ามากระทำการใด ๆ ในบ้านและที่ดินและบ้านหลังนี้ถือว่า มีความผิดฐานบุกรุก จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน" พร้อมระบุชื่อ ซึ่งประเด็นดังกล่าว ก็ทำให้เป็นประเด็นข่าวขึ้นมาอีกรอบ
ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ จึงลงพื้นที่ไปที่บ้านหลังดังกล่าว พบว่าบ้านถูกปิดเงียบแต่อุปกรณ์ทำครัวยังอยู่เหมือนเดิม ทีมข่าวโทรสอบถาม ไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นไว้อยู่ในป้ายขายไก่ทอดน้ำปลา ปลายสายที่รับ บอกว่าอยู่จังหวัดสงขลา ยืนยันไม่ได้ขายไก่ทอดน้ำปลา และไม่ได้เกี่ยวข้องกับบ้านหลังดังกล่าวที่มีกรณีพิพาท มีคนติดต่อ มาถาม 2-3 วันแล้ว ซึ่งรู้สึกงงมาก หากเป็นการนำเบอร์ไปแอบอ้างขึ้นป้าย อยากให้เอาออกด้วย
จากการพูดคุยกับ พระมหารณฤทธิ์ ฐิตวิโส เจ้าอาวาสวัดคลองครุ เป็นพยานฝั่งคู่กรณี ในการฟ้องปรปักษ์ บอกว่าอาตมา ทราบแล้วที่จะต้องไปเป็นพยานให้นางสาวศรีพรรณในการฟ้องปรปักษ์
ซึ่งอาตมาก็จะให้การเท่าที่อาจมาเห็นเท่านั้น ส่วนนางสาวศรีพรรณ ตนเองเห็นทั้งก่อนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 และ หลังปี 2554 เห็นว่า เดินเข้าออกบ้านหลังนี้ที่มีกรณีพิพาทกัน ซึ่งสิ่งที่อาตมาเห็นคือ นางสาวศรีพรรณ เดินเข้าออกบ้านหลังนี้ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะขาย ไก่ทอดหรืออาหารอะไรด้วย จนมีการต่อเติม สร้างหลังคาหน้าบ้าน หลังน้ำท่วม คือ ปี 2554 ก็ทำให้เข้าใจว่า นางสาวศรีพรรณ อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวเรื่อยมา
พระมหารณฤทธิ์ ย้ำว่า อาตมาก็จะเป็นพยานพูดได้แค่ในสิ่งที่เห็น ส่วนสิ่งที่ไม่เห็นว่าลึก ๆ แล้วใครเป็นเจ้าของมาก่อน ต้องให้ศาลตัดสิน เป็นเรื่องของกฎหมาย ตนเองไม่ทราบ และจะไม่ตอบในสิ่งที่ไม่เห็น แต่หากมองในมุมของธรรมะ ถ้าทรัพย์สินนั้นไม่ใช่ของตน และไปเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้อื่น มันก็ผิดศีลข้อ 2 เรื่องลักทรัพย์อยู่แล้ว