ผู้การฯ มหาสารคาม เผยชายเสื้อแดงเป็นผกก.จริง เตรียมตั้งกรรมการสอบปมเมาโววายใส่ต่างชาติ

กรณีมีคลิปเผยแพร่ออกมาบนโลกออนไลน์ ชายคนหนึ่งสวมใส่เสื้อสีแดง มีอาการมึนเมา และมีปากเสียงกับชาวต่างชาติ ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยชายคนดังกล่าวได้มานั่งดื่มเบียร์ ก่อนที่จะมีปากเสียงกับชาวต่างชาติ ก่อนที่ชาวต่างชาติจะต่อว่าชายคนดังกล่าวเนื่องจากสูบบุหรี่ที่โต๊ะ เป็นการรบกวนแขกภายในร้าน ทำให้ไม่พอใจ หาเรื่องบอกว่าเป็นเอเลียน ฝรั่งคนนี้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

หลังจากนั้น พนักงานของร้านต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 2 นาย เข้ามาระงับเหตุ แล้วพยายามพากลับ แต่ชายคนดังกล่าวก็โมโห อาละวาดไม่หยุด ทำให้มีปากเสียบกับแฟนของชาวต่างชาติที่เป็นคนไทย จึงได้บอกทุกคนที่อยู่ในร้านให้ถ่ายคลิปแล้วแชร์ออกไป

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สายตรวจได้พาตัวออกไปก็ยังไม่พอใจโวยวายที่บริเวณที่จอดรถ ว่า "ไม่รู้นะผมไม่ต้องการใครมาดูหมิ่นตำรวจ อย่ากลัวใคร ไอ้เจ้าร้านนี้มันจะใหญ่มาจากไหน ผมไม่สนหรอก ไอ้ไกรทองมันต้องอยู่กับผม (พ.ต.อ.ไกรทอง ผกก.เมืองมหาสารคาม) พรุ่งนี้ผมต้องรู้ว่าไอ้ฝรั่งนี่มันอยู่ในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นพวกคุณต้องรับผิดชอบ" ทราบต่อมาภายหลังว่า ชายเสื้อแดงคนดังกล่าว เป็นตำรวจจริง ยศ พ.ต.อ. ตำแหน่ง ผกก.

พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ภายหลังจากที่มีคลิปเผยแพร่ออกไป ก็ได้ดำเนินการสอบถาม ทราบว่าเหตุการณ์ตามคลิปเกิดขึ้นคืนวันที่ 25 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา ในคลิปก็ปรากฏภาพชายเสื้อสีแดง มีปากเสียงในสถานบริการ ก็ยอมรับว่าเป็นผู้กำกับในสังกัดจริง ตรงนี้ขอตรวจสอบในรายละเอียด ในข้อเท็จจริงก่อน ตนยืนยันว่าใช้เวลาไม่นาน จะดำเนินการให้เสร็จสิ้น ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่มีการปกป้องกันอยู่แล้ว จะได้มอบหมายรองผู้บังคับการ 1 ท่าน เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งก็จะต้องหาสาเหตุให้ได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นคืออะไร ต้องดูรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร ไปพาดพิงถึงใครบ้าง ในเบื้องต้นยังไม่ได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับคนดังกล่าว ซึ่งวันนี้ยังไม่เจอผู้กำกับคนนี้ ตนเพิ่งมารับตำแหน่งได้เพียง 1 เดือน ยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก

เบื้องต้นยังไม่มีรายงานจากทาง สภ.เมืองมหาสารคาม ว่าผู้เสียหายจะเข้ามาแจ้งความหรืออย่างไร แต่ตำรวจก็จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย หากตรวจสอบแล้วมีความผิด ก็จะมีระเบียบกฎหมายรองรับอยู่ว่าจะต้องดำเนินการไปในแนวทางใด อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่ตนเข้ารับตำแหน่งก็ได้มีการเรียกประชุมแล้วว่า ตำรวจควรที่จะรักษาภาพลักษณ์ ในเรื่องความประพฤติ เรามีหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะแต่งเครื่องแบบหรือไม่แต่งเครื่องแบบ ทุกคนทราบว่าเราเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกคนต้องสำนึกในหน้าที่ของตัวเอง ไม่สร้างความเดือดร้อน หรือสร้างสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร เรามีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ดูแลพี่น้องประชาชน หลังจากนี้หากเดินทางไปเยี่ยม สภ.ในสังกัดทั้ง 25 สภ. ก็จะกำชับอีกครั้งหนึ่ง