เลือกตั้งและการเมือง

‘ชัยธวัช’ ร่วมงานศพ ‘บุ้ง’ ยันก้าวไกลไม่ได้อยู่เบื้องหลัง – ‘กรมราชทัณฑ์’ เตรียมไล่เช็กวงจรปิด เคลียร์เหตุการตาย

โดย petchpawee_k

17 พ.ค. 2567

109 views

“ชัยธวัช” ร่วมงานศพ “บุ้ง ทะลุวัง” คืนแรก ออกตัว “ก้าวไกล” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว

ช่วงค่ำวานนี้ (16 พ.ค.67) ที่วัดสุทธาโภชน์ เขตลาดกระบัง นายชัยธวัช ตุลาธน  สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมในพิธีบำเพ็ญกุศลคืนแรก ของนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” นักกิจกรรมที่เสียชีวิตในเรือนจำ ระหว่างการอดอาหารประท้วงสิทธิประกันตัว


โดยนายชัยธวัช ให้สัมภาษณ์หลังร่วมงานศพ ว่า วานนี้ (16 พ.ค.67) มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม  ซึ่งมีการยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการด้วย  จึงได้หยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกัน  โดยทางประธานคณะกรรมาธิการ  ได้เสนอให้ทำหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรี  ระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายนิรโทษกรรม โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมในชั้นตำรวจ และชั้นอัยการ รวมถึงฝ่ายบริหาร สามารถหารือกับฝ่ายตุลาการได้  หากรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน ส่วนในสภาเอง จะมีการพิจารณาเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับ ป.วิอาญา ที่ทำให้สิทธิในการประกันตัวถูกรับรองอย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเป้าหมายระยะยาว แต่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งในบทบาทที่ตนเองอยู่ในคณะกรรมาธิการ และฝ่ายค้าน ต้องผลักดันข้อเสนอให้ฝ่ายบริหารมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาเรื่องคดีทางการเมือง สิทธิในกระบวนการยุติธรรมของผู้ที่ถูกกล่าวหาจากการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติ


นายชัยธวัช ระบุต่อว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างประธานกรรมาธิการพิจารณาว่า จะมีกี่ข้อเสนอในการส่งให้รัฐบาล และประธานกรรมาธิการจะรับไปดำเนินการต่อ  ซึ่งเรื่องการปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง  โดยปัญหาเรื่องการประกันตัวก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีเคยระบุเอาไว้ว่า เป็นปัญหาของศาล เพราะบางส่วนเป็นเรื่องของศาล แต่ฝ่ายบริหาร ถ้ามีนโยบายที่ชัดเจน ที่อยากคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และช่วยฟื้นฟูนิติรัฐ ตามที่รัฐบาลเคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เราไม่ได้เสนอให้รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงฝ่ายตุลาการ แต่รัฐบาลสามารถหารือพูดคุยกับฝ่ายตุลาการได้เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันได้


นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า สิทธิในการประกันตัว เริ่มต้นได้ตั้งแต่ในชั้นตำรวจ ปัญหาที่ผ่านมา คือ ผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีทางการเมือง โดยเฉพาะคดีในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในช่วงหลัง ตำรวจจะไม่พิจารณาให้สิทธิการประกันตัวเลย เมื่อผู้ต้องหามารายงานตัว และรับทราบข้อกล่าวหา ก็จะส่งศาลฝากขังทันที ตำรวจก็จะโยนไปให้เป็นภาระของผู้พิพากษา ดังนั้น ในชั้นตำรวจรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนมาก เพราะอยู่ภายใต้ การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถทำได้ในอนาคต


ส่วนความคิดเห็นของบางส่วนที่มองว่า พรรคก้าวไกลเป็นสาเหตุให้นางสาวเนติพรเสียชีวิต เพราะอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวทางการเมือง นายชัยธวัช ระบุว่า หากพิจารณาดี ๆ พรรคก้าวไกลไม่เคยสนับสนุนนางสาวเนติพร หรือการอดอาหาร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยข้อเท็จจริง คือเป็นการตัดสินใจโดยแต่ละท่านทั้งสิ้น อย่างกรณีของนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ตั้งแต่ครั้งแรกที่อดอาหารประท้วง เรามีความพยายามในการประสานติดต่อให้ยุติการอดอาหารประท้วง แต่สุดท้าย ต้องยืนยันว่า ตัวเขาเองเป็นผู้ที่ตัดสินใจ คงไม่มีใครที่จะผลักให้คนอื่นไปอดอาหารแล้วเสียชีวิต


 ส่วนจะมีการสื่อสารเรื่องนี้กับผู้ที่เคลื่อนไหวทั้งในสภา และนอกสภาอย่างไรต่อนั้น นายชัยธวัช ระบุว่า ตนเองห้ามไม่ได้ว่าจะมีใครโจมตี หรือกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลังของคนหนุ่มสาว ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ปี 2563 และยืนยันด้วยข้อเท็จจริงว่า เราไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยตัวเขาเอง และสิ่งที่เราพยายามทำคือการสื่อสารกับสังคม แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว หรือความคิดของคนรุ่นใหม่ แต่แนวทางที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันการสูญเสียคือแนวทางสายกลาง ไม่ควรผลักให้ใครต้องสุดขั้วขึ้นไปเรื่อย ๆ เรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้

--------------------------

“สส.ธีรรัตน์” ร่วมพิธีสวดอภิธรรม “บุ้ง เนติพร” ยัน “เพื่อไทย” มีคณะทำงานเพื่อคืนสิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน พร้อมหาทางเดินเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในทุกกลุ่ม

เวลา 19.00 น.  น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย เดินทางมาร่วมงานสวดพระอภิธรรม น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง   โดย น.ส.ธีรรัตน์ ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนว่า ตนตั้งใจมาแสดงความเสียใจกับ เนติพร และมาในฐานะส่วนตัว รวมถึงเป็น สส.ในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รู้จัก เนติพร ในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย


ตนและพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยในข้อเรียกร้องของเนติพรที่จะต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และจะต้องไม่มีคนเห็นต่างทางการเมืองถูกคุมขัง ซึ่งตนมองว่า เราได้ยืนยันเช่นเดิมมาตลอด และมีการประกาศเรื่องนี้มาก่อน และไม่ควรมีคนที่ติดคุกเพราะความเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง ดังนั้นเราอยากให้ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม พิจารณาในสิทธิประกันตัว รวมถึงไม่ควรเอาเยาวชน เข้าไปจองจำ และให้มีสิทธิออกมาต่อสู้ด้านกฎหมาย


น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวต่อว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้มีการพูดคุย และคิดเรื่องนี้อยู่ตลอด เพื่อหาทางที่เราจะเดินต่อไปด้วยกันได้ โดยที่ทุกฝ่ายไม่มีข้อขัดแย้งซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดออกมาเป็นผลสรุปที่ทุกคนพอใจ รวมถึงในการขับเคลื่อนของทางพรรคเพื่อไทยนั้น เรามีคณะทำงานเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อทำให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนเกิดขึ้นอย่างแท้จริง

--------------------------

"อธิบดีกรมราชทัณฑ์" เตรียมไล่กล้องวงจรปิดพิสูจน์ไทม์ไลน์ "บุ้ง ทะลวัง" เสียชีวิต หลังอดอาหารระยะยาว ย้ำชัด ราชทัณฑ์-แพทย์ ดูแลอย่างถึงที่สุดแล้ว ทั้งโน้มน้าวกลับมากินข้าว ให้วิตามิน-เกลือแร่ แต่ไม่สามารถขัดขวางอุดมการณ์ได้


นายสหการณ์ เพ็ชร์นรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า   ตนได้รับรายงานว่ากระบวนการช่วยชีวิต น.ส.เนติพรนั้น ทางทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้มีการปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาของแพทย์ทุกประการ  เนื่องจากเวลามีผู้ต้องขังป่วยเข้ามาที่เรือนจำหรือทัณฑสถาน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ประจำจุดก็มีหน้าที่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และมีการประสานกับแพทย์ประจำเรือนจำเข้าไปทำการตรวจเลือด วัดค่าความดันโลหิต ตรวจค่าออกซิเจนปลายนิ้วมือ เพื่อที่จะดูว่าผู้ป่วยรายนั้น ๆ มีอาการอย่างไรบ้าง มีสภาวะวิกฤติหรือไม่ เพื่อจะได้มีแนวทางการรักษาได้อย่างถูกต้อง


สำหรับ น.ส.เนติพร ที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีอาการที่บ่งชี้ถึงการจะเกิดภาวะวูบหมดสติอย่างกระทันหัน เนื่องจากค่าออกซิเจนและค่าความดันมีความปกติ ขณะเดียวกันในเช้าวันที่ 14 พ.ค. ก่อนที่บุ้งจะเสียชีวิตพบว่ามีการพูดคุยปกติกับ น.ส.ทานตะวัน บนเตียงผู้ป่วย  อีกทั้งจากที่ตนได้รับรายงาน บุ้งได้มีการรับประทานตามปกติ ตามหลักโภชนาการ เช่น อาหารอ่อน (สำหรับผู้ป่วยพักฟื้น) นม และอาหารเสริม แต่ทางเราก็ไม่ได้บังคับ หากเจ้าตัวจะรับประทานก็หยิบทานได้ แต่ถ้าไม่ทาน เราก็ไปบังคับไม่ได้ แต่ก็ได้มีการแนะนำโน้มน้าวว่าควรรับประทาน  แต่ก็ต้องยอมรับว่าการที่บุ้งอดอาหารและน้ำมาเป็นระยะเวลานานอาจทำให้ร่างกายขาดวิตามิน  เกลือแร่ ส่งผลต่อระบบร่างกายโดยรวมได้ แต่บุ้งก็ได้ปฏิเสธชัดเจนถึงการรับสารอาหารและวิตามินทางหลอดเลือด

เมื่อถามว่าก่อนบุ้งจะเกิดการวูบหมดสติจนถึงขั้นเสียชีวิตดังกล่าว มีอาการปวดท้อง ปวดโรคกระเพาะ หรือปวดลักษณะคล้ายไส้ติ่งมาก่อนหรือไม่ นายสหการณ์ บอก ตนได้รับรายงานว่าในลักษณะที่บุคคลใดมีการอดอาหารมาเป็นระยะเวลานาน น้ำย่อยภายในกระเพาะหากออกมาแล้วไม่ได้ย่อยอาหารก็จะย่อยกระเพาะตัวเอง ซึ่งทางแพทย์และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ได้มีการให้บุ้งทานยาลดกรดเกินในกระเพาะอาหารแล้ว เป็นการรักษาตามอาการ

 นายสหการณ์ ระบุด้วยว่า หลังจากนี้ตนจะมีการออกข่าวแจกสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงในทุกประเด็นข้อสงสัย และต้องขออภัยสื่อมวลชนทุกท่านจากการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 พ.ค.67 เนื่องจาก นพ.พงศ์ภัค อารียาภินันท์ ผอ.รพ.โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของเคสหรือเจ้าของไข้ของบุ้งโดยตรง จึงอาจยังตอบรายละเอียดเชิงลึกไม่ได้ และตนเองได้สั่งการให้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในห้องผู้ป่วยของบุ้งและตะวันทุกจุด ทุกเวลา เพื่อดูว่าในช่วงเวลาการเกิดเหตุ บุ้งมีอาการอย่างไร และตะวันอยู่จุดไหนอย่างไร แล้วจะได้นำมาเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านเอกสารเพื่อให้เกิดการคลายข้อสงสัยทั้งหมด


ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางร่วมพิธี สวดอภิธรรมศพ น.ส.เนติพร คืนแรก ก่อนจะเปิดเผยถึงผลชันสูตรศพว่า เบื้องต้นแพทย์ได้ผ่าพิสูจน์ร่างของบุ้ง และได้ส่งเนื้อเยื่อ เลือด  และสารคัดหลั่ง ไปที่แล็บแล้ว ซึ่งผลส่วนนี้ยังไม่ออก


โดยสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้น ของ น.ส.เนติพร ที่เจ้าหน้าที่ รพ.ธรรมศาสตร์ แจ้งญาติเพื่อไปแจ้งสาเหตุการเสียชีวิต เกิดจาก 3 สาเหตุ คือ 1.มีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน   2.ภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ และ 3.หัวใจโต

นายกฤษฎางค์ ทั้งหมดนี้ รพ.ธรรมศาสตร์ ได้ระบุไว้ว่า ต้องรอผลชันสูตรจากห้องแล็บ ในส่วนของผลการตรวจเลือด เนื้อเยื่อและสารคัดหลั่ง อย่างเป็นทางการด้วย


“ผมขอฝากว่า กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมผิดคำพูด ที่จะอำนวยความยุติธรรม โดยให้ข้อเท็จจริงการตายของเด็กคนนี้ ผิดคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ว่าต้องจัดการเรื่องใน 7 วันและโปร่งใส เขาไม่ได้ทำ ไม่ได้ส่ง วันนี้ (17 พ.ค.67) ทีมทนายความจะไปขอเอกสาร และภาพวงจรปิดอีกครั้งว่า ทำไมถึงให้ไม่ได้”  นายกฤษฎางค์ กล่าว


ดังนั้น ขอเรียนถึง พ.ต.อ.ทวี และนายกฯว่า ลูกน้องท่านไม่ทำตามสิ่งที่รับปากไว้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุ้ง ก็ยังเป็นสิ่งที่ครอบครัว ทีมทนาย และคนที่รักบุ้งสงสัยและกังขาอยู่ อย่าทำให้เรื่องเกินไปกว่านี้


ทนายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ในส่วนเอกสารการรักษา จาก รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ตอนนี้ได้รับมาแล้ว ซึ่งระบุไว้ว่า ตอนที่รับตัว น.ส.เนติพร มาช่วงเช้าของวันที่ 14 พ.ค. 67 นั้น เจ้าตัวไม่มีสัญญาณชีพแล้ว คือไม่มีสิ่งที่บ่งบอกการมีชีวิตอยู่ ไม่มีชีพจร ไม่หายใจ “ซึ่งภาษาของผมก็คือตายมาแล้ว” ก่อนมาถึงมือแพทย์ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ การช่วยเหลือหลังจากนั้นเป็นการช่วยเหลือเพื่อหวังปาฏิหาริย์เท่านั้น

และจากเอกสารที่ได้มา ได้มีการนำไปขอความเห็นจากแพทย์อิสระภายนอก ซึ่งมีรายงานจากแพทย์สรุปมาเป็นหลักฐานว่าการรักษาพยาบาลระหว่างทางที่ส่งตัวมาที่ รพ.ธรรมศาสตร์นั้น เป็นการรักษาที่ผิดพลาด และมีหลักฐานบางประเด็นที่น่าเชื่อได้ว่าทางราชทัณฑ์ ทราบอยู่แล้วว่าบุ้งเสียชีวิตตั้งแต่ที่รพ.ราชทัณฑ์ ทั้งนี้ รายละเอียดหลักฐานของ 2 ส่วนนี้ ขอยังไม่เปิดเผยในตอนนี้

ทนายกฤษฎางค์  ยังระบุว่า ก่อนหน้านี้เวลาที่เข้าไปเยี่ยมบุ้ง แพทย์ไม่เคยแจ้งว่าบุ้งมีความเสี่ยงภาวะต่างๆ มาก่อน มีเพียงบุ้งเองที่บอกว่ามีอาการขาบวมและปวดขาเท่านั้น ส่วนเจ็บหัวใจหรือไม่นั้น ไม่มีการแจ้ง  ส่วนอาการหัวใจโตเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนนั้น ตนไม่ทราบ ดังนั้น ทั้งหมดทั้งมวลจึงจำเป็นต้องขอประวัติการรักษาของบุ้ง 5 วันสุดท้ายเพราะจะสะท้อนได้ว่าเสียชีวิตเพราะอะไร ซึ่งคดีนี้ไม่ใช่คดีถูกยิงตาย แต่ถ้าถูกยิงตายก็ชัดเจน แต่อ้างว่าเกิดจากการเสียภาวะสมดุล จึงต้องดูภาวะการรักษา


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/j18GxkfBx04



คุณอาจสนใจ

Related News