อาชญากรรม

อดีตชุดจับกุมเผย 'เสี่ยแป้ง' ตัดพ้อต่อหน้า ถูก 'อัยการ บ.' หักหลัง เชื่อเสี่ยแป้งเรียกร้องความเป็นธรรม

โดย nattachat_c

27 พ.ย. 2566

200 views

จากกรณี เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 66 เวลาประมาณ 01.00 น. นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ 'เสี่ยแป้ง' นาโหนด อายุ 37 ปี นักโทษคดีดังหลายคดี โดยเฉพาะการปล้นตำรวจสืบสวนภาค 8 ยิงต่อสู้ และชิงตัวผู้ต้องหา หลบหนีจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่ ในระหว่างรักษาตัวอยู่ที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช


ต่อมา 'เสี่ยแป้ง' ได้หลบหนีไปยังเทือกเขาบรรทัด จนเจ้าหน้าที่หลายหนว่ยงานได้ปูพรมไล่ล่า 


ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ตำรวจกองปราบ ตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธร สนธิกำลัง 200 นาย ขึ้นเขาบรรทัด ทั้งทางขึ้นจากจังหวัดพัทลุง และทางขึ้นจากจังหวัดตรัง โดยมีเป้าหมายอยู่ที่จุดนัดส่งเสบียงให้เสี่ยแป้ง


กระทั่ง ช่วงบ่าย  มีรายงานว่า เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจและฝ่ายเสี่ยแป้ง โดยตำรวจสามารถยึดปืน M4 ได้ 1 กระบอก และวิสามัญคนร้ายได้ 1 คน


จุดที่ปะทะอยู่บนภูเขาเทือกเขาบรรทัด ห่างจากตีนเขาขึ้นไปราว 10 กิโลเมตร ในบริเวณนั้นมีที่พักชั่วคราว และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ที่คาดว่ามีการเตรียมที่พักไว้ล่วงหน้าแล้ว หลังเกิดเหตุปะทะ ตำรวจยึดปืนยาว รุ่น M-4 (เอ็ม โฟร์ ) จำนวน 1 กระบอก และคาดว่านักโทษชายแป้ง นาโหนด ยังมีอาวุธปืนยาวติดตัวไปด้วย จึงกำชับเจ้าหน้าที่ระมัดระวัง และแจ้งประชาชนที่อาจจะเห็นเบาะแสให้แจ้งตำรวจในท้องที่ได้

-------------
วันที่ 23 พ.ย. 2566‘เสี่ยแป้ง นาโหนด’ เปิดใจหลังหลบหนีออกจากโรงพยาบาล ถูกตำรวจตามไล่ล่าจนมีการปะทะกันบนเทือกเขาบรรทัด แต่ก็หนีรอดไปได้ ยืนยัน ไม่มอบตัว จนกว่าจะทวงความเป็นธรรมให้ตัวเองได้ แฉตำรวจขึ้นเขาไม่ได้มาจับ แต่ตั้งใจวิสามัญ


นายชวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด อัดคลิปเปิดใจ ขณะหลบหนีการตามล่าของตำรวจ โดยยกมือไหว้สวัสดีพี่น้องชาวใต้ทุกคน วันนี้ผมขอขอบพระคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ทำให้ผมมีแรงสู้ต่อไป เพราะผมไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่หนีมาไม่ได้ต้องการอะไร แต่อยากให้รู้ว่าผมไม่ได้รับความเป็นธรรม คดีนี้มีผมคนเดียวที่ไม่ได้รับการประกันตัว เคยทำหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรมหลายฉบับแต่ก็เงียบ ขณะที่คนร่วมวางแผน มีอัยการบอย จ่าติ๊ก ประธานติ่ง จ่าสุมิตร ที่ร่วมวางแผนได้ประกันตัวหมด


วันนี้อัยการบอยกับประธานติ่ง โทรมาหาบอกว่า ช่วยหน่อยหลานชื่อจรวด ถูกอุ้ม ผมเห็นแล้วว่าเป็นตำรวจ มาจับยาเสพติดเพราะจรวดก็ค้ายา แต่ 2 คนนั้น หลอกผม เป็นโจร ไม่ใช่ตำรวจ ในชีวิตนี้ไม่เคยติดยา ไม่เคยค้าขายยาเสพติด ยาที่เจอตรงจุดปะทะไม่ใช่ของผม เป็นของบังเขียว ตำรวจขึ้นเขาบรรทัดมา ไม่ได้มาจับ แต่มาวิสามัญ ยิง M79 ใส่ผมถึง 10 นัด ผมนับได้ ตำรวจคิดแบบนี้เป็นโจรดีกว่า ถ้าตนยิงสู้ ตำรวจก็ตายแต่ไม่ยิง เพราเห็นว่าเขามีลูกเมีย ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับตำรวจ จึงไม่ทำ


“ความเป็นธรรมไม่มีอยู่จริง ถ้ามีอยู่จริง ช่วยเอาอัยการบอย จ่าติ๊ก ประธานติ่ง จ่าสุมิตร และพ่อจรวด มาดำเนินคดี ถ้าทำได้ตามนี้ ผมจะไปมอบตัว”

-----------

ต่อมา วันที่ 25 พ.ย. 66 "เสี่ยแป้ง" ได้เปิดใจอีกครั้ง ลั่นยอมตายหากให้มอบตัว โดยที่อัยการพร้อมพวกที่ร่วมกันก่อคดีเก่ายังลอยนวล ตัดพ้อโดนตั้งข้อหาน้อยกว่าแต่กลับโดนคนเดียว ทั้งที่พวกวางแผนให้ ตนเป็นแค่หมากเดินตามเกม พร้อมขอโทษชาวไทย-ประชาชนหมู่บ้านตระที่สร้างความวุ่นวาย


โดยพฤติการณ์ มาจากที่พวกเขาได้มีการพูดคุย และนั่งปรึกษาก่อนที่จะโทรมาหาตนเพื่อให้ไปช่วยเหลือ ยอมรับว่าการปล้นครั้งดังกล่าว ตนเองได้เดินทางไปร่วมด้วยจริง และไปปล้นเอง โดยเดินทางไปพร้อมกับทุกคนที่ตนกล่าวถึง ตนอยากถาม สาเหตุว่าทำไมเค้าถึงไม่มีการฟ้องกับบุคคลอื่นที่กล่าวมาทั้งที่ทราบกันดีว่าบุคคลเหล่านั้นร่วมขบวนการด้วย หนำซ้ำตอนนั้นเองก็ยังเป็นคดีดัง ตนอยากให้พี่น้องชาวไทยได้ช่วยกันตรวจสอบ ยืนยันว่าบุคคลที่เอาเงินจากตนไป คือ อัยการ การที่มีข่าวเรื่องข่มขู่ อัยการที่จังหวัดสงขลา ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำ เพราะพฤติกรรมการข่มขู่ตนไม่ทำแน่นอน


มองประเด็นจุดหมายที่มีการปล่อย และระบุว่าเป็นการข่มขู่จากฝีมือตน เป็นกระบวนการที่หวังผลประโยชน์ให้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการวิสามัญตน ลักษณะคล้ายเหมือนให้ร้าย และมองว่าตนเป็นนักโทษที่ไม่รู้สึกผิด ทั้งที่สำนักงานอัยการดังกล่าวย่อมมีกล้องวงจรปิด แต่ทำไมถึงไม่มีใครตรวจสอบหรือออกมาเปิดเผยผลสุดท้ายของบุคคลที่มีการข่มขู่ ทำไมไม่ไปดูว่าใครเป็นคนขู่


ย้ำคำเดิมวันที่มีการปะทะ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งใจที่จะเดินทางไปวิสามัญตน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 9 มีปัญหาโดยตรงกับตน เรื่องที่มีการจับกุมเเล้วเอาปืนไปจี้ ดูได้จากข่าวในอดีตที่ตนเคยพาชาวบ้านไปประท้วงแจ้งความ


มองว่าเหตุการณ์ปะทะวันนั้นตั้งใจแน่นอน จากที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเอ็ม 76 รวมแล้ว 10 กว่านัดที่นับได้ อยากย้อนถามว่าเหตุการณ์วันดังกล่าวที่มีการระบุว่าตนเองมีการไล่ยิงเจ้าหน้าที่กลับนั้น อยากให้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่มาเจอตนคนเเรกที่วิ่งหลบหนี ว่าเหตุการณ์วันนั้นตนตั้งใจจะยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจสวนกลับหรือเป็นการยิงขึ้นฟ้า เพราะวันนั้นทางเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวมาเห็นตนคนแรกแต่ตนกลับยิงขู่ขึ้นฟ้าเพื่อให้เขาวิ่งหนี ทั้งที่ตนสามารถจ่อยิงกลางหลังให้เสียชีวิตได้ แต่ในเหตุการณ์ดังกล่าวตนมองว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ใช่ศัตรูตนโดยตรง เขาเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ตนทำผิดก็ยอมรับว่าคือคนผิด และยังมองว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวที่ตนเองปะทะด้วย เขาก็มีครอบครัวมีลูกเมีย ตนไม่คิดที่จะต่อสู้หรือสวนกลับตามที่มีการแถลงข่าว ตนยิงขึ้นฟ้าแล้ววิ่ง หลบหลีกหนีถอย


ตนอยากให้สังคมไทยย้อนดูกฎหมายหรือกระบวนการยุติธรรม ว่ายุติธรรมกับตนหรือคนอื่นหรือไม่ ยังมีอีกหลายประเด็นที่ตนเองอยากจะออกมาพูดคุย แต่วันนี้สิ่งหนึ่งที่ตนต้องการคืออยากให้มีการดำเนินการอัยการกับพวกที่ตนกล่าวไป หากมีการดำเนินการแล้วตนยืนยันพร้อมที่จะเดินเข้าไปมอบตัวตามกระบวนการยุติธรรม แต่หากยังนิ่งเฉยและไม่ดำเนินคดีกับทางอัยการ ตนก็จะไม่ไปมอบตัวแน่นอน ถ้าจะไปก็คงต้องไปเป็นศพแน่นอน ชัดเจน 100 เปอร์เซ็นต์ ในเมื่อความยุติธรรมไม่มีตนก็ไม่ไป หากสิ่งไหนที่ตนเองทำผิดพลาดต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนก็ต้องขออภัยด้วย ตนก็ไม่เคยคิดจะต่อสู้แต่อย่างใด รวมไปถึงตนเองอยากจะขอโทษในส่วนของพ่อแม่พี่น้องในพื้นที่หมู่บ้านตระ หรือพี่น้องชาวไทยเดือดร้อน ตนก็ขอกราบขอโทษด้วย

-------------
หลังจากที่นายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด อัดคลิปเปิดใจสาเหตุที่หลบหนีจากเรือนจำ โดยอ้างการไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี ซึ่งคลิปภาพถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นนายชวลิต ตัวจริงหรือไม่ กระทั่งวันนี้ยืนยันว่าบุคคลในคลิปคือ แป้ง นาโหนด ตัวจริง และวันนี้แป้ง นาโหนด ก็เปิดเผยคลิปที่สอง อ้างว่าพร้อมจะเข้ามอบตัวหากอัยการบอย ถูกดำเนินคดีด้วย


คลิปที่สองที่นายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด เปิดเผยมีความยาวประมาณ4 นาที20วินาที เนื้อหาช่วงแรกใกล้เคียงกับคลิป แรกนี้ที่ระบุว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ในคดีกรณีที่เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับการประกันตัวขณะที่คนอื่นๆได้รับการประกันตัว และหลายคนเช่นนายสมชาย หนุนเกลี้ยง / ดาบตำรวจติ๊ก ธีระวุฒิ จันทร์แก้ว หรือสิบเอกสมมิตร อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ทั้งที่ร่วมกันวางแผนปล้น


ช่วงหนึ่งเขายอมรับว่าเป็นเขาเองในคดีที่ไปปล้น และอ้างว่าคนที่เอาเงินไปคืออัยการบอย เขาอ้างว่าไม่ได้ข่มขู่ใครและซัดทอดว่ามีคนปองร้ายหวังให้ตำรวจวิสามัญเขา


นายเชาวลิต ยังอ้างว่าเขาพร้อมจะเดินเข้ามามอบตัวหากอัยการที่ชื่อบอย ถูกดำเนินคดี หรือไม่เขาก็พร้อมจะเป็นศพกลับบ้าน


หลังนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด เผยแพร่คลิปออกมา สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งตรวจสอบสำนวนที่ถูกกล่าวถึง รวมทั้งอัยการที่ถูกกล่าวหาแล้ว ส่วนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด และจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย


พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เปิดเผยหลังจากมีคลิปชายหน้าคล้าย นายชวลิต ทองด้วง หรือนายแป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาที่หลบหนีจากการควบคุมตัวระหว่างมารักษาตัวที่โรงพยาบาล ออกมาเผยถึงสาเหตุของการหนีว่าไม่ได้ความเป็นธรรมนั้น


เบื้องต้นได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ที่ดูแลงานสืบสวน ตรวจสอบที่มาที่ไปของคลิปดังกล่าวว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร ถ่ายคลิปที่ไหน ถ่ายในช่วงไหน พร้อมเร่งติดตามจับกุมนายชวลิต มาดำเนินคดีตามกฎหมาย


ในส่วนของเนื้อหาในคลิป ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ได้สั่งการให้จเรตำรวจไปตรวจสอบ ว่ามีการพาดพิงตำรวจคนใดบ้าง มีข้อเท็จจริงอย่างไร หากมีความผิดก็ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ทั้งทางวินัย อาญา และปกครอง ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย พร้อมฝากให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังสื่อโซเชียล ตำรวจพร้อมที่จะดำเนินการตามข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร ซึ่งหากคิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ตำรวจก็พร้อมที่จะประสานงานดำเนินการให้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย


ด้านนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า อัยการสูงสุด มีคำสั่งให้อธิบดีอัยการภาค 9 ตรวจสอบรายละเอียดทั้งสำนวนคดีที่นายชวลิตหรือแป้งกล่าวถึง และอัยการ บ. ที่ถูกอ้างถึงว่าเป็นคนวางแผนสั่งการทั้งหมดจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้แล้วรายงานให้ อัยการสูงสุดรับทราบ


ส่วนอัยการ บ.ที่ถูกกล่าวถึงได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่ไม่เคยประสานขอความช่วยเหลือจากนายแป้ง แต่อย่างใด และมีหลักฐานอ้างอิงเนื่องจากอยู่บ้านตลอด เชื่อว่านายแป้งต้องการดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรมของประเทศ


ขณะที่จ่าติ๊ก หรือ ร.ต.ต.ธีรวุฒิ ที่ถูกกล่าวถึงในคลิปเช่นกัน ปัจจุบันย้ายจากจังหวัดพัทลุงมาอยู่ที่ สถานีตำรวจภูธรในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ประมาณ 2 ปีแล้ว โดยวันนี้ได้ปฎิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่ไม่ขอให้สัมภาษณ์สื่อ ส่วนเรื่องคดีเสี่ยแป้ง ให้ไปสอบถามระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูง

-------------
ความคืบหน้าล่าสุด ทีมข่าวได้วิดีโอคอลพูดคุยกับ พ.ต.ท.วีระศักดิ์ คงเพชร อดีด ผบ.ร้อย ตชด.434 พัทลุง ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ ที่ตำรวจชุดจับกุมนายจรวด เมื่อ 2 ก.ค.62 ติดต่อขอกำลังเสริม หลังถูกกลุ่ม “เสี่ยแป้ง นาโหนด” และพวกกว่า 20 คน วางแผนปล้นชิงตัวประกัน


พ.ต.ท.วีระศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า วันที่เสี่ยแป้ง พร้อมพวกกว่า 20 คน บุกเข้ามาชิงตัวนายจรวด หรือ นายสิทธิเดช ทรงเดชะ นั้น สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจับกุม นายอัตชัย เลื่อนแป้น เครือข่ายยาเสพติดได้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนมีการขยายผล โดยได้ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของนายอัตชัย ว่าหัวหน้าใหญ่เจ้าของยาเสพติด คือ นายต้น ฉายา “ต้น พม่า” ซึ่งข้อมูลแชทการสนทนาระหว่างนายอัตชัย กับนายต้น นั้น มีการระบุชื่อและข้อมูลผู้รับยาเสพติด โดยมีของ “บอย” เป็นคนรับยาบ้าไป


จากข้อมูลแชท คือ นายต้น เจ้าของยาบ้า มีการซื้อขายยาบ้ากับนายบอย โดยนำยาบ้าไปให้จำนวน 17 เป้ รวม 850 มัด คิดยาบ้ามัดละ 15,600 บาท รวมเป็นเงิน 13,260,000 บาท ในบิลระบุ มีการจ่ายเงินไปแล้ว 2.9 ล้าน ค้างจ่ายอยู่อีก 10,360,000 บาท โดยนายต้น ได้ใช้ให้นายอัตชัย มีหน้าที่ไปทวงเงินค่ายาบ้าในส่วนที่เหลือ


จากนั้นเมื่อจับกุมนายอัตชัย ได้ ตำรวจจึงได้ติดต่อไปถึงนายต้น เจ้าของยาบ้าตัวจริง เพื่อขยายผลจับกุมต่อ ซึ่งทีมข่าวยังได้คลิปเสียงการสนทนาระหว่าง นายต้น กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย โดยในคลิปเสียง นายต้นได้ให้เบาะแสว่า นายบอย ที่นำยาบ้าไปนั้น แท้จริง คือนายสิทธิเดช หรือ จรวด โดยนำยาบ้าไปทั้งหมด850มัด


ต่อมาเมื่อตำรวจได้ข้อมูลจากนายอัตชัย และนายต้น เจ้าของยาบ้าแล้ว จึงได้ทำการขยายผลไปจับกุม นายบอย ที่บ้านพักที่ จ.พัทลุง โดยนำตัวนายอัตชัย ขึ้นรถไปด้วย เพื่อชี้พิกัดบ้าน จากนั้นเมื่อไปถึงบ้านนายบอย เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าจับกุม และมารู้ว่า นายบอยนั้น จริง ๆ แล้ว คือชื่อจริงคือ นายสิทธิเดชหรือ“จรวด”โดยมีการถ่ายภาพและบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน


คลิปเสียงอีกคลิป (ความยาว 01.54 น.) จะได้ยินตำรวจคุยกับนายจรวด ให้ขยายผลนำยาบ้าที่เอาไปเอามาส่งคืน โดยนัดให้นำยาบ้าที่เหลือมาวางไว้ มีการพูดคุยยาบ้าจำนวน 5 เป้ จำนวน 300 มัด และในคลิปเสียง นายจรวด ได้มีการต่อรองว่าหากทำตามจะขอไม่ถูกจับ


รายละเอียดในคลิปเสียงตำรวจสนทนากับนายจรวด เรื่องยาเสพติด

นายสิทธิเดชฯ -ไม่จับใครนะ.

พ.ต.ท.ฤทธิไกร-ไม่เอา (ไม่จับ)  มึงเชื่อกูตะ

สายลับ -เอาของ (ยาบ้า) มาวางไว้นิ

ร.ต.อ.วิทยา -ให้เด็กเอาของ (ยาบ้า) มาวางจบแล้วนิ

ร.ต.อ.อภิชาติ -ให้เข้ามาใกล้ ๆ ไม่มีสัญญาณเลย (รถคันหลัง)

พ.ต.ท.ฤทธิไกร -มึงจะบวชใช่มั้ย

นายสิทธิเดชฯ -ครับ

พ.ต.ท.ฤทธิไกร -มึงได้บวช

นายสิทธิเดชฯ - ผมได้บวชนะ

พ.ต.ท.ฤทธิไกร -กูไม่ทำเป็นเรื่องเล่นนะเรื่องแบบนี้ กูไม่จับใครสักคนหนึ่ง  กูรับปากแล้ว ว่ามึงได้บวช

สายลับ -แล้วไม่จับใครสักคนนิ

ร.ต.อ.อภิชาติ -เดี๋ยวให้ใครเตรียมถ่ายรูปด้วย

พ.ต.ท.ฤทธิไกร -มึงได้บวช ถ้ามึงบวชนะ ถ้ามึงคิดจะบวช มึงจะบวชวันไหน

นายสิทธิเดชฯ -ผมจะบวชเข้าพรรษา

ร.ต.อ.อภิชาติ -ดูแบล็คกราวด์ข้าง ๆ ด้วย คุ้มกันข้างหลังให้ด้วย (สั่งรถคันหลัง)  ของน้องเขามี แต่มีไม่เยอะ(ยาบ้า) 

พ.ต.ท.ฤทธิไกร -คุยเรื่องแบบนี้ พระสงฆ์องค์เจ้า สบายใจขึ้นยัง

ร.ต.อ.อภิชาติ -อย่าช้าเรื่องมันจะเทือนเรื่อย (จะมีคนรู้กันหลายคน) ใช่มั้ย ถึงของไม่ใช่น้อย ๆ ของ 300 (มัด) พี่ว่าพอได้ขนนะ กี่เป้ละ 300 (มัด) 6 เป้ใช่มั้ย

นายสิทธิเดชฯ -5

ร.ต.อ.อภิชาติ - กี่เป้นะ 300 (มัด) 6 เป้ใช่มั้ย เป้ละ 50

นายสิทธิเดชฯ -พันพรือนะครับ (อะไรนะ)

ร.ต.อ.อภิชาติ -ว่าของยังอยู่กี่เป้ 300 นะ กี่เป้

นายสิทธิเดชฯ -มีเหลืออยู่ 5 เป้ ครับ


จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายจรวด และนายอัตชัย นำไปขยายผลโดยให้นายจรวด โทรศัพท์ติดต่อไปยังเครือข่ายที่ได้นำยาเสพติดไปฝากไว้นำมาส่งคืน เพื่อแลกกับการปล่อยตัว และไม่โดนดำเนินคดี


ต่อมานายจรวด จึงได้โทรศัพท์ไปยังบุคคลรายหนึ่งที่อ้างว่า เป็นลูกพี่ ทราบภายหลังว่า คือ “อัยการบอย” เพื่อให้ลูกน้องนำของกลางที่เป็นยาเสพติดคงเหลือมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่า เจ้าของยาบ้า เขามาทวงยาบ้าคืนเพราะจ่ายเงินไม่ครบ ขณะนั้นตำรวจมีการถ่ายคลิปมือถือ และบันทึกการสนทนาไว้ทั้งหมด และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ยังได้โทรศัพท์หาตนเองว่า หากยาบ้ามาถึงแล้ว จะขอกำลังเสริมจากตนเองบุกเข้ารวบตัวเครือข่ายที่นำยาบ้ามาส่งทันที ตนเองก็เตรียมตัวรอ


กระทั่งผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง นายจรวด พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้มีการนัดหมายกันในพื้นที่ ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุในตอนนั้น //เมื่อถึงเวลานัดหมาย ปรากฏว่า ได้มีรถปริศนา รถตู้ จำนวน 1 คัน และรถกระบะสีดำอีก 2 คัน ได้ขับรถมาประกบหน้า-หลังรถของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม


จากนั้นได้มีชายฉรรจน์ เกือบ 20 คน ทุกคนใส่หมวกไอ้โม่งถืออาวุธปืนลงจากรถ และแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกให้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมหยุด อย่าขยับ พร้อมกับอ้างว่า เป็นตำรวจจับยาเสพติด ทำให้ตอนนั้น ตำรวจชุดจับกุม ตกใจและงงมากกว่า เป็นตำรวจชุดไหน และแสดงตัวเป็นตำรวจเช่นกัน


ก่อนที่ตอนนั้น มีชายคนหนึ่ง ภายหลังทราบว่า คือเสี่ยแป้ง หัวหน้าที่บุกมาชิงตัวประกัน ถามตำรวจว่า “อ่าว เป็นตำรวจจริงๆหรอ ไหนเอาบัตรตำรวจมาดู” เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงแสดงบัตรให้ดู เสี่ยแป้งตอนนั้น จึงได้พูดกลางวงที่ชิงตัวประกัน โดยต่อว่า นายจรวดว่า “ไหนลูกพี่มึง บอกว่า เป็นโจรมาชิงตัวมึงไป อัยการบอกว่า โจรจับมึงไปไอจรวด ถ้ากูรู้ว่าเป็นตำรวจกูไม่มาหรอก ทำไมหลอกกูแบบนี้”


ตอนนั้น จรวด ซึ่งหนีลงจากรถเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแล้ว ได้เข้ามาอยู่ฝั่งพวกเสี่ยแป้งที่มาช่วย โดยมีพวกประธานติ่ง/จ่าติ๊ก //ระหว่างนั้น จรวด ที่ได้เข้าไปแย่งปืนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และจะยิงตำรวจชุดจับกุม แต่ถูกเสี่ยแป้ง ได้ห้ามไว้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ยินเสี่ยแป้ง บอกกับจรวดว่า “มึงอย่ายิงตำรวจ ถ้ามึงยิง มึงมีเรื่องกับกูแน่ เขาเป็นตำรวจจริง”


แต่ตอนนั้นนายจรวด ไม่ฟัง และได้ยิงใส่เจ้าหน้าที่ 1 คนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขา โดยเสี่ยแป้ง ไม่ใช่คนยิง ก่อนที่เสี่ยแป้ง และพวก จะหลบหนีไป ส่วนนายจรวดและอัตชัย ก็ได้ขึ้นรถพวกเสี่ยแป้งไปอีกคัน โดยก่อนจะหลบหนี จรวดได้นำโทรศัพท์มือถือของตัวเองและมือถือที่ตำรวจบันทึกการจับกุมเอาไปด้วยทั้งหมด


ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมด้วยความตกใจและกังวล ไม่กล้าที่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ทำได้เพียงเข้าไปปฐมพยาบาลที่โรงพยาบาลควนขนุน ก่อนย้ายไปพักที่โรงพยาบาลจังหวัดกระบี่


และหลังเกิดเรื่องขึ้น ช่วงเช้าของอีกวันทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้โทรศัพท์ติดต่อมายังตนเองเพื่อขอกำลังเสริมไปคุมกันเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เพื่อเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.นาขยาด จากนั้น จึงได้ทราบเรื่องทั้งหมดจากชุดจับกุมว่า กลุ่มคนที่มาชิงตัวนายจรวด และนายอัตชัยไปคือ“เสี่ยแป้ง”


หลังจากรู้ว่าเป็น เสี่ยแป้ง ตนเองจึงได้โทรศัพท์ไปหาเสี่ยแป้ง เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ทำไมเสี่ยแป้ง ทำแบบนี้ เสี่ยแป้งจึงบอกกับตนเองว่า เจ้าตัวไม่ทราบว่า บุคคลที่จับกุมนายจรวดไปคือตำรวจ เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง เสี่ยแป้งได้รับโทรศัพท์จากคนที่ชื่อ “อัยการบอย” และ “ประธานติ่ง”และพ่อของนายจรวด


ซึ่งได้ติดต่อเสี่ยแป้งมาขอความช่วยเหลือ อ้างว่าจรวดโดนกลุ่มรีดไถเกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดอุ้มไป อัยการบอย จึงได้โทรศัพท์ให้เสี่ยแป้ง พร้อมทีมงานเข้าไปช่วยเหลือ โดยที่ไม่ได้มีการบอกความจริงว่าจรวดถูกตำรวจจับกุมเนื่องจากการขยายผลเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด


ตนเองจึงได้บอกให้เสี่ยแป้ง นำอาวุธปืนที่พรรคพวกปล้นตำรวจไปนำมาคืน ตอนนั้นเสี่ยแป้ง บอกว่า ผมไม่ได้เอาปืนไป แต่คนที่นำปืนตำรวจไป คือ ประธานติ่ง 1 กระบอก , จ่าติ๊ก 1 กระบอก และ จรวด เอาไป 1 กระบอก รวม 3 กระบอก แต่ขณะนั้น เสี่ยแป้ง ได้ขอเวลาตนเอง 2 วัน เพื่อนำปืนมาคืนเพราะประธานติ่งนำปืน 1กระบอกไปจำนวนต้องไปไถ่ถอนออกมาก่อน


จนกระทั่งผ่านไป 2 วัน เสี่ยแป้งก็ได้นำปืนทั้งหมดมาคืนให้กับตนเอง เพื่อส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้ลูกน้องเป็นคนนำใส่ถุงมาให้ ก่อนที่เสี่ยแป้ง จะและพวกทั้งหมด จะถูกจับกุมภายหลัง และมีการตั้งข้อหากับเสี่ยแป้งและพวก แต่ต่อมาตนเองไม่รู้ว่ากระบวนการแจ้งข้อหาเกิดอะไรขึ้น กลุ่มที่มีการเข้าไปชิงตัวประกัน กลับไม่มีใครโดนคดี และบางรายสามารถประกันตัวออกมาได้แต่กลับดำเนินคดีและคัดค้านการประกันตัวเสี่ยแป้งเพียงคนเดียว


ส่วนข้อครหาที่ว่า ตำรวจภาค 8 และกลุ่มพวกตนเอง มีการจับกุมนายจรวด พ่อค้ายาเสพติดไปเรียกค่าไถ่ เสนอเงิน 3 ล้าน ยืนยันไม่เป็นเรื่องจริง แต่ยอมรับว่าระหว่างจับกุมจรวด ได้เสนอเงินเป็นค่าดูแลตำรวจ เพื่อแลกการปล่อยตัวจริง ตอนนั้น ตำรวจได้แกล้งรับปากไปเท่านั้น เพื่อ ให้จรวด ทำตามคำสั่งเพื่อนำยาบ้ามาให้ได้ซึ่งไม่มีการรับเงินเพื่อเรียกค่าไถ่แต่อย่างใด


ส่วนการที่เสี่ยแป้งหลบและระบายออกมาในคลิปดังกล่าวนั้น ตนเองซึ่งเป็นคนที่รู้เหตุการณ์และรู้เรื่องราวก่อนหน้านี้ ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ซึ่งตนก็ยังคงมีหลักฐานบางส่วนที่ยังเก็บไว้ มองการออกมาให้สัมภาษณ์ของนายจรวดที่อ้างว่า ตำรวจมีการรีดไถ่เงิน จึงทำให้ต้องมีการชิงตัวนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องราวทั้งหมดมาจากที่นายจรวดไปเบี้ยวค่ายาเสพติดจากทางกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดระดับสูงในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน


มองสิ่งที่เกิดขึ้นทางครอบครัวนายจรวด รวมไปถึงอัยการบอยและบุคคลอื่นๆ น่าจะมีส่วนรู้เห็นและร่วมกันวางแผน ก่อนที่จะมาหลอกเสี่ยแป้งให้เข้าไปช่วย สอดคล้องกับที่เสี่ยแป้งเองได้ให้ข้อมูลกับตนเองว่า บุคคลที่ทางเสี่ยแป้งเชื่อและไว้วางใจจะมีเพียงไม่กี่คนหนึ่งในนั้นคือ “อัยการบอย” และ “ประธานติ่ง”


พ.ต.ท.วีระศักดิ์ คงเพชร  อดีต ผบ.ร้อย ตชด.434 พัทลุง เชื่อว่า การออกมาของเสี่ยแป้งเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง น่าจะเกิดมาจากตัวเสี่ยแป้ง ถูกตั้งข้อหาและโดนจับกุม ทั้ง ๆ ที่เสี่ยแป้งไม่ได้เป็นคนทำและไม่ได้เป็นคนยิงตำรวจ แถมยังห้าม “นายจรวด” ไม่ให้ทำร้ายร่างกายตำรวจด้วย เหตุการณ์วันนั้นถ้าหากอัยการบอย ไม่ได้เป็นคนสั่ง หรือขอให้ช่วยเหลือ เสี่ยแป้งเองก็คงนิ่งเฉยและไม่กล้าที่จะเข้าไปช่วยอยู่แล้วหากรู้ว่าเป็นตำรวจจริง

-------------




รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/3TkiWBT1YtQ






แท็กที่เกี่ยวข้อง  เสี่ยแป้ง นาโหนด

คุณอาจสนใจ

Related News