สังคม

สั่งเด้ง 'อัยการ บ.' เปิดทางคณะกรรมการสอบ ด้าน 4 ผู้ต้องหา เอี่ยวช่วย 'เสี่ยแป้ง' ยังปิดปากเงียบ

โดย nattachat_c

1 ธ.ค. 2566

78 views

วานนี้ (30 พ.ย. 66) นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เมื่อเช้า อัยการสูงสุดมีคำสั่งย้ายอัยการ บ. เข้ามาทำงานที่ส่วนกลาง หรือ สำนักงานอัยการการค้ามนุษย์ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อไม่ให้เกี่ยวข้องกับงานคดี


ซึ่งการย้ายครั้งนี้ไม่ใช่เพราะทำผิด แต่ย้ายเพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปด้วยความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน


ขณะที่ สำนักงานวิชาการได้รับสำนวนคดีเสี่ยแป้ง ที่กล่าวหาอัยการ บ. มาตรวจสอบแล้ว ตั้งแต่วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวน


โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยังบอกด้วยว่า 3 สัปดาห์ก่อนจะมีคลิปของเสี่ยแป้งออกมา เคยได้รับเรื่องจากผู้ไม่หวังดีนำหนังสือร้องเรียน ไปวางไว้ที่ศาลแขวงจังหวัดสงขลา เพื่อให้ตรวจสอบ มาก่อนแล้ว


จากการตรวจสอบ พบว่า นายเลอศักดิ์ ดุกสุขแก้ว อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 9 รักษาการตำแหน่งอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงสงขลา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คาดว่าเป็นการยื่นหนังสือจากบุคคลที่สามหรือผู้ไม่หวังดี ซึ่งสอดคล้องกับที่นายแป้ง เผยแพร่คลิปว่า ไม่ได้เป็นผู้ร้องเรียนอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงสงขลา


นอกจากนี้ อัยการยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 2 สำนวน คือ กรณีที่เสี่ยแป้ง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ตำรวจชุดจับกุม 8 นาย พลเรือน 1 นาย ในกรณีอุ้มรีดทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยว แลกกับการไม่ดำเนินคดีนั้น ซึ่งอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างนัดนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาฟ้องพร้อมสำนวน ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ในข้อหา ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 , กักขังหน่วงเหนี่ยว และข้อหาอื่นๆ รวม 10 ข้อหา


อีกสำนวน คือ กรณีที่นายแป้ง อ้างว่าอัยการฯ เรียกรับ ผลประโยชน์ เป็นเงิน 500,000 บาท ต้องรอคณะกรรมการที่อัยการสูงสุดตั้งขึ้นมาตรวจสอบก่อน หากเรียบร้อยแล้วอัยการจะชี้แจงถึงผลการสอบสวนอีกครั้ง // และตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งย้ายอัยการที่ถูกกล่าวอ้าง


ส่วนการที่สังคมทำไมต้องเชื่อจากจดหมายร้องเรียนของนายแป้ง แล้วถึงลงไปตรวจสอบ ยืนยันว่า ไม่ใช่แบบนั้น แต่มองว่า การตรวจสอบ หากมีคนท้วงติงในเรื่องคดี อีกทั้งเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ทางอัยการสูงสุดจึงให้ความสำคัญที่จะต้องทำให้มันโปร่งใส เพื่อตอบกลับสังคมให้ได้
-------------

เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (30 พ.ย. 66) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามได้เข้าค้นบ้านบุคคลต้องสงสัยที่อาจจะเชื่อมโยง และเข้าข่ายช่วยเหลือ “เสี่ยแป้ง” หลบหนีภายหลังที่เกิดเหตุปะทะในวันที่ 9 และ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยการเข้าตรวจบ้านบุคคลต้องสงสัยนั้นมีการเข้าตรวจค้น เป้าหมายจำนวน 5 จุด ในพื้นที่ จังหวัดพัทลุง 4 จุด และ 1 จุดในพื้นที่จังหวัดสตูล


โดยหนึ่งในนั้ได้มีการเข้าค้นบ้านพักของ “นายสุเชษฐ์” ซึ่งเชื่อว่าเป็นบุคคลที่ได้ช่วยเหลือ “เสี่ยแป้ง” หลบหนี และสามารถตรวจยึดอาวุธปืนเล็กยาว HK 33 ขนาด 5.56×45 มม. ห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 1 กระบอก, ซองกระสุนปืน (แม็กกาซีน) ที่บรรจุกระสุนเต็มอัตราพร้อมใช้ อีกจำนวน 5 ซอง และกระสุนปืนขนาด 5.56x45 มม. จำนวน 142 นัด ถูกซุกซ่อนฝังดินไว้บริเวณชายป่าในพื้นที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง โดยมีรายงานว่าในส่วนของ “อาวุธปืนเอชเค” เป็นกระบอกที่ “เสี่ยแป้ง” ใช้ยิงปะทะเจ้าหน้าที่บนเทือกเขาบรรทัด


จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 ราย ประกอบไปด้วย 1. นายอัซฮัร หมัดสาลี อายุ 30 ปี / 2.นายทนงศักดิ์ เพชรตีบ อายุ 50 ปี / 3.นายสืบศักดิ์ แสงจันทร์ อายุ 38 ปี / 4. นายสุรเชษฐ์ จันเขียว อายุ 39 ปี มาสอบปากคำที่ สภ.ตะโหมด พร้อมกับของกลาง


โดยข้อมูลเบื้องต้นพบว่าทั้ง 4 คน ยังไม่ให้การอะไรที่เป็นประโยชน์ และท่าทีของทั้งหมด ไม่ได้มีท่าทีเคร่งเครียดใดๆ สีหน้าเป็นปกติ ทั้งนี้ระหว่างที่ 2 ผู้ต้องหาที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ตอบคำถามนักข่าวสั้นๆ หลังถามอยากชี้แจงอะไรมั้ย โดยบอกเพียงว่า “ไม่รู้จัก ไม่รู้จัก” พอถามว่า ช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีหรือไม่ ก็ไม่ตอบคำถามแล้วเดินเข้าห้องสอบปากคำทันที


อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าบุคคลที่ตำรวจจับกุมมาในครั้งนี้พบพยานหลักฐานที่ให้การช่วยเหลือเสี่ยแป้ง ในวันที่ 9 และ วันที่ 10 พ.ย. จริง ซึ่งทางพิสูจน์หลักฐานได้นำอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้ไปทำการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว


โดยเหตุการณ์นั้นทางตำรวจสอบสวนกลาง ทำการสืบสวนขยายผลภายหลังเหตุการณ์ปะทะ พบมีกลุ่มบุคคลในพื้นที่ จ.พัทลุง คอยให้การช่วยเหลือ “เสี่ยแป้ง” พาหลบหนีลงจากเทือกเขาบรรทัด โดยกลุ่มบุคคลทั้ง 4 ราย มีการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยนำกำลังเข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นบ้านดังกล่าว


ต่อมาภายหลังที่มีการสอบสวนเเล้วเสร็จ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายนำตัวไปฟ้องศาลที่จังหวัดพัทลุง โดยในส่วนของผู้ต้องหาบุคคลแรก (เสื้อขาว) ทางทีมข่าวได้มีการพยามสอบถามว่ารู้จักหรือช่วยเสียแป้งในการหลบหนีหรือไม่ ถามเจ้าตัวเองสายหน้าพร้อมบอกว่าไม่รู้จักและไม่ได้ช่วยในการหลบหนี ยืนยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา


เช่นเดียวกับอีกหนึ่งผู้ต้องหา ทีมข่าวได้พยามสอบถามว่าทำไมถึงไปพกอาวุธปืนและหลักฐานอยู่ภายในบ้านของเจ้าตัว ซึ่งทางผู้ต้องหาเองส่ายหน้าและปฏิเสธว่าไม่ทราบ ยืนยันไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


เช่นเดียวกับชายชุดดำ อีกหนึ่งผู้ต้องหาที่ส่ายหน้าและไม่ให้ข้อมูล ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการคุมตัวทั้งหมดขึ้นรถและนำไปยังศาล โดยทุกคนไม่ได้มีสีหน้าที่เคร่งเครียดหรือกังวล จากที่สังเกต คล้ายว่าทั้งหมด เตรียมหลักฐานพร้อมที่จะยื่นประกันตัวในชั้นศาล เช่นเดียวกับทางญาติของทางผู้ต้องหาที่ได้เดินทางมายังบริเวณสถานีตำรวจ แต่กลับไม่ให้ข้อมูลหรือรายละเอียดตลอดจนการสัมภาษณ์กับทางทีมข่าวแต่อย่างใด


ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 และคณะทำงานได้เดินทางมายัง สภ.ตะโหมด เพื่อเข้าร่วมประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหาข้อมูลเพิ่มเติมหลังจาก เสี่ยแป้ง นาโหนด ได้โพสต์คลิปที่ 3 ผ่านทางยูทูบ เพื่อหาเหล่งที่มาและจุดที่มีการใช้สันญาณอินเตอร์เน็ต และสอบปากคำเพิ่มเติมกับบุคคลที่คุมตัวมาทั้ง 4 ราย


จากนั้น พล.ต.ท.อิทธิพล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ระบุว่า บุคคลทั้งหมดมีข้อมูลจากการสืบสวนทั้งสิ้น 5 ราย โดยเป็นบุคคลในพื้นที่จังหวัดพัทลุง อำเภอป่าบอน และอำเภอตะโหมด และยังมีอีกหนึ่งคนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดสตูล ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มีการรวบรวมข้อมูลและเข้าตรวจค้นทั้งพื้นที่เป้าหมาย 5 จุด ก่อนที่จะคุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย โดยที่อีกหนึ่งรายยังอยู่ในช่วงของการตามตัวเนื่องจากผู้ต้องหารายดังกล่าวมีการหลบหนี


โดยทั้ง 4 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งข้อหาร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำผิด หรือเป็นผู้ต้องหาการกระทำความผิดอันมิใช่ความผิดและอุโทษเพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้นซ่อนเร้นหรือช่วยผู้นั้น ด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ซึ่งภายหลังสอบปากคำทางตำรวจและมีการนำตัวทั้ง 4 ราย ฝากขังที่ศาลจังหวัดพัทลุง ทั้งนี้ เบื้องต้นทางผู้ต้องหาทั้ง 4 รายยังคงปฏิเสธและไม่ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ด้วยพยานหลักฐานหรือสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการค้นพบค่อนข้างชัดเจนว่ามีการเชื่อมโยงช่วยในการหลบหนีภายหลังที่มีการปะทะ เช่นเดียวกับอีกหนึ่งผู้ต้องหาที่ตอนนี้กำลังหลบหนีอยู่ พบว่าพฤติการณ์ของเจ้าตัวนั้นเป็นคนจัดหายานพาหนะ เพื่อช่วยในการหลบหนี หน่วยยานพาหนะที่หลบหนีนั้นจะมีทั้งในส่วนของรถกระบะและจักรยานยนต์


เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงตำรวจมีพยานหลักฐานว่าทำหน้าที่อย่างไร ใช้รถอะไรไปรับไปส่ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยพฤติการณ์ได้ เพราะอยู่ในสำนวน ส่วนความสัมพันธ์ของทั้ง 5 คนรู้จักหรือสนิทสนมกับทางเสี่ยแป้งในลักษณะแบบใด ในส่วนนี้ยืนยันว่าเป็นการรู้จักในลักษณะที่เป็นคนในพื้นที่ด้วยกันและหากมีการช่วยเหลือหรือ มีผลประโยชน์ซึ่งการในอดีต ยืนยันว่าบุคคลทั้งหมดที่มีการเข้าจับกุมวันนี้ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่อาจจะเป็นกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในพื้นที่หรือเป็นที่รู้จักของคนในจังหวัด


ทั้งนี้ พล.ต.ท.อิทธิพล ยอมรับว่ากลุ่มที่ให้ความช่วยเหลือในส่วนที่มีการจับกุมนั้น น่าจะมีการวางแผนและเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทุกอย่างทำเป็นขบวนการและขั้นตอนภายหลังที่มีการปะทะ ส่วนจะมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่ช่วยหลบหนีในช่วงที่ออกจากโรงพยาบาลหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ในช่วงขยายผล ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องช่วงเวลาที่หลบหนีลงจากเขา รวมไปถึงบุคคลที่กำลังตามตัวอยู่ได้มีการหลบหนีจากทางเสี่ยแป้งหรือไม่ ประเด็นดังกล่าวยังอยู่ในช่วงของการขยายผลเพื่อติดตาม


ขณะที่ทาง พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ ยืนยันว่าชุดปฏิบัติการในส่วนของการสืบสวนสอบสวนยังคงทำงานและลงพื้นที่เพื่อหาเบาะแสบุคคลที่เกี่ยวข้องและตามตัวในส่วนของเสี่ยแป้ง ซึ่งกระบวนการทำงานนั้นได้มีการไล่เรียงไทม์ไลน์และเวลาตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ย้ำว่าตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อหาบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 12 ราย ตั้งแต่ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและพื้นที่จังหวัดพัทลุง โดยเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวน 3 ราย เพราะมีการยึดของกลางไม่ว่าจะเป็นในส่วนของอาวุธและยานพาหนะที่เกี่ยวข้อง


ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่มีการประทะเป็นการใช้กำลังและยุทธวิธีตามขั้นตอน และเป็นการตอบโต้ตาม ขบวนการยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่เองไม่ได้มีเจตนาที่จะวิสามัญตามที่เป็นข่าว การดำเนินคดีจะต้องทำควบคู่กับความเป็นจริงไม่ได้เน้นความรู้สึก


ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามพี่สาวของเสี่ยแป้ง เกี่ยวกับการมอบตัวหลังจากหลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้มอบตัวและรับรองความปลอดภัย โดยพี่สาวให้ข้อมูลโดยไม่ขอให้สัมภาษณ์ว่า จริงๆ การมอบตัวเป็นเรื่องของน้องชายว่าจะมอบหรือไม่มอบ และการมอบตัวก็คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ เนื่องจากในการร้องขอความเป็นธรรมยังไม่มีอะไรออกมาเป็นรูปธรรมที่เห็นได้ชัดว่ามีการรื้อคดีขึ้นมาใหม่ ตนเชื่อว่าน้องชายยังไม่มอบตัว เพราะรู้นิสัยของเขาดี และหลังจากที่น้องหนีออกมาก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกันจนถึงขณะนี้ ฟังจากสื่อเท่านั้นที่เห็นความเคลื่อนไหวไม่ว่าคลิป หรือการเคลื่อนไหวอะไรของน้องต่างๆ


ขณะที่สาวยังระบุอีกกว่า จากกรณีที่นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ออกมาบอกให้ข่าวว่า นายจรวด กับเสี่ยแป้งเป็นญาติกันและให้การช่วยเหลือกัน พี่สาวระบุว่า จริงก็อยากถามอัยการอาวุโสเหมือนกันว่าแป้งน้องชายเป็นญาติกับจรวดฝ่ายไหน ที่ผ่านมาไม่เคยไปร่วมงานในเครือญาติกันเลย

--------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/XCtJoztBE9Q

คุณอาจสนใจ

Related News