อาชญากรรม

กสทช.เตรียมลุยสอบ 4 หมื่นเบอร์ต้องสงสัยเป็น ‘ซิมผี’ จับได้ คุก 2 ปี ปรับ 5 แสน

โดย nattachat_c

28 พ.ย. 2566

177 views

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ได้กล่าวว่า


รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามแก๊งมิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ ยอมรับว่า ตอนนี้ การปราบปรามเหมือนแมววิ่งไล่จับหนู เพราะพวกนี้มีการปรับตัวตลอดเวลา เช่น ทำตามเทศกาล และมีวิธีการหลอกลวงใหม่ ๆ เสมอ

----------

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย และประธานคณะอนุกรรมการบูรณาการแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมและความมั่นคงของรัฐ เปิดเผยภายหลังจากการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 6/2566 วันนี้ (27 พฤศจิกายน) นั้น


พล.ต.อ.ณัฐธรกล่าวว่า เพื่อเร่งรัดการดำเนินการตรวจสอบเรื่องอาชญากรรมออนไลน์ ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาถึง มาตรการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลเบอร์ต้องสงสัยเพื่อเอาผิดผู้ถือครองเบอร์ที่คนร้ายใช้ย้อนหลังไปถึงวันที่ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีผลใช้บังคับ 17 มีนาคม 2566


โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ โดยได้รับเบอร์ต้องสงสัย จำนวนถึง 41,398 หมายเลข โดยแบ่งเป็นเบอร์ที่มีผู้แจ้งผ่านช่องทาง Thaipoliceonline.com และ สายด่วน AOC 1441 จำนวน 11,219 หมายเลข และเป็นเบอร์ที่ผูกกับบัญชีต้องสงสัย 30,179 หมายเลข


พล.ต.อ.ณัฐธรกล่าวว่า กสทช.จึงได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทำการตรวจสอบ โดยจะกรองหมายเลขที่มีการกระทำความผิด แล้วแจ้งประสานขอข้อมูลไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (โอเปอเรเตอร์) เพื่อขอทราบว่า ใครเป็นผู้ถือครองและผู้ใช้งานหมายเลขโทรศัพท์ กสทช.ต้องการทราบข้อมูลสำคัญที่เป็นข้อมูลการโทร เช่น ใครเป็นผู้ถือครอง มีการโทรไปที่ใดบ้าง โทรไปบ่อยแค่ไหน ตำแหน่งที่ใช้โทรศัพท์มือถืออยู่ที่ไหน รวมถึงข้อมูลการชำระเงินเพื่อติดตามเอาผิดคนร้าย โดยการติดตามเอาผิด กสทช.จะติดตามย้อนหลังไปถึงวันที่ 17 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นวันที่พระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีผลบังคับใช้


ขณะเดียวกัน ส่วนของนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการจัดการขั้นเด็ดขาดกับซิมผีและบัญชีม้า เรื่องนี้ นายสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ได้กำชับคณะอนุกรรมการฯ ให้เร่งรัดออกประกาศ กสทช. เพื่อให้ผู้ถือครองซิมจำนวนมากๆ (มากกว่า 5 ซิมขึ้นไป) มายืนยันตนภายในกำหนด เพื่อทราบข้อมูลผู้ถือครองและผู้ใช้ที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งประกาศ กสทช. ว่าด้วยการยืนยันตนและข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ฯ ซึ่งบอร์ด กสทช.ได้เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศการยืนยันตัวตนของผู้ถือครองซิมโทรศัพท์ ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา


โดยได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ (Public Hearing) แล้ว เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566 และมีการประชุมรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่ม (Focus Group) ไปเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมสรุปความเห็นเพื่อนำมาปรับปรุงร่างประกาศฯ เสนอบอร์ด กสทช เบื้องต้นคาดว่าจะประกาศใช้เร็วที่สุดกลางเดือนธันวาคม หรืออย่างช้าที่สุดต้นปี 2567


พล.ต.อ.ณัฐธรกล่าวว่า ในมาตรา 11 ของกฎหมายปราบอาชญากรรมฯ ระบุว่า ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเบอร์โทรศัพท์มือ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2-5 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ


ทั้งนี้ การตรวจสอบเลขหมายต้องสงสัยและมีการแจ้งความ จะเป็นการพิจารณาร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่าง กสทช. กับ สตช. โดยนำข้อมูลของผู้ใช้มาวิเคราะห์เพื่อดำเนินการระงับการใช้โทรศัพท์ ขยายผลออกหมายจับ เพื่อให้ถึงตัวผู้บงการ เป็นการตัดวงจรและทำลายเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม


“ระยะต่อไปข้อมูลการรับแจ้งทาง Thaipoliceonline.com ที่เกี่ยวข้องกับเลขหมายที่มีการแจ้งความ จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบฉับพลัน (Realtime) เพื่อเป็นการยับยั้งคนร้ายไม่ให้มีการสร้างความเดือนร้อนกับประชาชนในวงกว้าง ซึ่งเป็นนโยบายของท่านนายรัฐมนตรีที่ให้ดำเนินการแบบเฉียบขาด และสืบสาวให้ถึงต้นตอนายทุนใหญ่ เพื่อขุดรากถอนโคนองค์กรอาชญากรรมให้หมดไปจากสังคมไทย” พล.ต.อ.ณัฐธรกล่าว

-------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/XL42D-zOvPM



คุณอาจสนใจ

Related News