อาชญากรรม

รวบผู้ต้องหา 3 รายเอี่ยวหลอกลงทุนออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเสียหายรวมหลายล้านบาท

โดย paranee_s

26 ธ.ค. 2566

245 views

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา 3 ราย ได้แก่ 1. นายอนุวัฒน์ อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณหน้า บริษัทแห่งหนึ่ง ถ.ปู่เจ้าสมิงพราย ต.สำโรงกลาง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ


2. น.ส.นงณภัส อายุ 18 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3634/2566 ลง 24 ต.ค.2566 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน” จับกุมได้ที่ บริเวณศาลาริมทาง ตรงข้ามเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ


และ 3. นายนที อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1327 ลง 18 ธ.ค.66 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” สถานที่จับกุม ริม ถ.มหิดล ขาเข้าเมือง ต.ป่าแดด อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่


สืบเนื่องจาก บช.ก. ได้ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมเกี่ยวกับการหลอกลงทุนออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามปฏิบัติการ Anti Online Scam (AOC) ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้มีการดำเนินการตามนโยบายของศูนย์ AOC จับกุมผู้ต้องหาที่มีพฤติการณ์เกี่ยวกับการหลอกลงทุนและแก็งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 3 ราย ใน 2 จังหวัด ได้แก่


นายอนุวัฒน์ หนึ่งในขบวนการแก็งคอลเซ็นเตอร์ที่มีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โทรศัพท์ติดต่อผู้เสียหาย โดยแจ้งว่า “มีบุคคลอื่นแอบอ้างชื่อผู้เสียหาย ไปกระทำความผิดต่างๆ รวมถึงมีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน” และแจ้งว่าต้องโอนเงินของผู้เสียหายทั้งหมดมาให้คนร้าย เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินหากตรวจสอบแล้วเจ้าหน้าที่จะคืนเงินให้ เมื่อผู้เสียหายเกิดความกลัวและหลงเชื่อว่าเป็นการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงทำการโอนเงินให้กับคนร้าย


ส่วน น.ส.นงณภัส เป็นผู้ต้องหาสำคัญในคดีที่มีการหลอกลงทุนเทรดหุ้น ผ่าน Facebook ที่มีการชักชวนต่อสาธารณะซึ่งมีแพ็กเกจต่าง ๆ ที่มีการการันตีผลแทนและได้รับผลตอบแทนสูงภายในระยะเวลาที่กำหนด 5 – 20 นาที โดยบุคคลทั่วไปสามารถเห็นได้ ซึ่งกลุ่มคนร้ายมีการแอบอ้างและปลอมเพจของบริษัททองชื่อดังและประชาชนทั่วไปหลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนจนเกิดความเสียหายหลายล้านบาท


และ นายนที เป็นหนึ่งขบวนการหลอกลงทุน ซึ่งมีการหลอกลงทุนเลี้ยงวัวออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ โดยได้รับผลตอบแทนสูง เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุนแล้ว ไม่สามารถถอนเงินหรือรับผลตอบแทนได้ตามที่กลุ่มผู้ต้องหาแจ้งไว้ ทำให้ผู้เสียหายเสียเงินหลายแสนบาท


โดยหลังจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมพบข้อมูล พบว่า นายอนุวัฒน์ฯ พบมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด, น.ส.นงณภัสฯ เป็นบัญชีพักเงินของกลุ่มขบวนการหลอกลงทุน จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวมีหน้าที่สำคัญเป็นบัญชีพักเงินและเป็นบัญชีซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ให้กับกลุ่มขบวนการหลอกลงทุนโดยตรวจสอบบัญชีพบว่าผู้ต้องหามีการเปิดบัญชีไว้มากกว่า 1 บัญชี โดยมีเงินหมุนเวียนรวมกว่า 70 ล้านบาท และพบมีประวัติเกี่ยวกับคดีแก๊งกู้เงินออนไลน์เมื่อกลางปี 2566


ส่วนนายนที มีประวัติถูกแจ้งความดำเนินคีดกรณีหลอกลงทุนดังกล่าว จากผู้เสียหายหลายราย ความเสียหายมูลค่ารวมหลายล้านบาท สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่าเป็นผู้เปิดบัญชีธนาคาร ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจริง

คุณอาจสนใจ

Related News