เลือกตั้งและการเมือง

'ศิริกัญญา' ผิดหวัง 'รัฐบาลเศรษฐา' จัดงบไม่ต่าง 9 ปี 'รัฐบาลประยุทธ์' เอาใจข้าราชการ มากกว่าทำตามนโยบาย

โดย thichaphat_d

31 ธ.ค. 2566

139 views

วานนี้ (30 ธ.ค.) นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปราย ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่จะมีการอภิปราย วันที่ 3-5 มกราคมนี้ว่า

พรรคก้าวไกลได้ศึกษาวิเคราะห์งบประมาณออกมาแล้ว และได้ตั้งเป็นธีมขึ้นมาว่า วิกฤตแบบใด ทำไมจึงจัดงบแบบนี้ เพราะหลังจากที่ได้ศึกษา ทั้งพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาล ไม่ได้พยายามจะคบมาเพื่อตอบโจทย์วิกฤตต่างๆ ขณะที่ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้อ้างถึง 3 วิกฤต คือวิกฤตเศรษฐกิจปากท้อง วิกฤตรัฐธรรมนูญ และวิกฤตความขัดแย้ง อีกทั้งยังมีวิกฤตอื่นๆที่สังคมเห็นตรงกัน ว่าเป็นวิกฤต วิกฤตทางด้านการศึกษา วิกฤตทรัพยากรมนุษย์ วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อลงไปดูในเรื่องงบประมาณ กลับไม่เห็นการจัดงบประมาณ ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตดังกล่าว

ขณะเดียวกันงบฯที่ควรนำมาใช้ตอบโจทย์ประชาชนกลับไม่มี แต่กลับพบว่างบฯที่ไม่เหมาะไม่ควรยังคงมีอยู่ อีกทั้งมีงบฯอีกหลายอย่างที่หายไป เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ ที่หลายคนต้องการเห็นการกระตุ้น เศรษฐกิจ แต่ไม่เห็นแนวทางที่จะไปกระตุ้นเศรษฐกิจเลย อย่างเช่น โครงการดิจิทัลว็อตเล็ต งบประมาณก็ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ ซึ่งต้องไปรอลุ้นในวันที่ พ.ร.บ. เงินกู้ออก

สำหรับการตั้งงบประมาณในการทำประชามติ มีการตั้งงบไว้เพียงกึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าไทม์ไลน์ที่แท้จริงจะออกมาอย่างไร จะจัดทำประชามติกี่ครั้ง และงบที่จัดไว้แต่เพียงพอหรือไม่ ยังมีงบอีกหลายเรื่อง ที่ต้องยอมรับว่ารัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จำเป็นจะต้องรับมรดกหนี้จากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งหนี้สาธารณะ จากการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งยังต้องมีการตั้งงบไปใช้ในเงินคงคลัง เนื่องจากรัฐบาลของ พลเอกประยุทธ์ มีการตั้งงบไว้ไม่เพียงพอ ที่สำคัญจำเป็นอย่างงบฯประจำ ซึ่งขณะนี้หนี้เงินคงคลัง 120,000 ล้านบาท แล้วยังมีหนี้ส่วนอื่นๆจากรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ ที่จะต้องชดใช้เกือบ 4 แสนล้านบาท ซึ่งตนก็เห็นใจ แต่ส่วนที่เหลือที่สามารถจัดสรรงบประมาณได้เองกลับไม่เห็นความพยายามที่จะขับเคลื่อนนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา รวมถึงนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน

นางสาวศิริกัญญา ยังระบุอีกว่า รู้สึกผิดหวังกับการจัดสรรงบประมาณที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ พร้อมตั้งข้อสังเกต 2 ประการ เรื่องระยะเวลาที่ไม่สามารถใส่โครงการใหม่ๆ เข้ามาได้ แต่ต้องยอมรับว่างบประมาณฉบับนี้มีการแก้ไขปรับปรุงตลอดเวลา ขณะเดียวกันยังมองอีกว่า การเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลทำให้ รัฐบาลต้องประนีประนอมกับหลายฝ่ายที่ร่วมรัฐบาล ทำให้หลายโครงการที่เป็นเรือธง อย่างเช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หรือแจกแท็บเล็ต กลายเป็นไปอยู่ในมือของรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลแทนถึงไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ซึ่งนี่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากการได้งบประมาณเพียง 4 วันเท่านั้น

ขณะเดียวกันนางสาวศิริกัญญา ยังมองว่า งบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่จัดสรรมานั้นเป็นไปอย่างน่าผิดหวัง ที่ก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยได้มีการหาเสียงเอาไว้ว่าจะตัดลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ลง 10% แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคืองบเพิ่ม 2% ซึ่งส่วนอื่นพอหาเหตุผลได้ เช่น กระทรวงมหาดไทยที่งบเพิ่มมาจำนวนมาก เพราะมาจากการจัดงบฯ เพื่อการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นต้องขึ้นลงตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ก่อนกล่าวว่าการจัดสรรงบประมาณในปีนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากสามารถคาดเดาได้จากมุขรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันหลายคนรู้สึกคาดหวัง ว่าในรอบ 9 ปี ที่มีการเปลี่ยนผู้นำรัฐบาล ประมาณจะถูกจัดสรรแบบใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถทำให้ขับเคลื่อนนโยบายที่หายเสียงไว้ นโยบายที่รัฐบาลได้สัญญากับประชาชน แต่ขึ้นปีที่ 10 เรายังคงเจอการทำงานแบบเดิมๆ

เมื่อถามถึงเรื่องงบประมาณในโครงการดิจิทัลว็อตเล็ต ที่ไม่ถูกบรรจุในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 นางสาวศิริกัญญา ห่วงว่ารัฐบาลจะไม่ได้ทำ เพราะช่วงต้นปีหน้า คณะกรรมการกฤษฎีกาจะให้ความกระจ่างกับรัฐบาลว่าสามารถทำได้หรือไม่ แต่การเอาไข่ไปไว้ในตะกร้าเดียว เหมือนเป็นการฝากความหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจในนโยบายเดียว ซึ่งถ้าสุดท้ายทำไม่ได้เท่ากับว่าเงินที่เหลืออยู่ รัฐบาลจะสามารถจัดสรรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ใช้ได้เพียงในงบกลางเท่านั้น แต่ในงบกลางก็พบว่ามีการจัดสรรไว้อย่างไม่เพียงพอ รวมไปถึงยังมีอีกหลายโครงการที่ต้องใช้งบประมาณจากงบกลาง จากที่ตั้งไว้แล้วไม่เพียงพอ พร้อมกับฝากไปยังรัฐบาล อย่าจัดสรรงบประมาณตามใจข้าราชการ มากกว่าการทำตามนโยบายที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน

ส่วนได้มีการพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อแบ่งงานแล้วหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า เร็วๆ นี้น่าจะมีการตกลงเรื่องเวลาในการอภิปราย แต่ขอให้รอฟังพรรคประชาธิปัตย์ทำการบ้านก่อน จึงจะมาจัดคิวในการอภิปราย โดยจะพยายามจัดสรรเรื่องที่ใกล้เคียงกันไว้ด้วยกัน ซึ่งสอดคล้องกับทางรัฐบาลที่ได้ร้องขอ ให้การอภิปรายเป็นไปในประเด็นเดียวกัน เพื่อให้รัฐมนตรีได้ชี้แจ้งในครั้งเดียว โดยยืนยันว่าจะไม่มีการอภิปรายเป็นรายกระทรวง และยืนยันว่าผู้อภิปรายจากพรรคก้าวไกลทั้ง 33 คน จะอภิปรายเนื้อหาไม่มีซ้ำกัน

ส่วนระยะเวลาในการศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณน้อยเกินไปหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา ยอมรับว่าจะต้องทำงานหนักขึ้น เนื่องจากมีเวลาศึกษาเพียง 7 วัน ซ้ำร้ายยังตรงกับช่วงเทศกาลปีใหม่ ถึงไม่ได้หมายความว่าเราไม่อยากทำงาน หรืออยากหยุดพักผ่อน แต่ตามปกติแล้ว สส.จะมีการรับงานไปพบปะประชาชนในพื้นที่ร่วมฉลองงานปีใหม่กับชุมชนสุดท้ายจะต้องยกเลิกนัดหมาย พร้อมย้ำว่าแม้จะมีเวลาน้อยแต่ต้องทำงานให้หนักขึ้น และยืนยันว่าระยะเวลา 7 วันนี้จะเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ให้ประชาชนผิดหวัง รวมไปถึง วันที่ 31 ธ.ค.นี้ก็จะเปิดพรรคซักซ้อมการอภิปรายพร้อมกับนับถอยหลังเคาท์ดาวน์

ส่วนการแปลงไฟล์งบประมาณเป็นไฟล์ Excel นั้น นางสาวศิริกัญญา มองว่าเป็นการอำนวยความสะดวกในการวิเคราะห์งบประมาณได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และลึกขึ้น เพราะในบางงบประมาณมีการเสนอโครงการสอดไส้ อย่างงบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่มีโครงการประกันรายได้ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการตั้งงบใช้หนี้โครงการเดิม

ส่วนที่รัฐบาลได้มีการติง การอภิปรายงบประมาณ ไม่ให้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่าหากทางรัฐบาลได้ติดตาม การทำงานของพรรคก้าวไกล ในการอภิปรายงบประมาณ เวทีงบประมาณคือการอภิปรายงบประมาณไม่ใช่เวทีซักฟอกอย่างแน่นอน ซึ่งเวทีนี้ เป็นเวทีของการแถลงนโยบาย 1 ปี ของรัฐบาล ซึ่งก่อนเริ่มต้นที่รัฐบาลได้เริ่มแถลงนั้นเป็นระยะเวลาการดำเนินงาน 4 ปี แต่การอภิปรายงบเป็นวาระเพียง 1 ปี จะวิพากษ์เพียงการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินล้วนๆ ส่วนการซักฟอกอาจมีบางโครงการที่สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริต อาจจะมีการพูดบ้าง แต่ไม่ใช่หลักใหญ่ใจความในการอภิปราย

ส่วนมองอย่างไรที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมานี้การมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมาธิการงบประมาณ เนื่องจากธรรมเนียมปกติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะต้องนั่งเป็นประธาน นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า ตนรู้สึกประหลาดใจเนื่องจากนายภูมิธรรมเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงไม่ใช่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ หากจะเป็นนายปานปรีย์ พหิทธานุกร หรือ นายจุลพันธ์อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานก็ไม่น่าแปลกใจ

เมื่อถามย้ำว่า การที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายในนายภูมิธรรมนั่งเป็นประธาน สะท้อนว่าไม่ไว้ใจการทำงานจองรัฐมนตรี อื่นหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา มองว่าอาจไม่ถึงขนานนั้น แต่ตั้งข้อสังเกตว่ามีวาระอะไรหรือไม่ เพื่อให้นายภูมิธรรมมาควบคุมด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ การคลัง จึงมองได้ว่าเป็นเป้าหมายทางการเมือง ไม่ใช่เป้าหมายปกติ พร้อมกับระบุว่าจะไม่มีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวไปใช้ในการอภิปราย แต่ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานกรรมาธิการ ก็ให้โอกาสทดลองในการทำงานก่อน แต่หากมีปัญหาค่อยมาว่ากัน



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/ERLIFnYPaw0

คุณอาจสนใจ

Related News