สังคม

"ทนายชัช" กลุ่มทนายใจดีรับเรื่องร้องเรียนจาก "พี่ชายเสี่ยแป้ง" ขอความเป็นธรรม หลังถูกคุกคาม

โดย gamonthip_s

3 ธ.ค. 2566

17 views

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า จากกรณีที่พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผช.ผบ.ตร. พร้อมพวก ได้เปิดปฏิบัติการจู่โจมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายหลายจุดในพื้นที่จังหวัดพัทลุง สามารถตรวจยึด 1.อาวุธปืนเล็กยาว HK 33 ขนาด 5.56 x 4.5 มม. จำนวน 1 กระบอก 2.ซองกระสุนปืน(แมกกาซีน) ที่บรรจุกระสุนเต็มอัตราพร้อมใช้ อีกจำนวน 5 ซอง กระสุนปืนขนาด ขนาด 5.56 x 4.5 มม. จำนวน 142 นัด และแจ้งผู้กล่าวหาไป 4 ราย ในขณะที่ผู้ต้องหารายที่ 5 คือนายกัมปนาท สารวัตรกำนัน ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ได้แอบเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนสภ.ตะโหมดแล้ว หลังจากหลบหนีไปก่อนหน้านี้



ล่าสุดเมื่อช่วงสายวันนี้ 3 ธ.ค.66 ที่ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุงกลุ่มผู้สื่อข่าวทั้งในจังหวัด และจากส่วนกลางยังคงปักหลักรายงานข่าวกันอย่างมากมาย แต่ไม่สามารถขึ้นไปบนชั้น 3 ได้ เนื่องจากถูกขอร้องจาก จนท.ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าเวรยามอยู่ชั้นล่าง แต่แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือรายหนึ่งเผยว่านายสมชาย ซึ่งเป็นพ่อของนายจรวดได้เดินทางเข้ามาให้ปากคำต่อตำรวจ โดยขึ้นไปรอให้ปากคำบนชั้น 3 เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. ส่วนนายพงศ์พิพัฒน์ คาดว่าน่าจะให้ปากคำต่อสำนักงานจเรตำรวจในกรุงเทพฯ เนื่องจากเจ้าตัวได้มีคำสั่งไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนกลางแล้ว



ในส่วนของนายกัมปนาท สารวัตรกำนัน ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ซึ่งเป็น 1 ใน 5 กลุ่มผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวภายหลัง ทางด้านนายพรพนม นายอำเภอป่าบอน จ.พัทลุง เผยว่า ในขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น 1 ชุด เพื่อเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่นายกัมปนาทตกเป็นผู้ต้องหาในการพาคนร้ายหลบหนีว่าเรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร เพื่อมิให้ภาพลักษณ์ของฝ่ายปกครองใน อ.ปาบอน ได้รับความเสียหาย




ทางด้าน ทนายชัช หรือว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ อายุ 52 ปี ทนายกลุ่มทนายใจดี ได้เดินทางมายังบ้านของ นายกษิดิ์ชาติ พี่ชายของเสี่ยแป้ง ภายหลังที่ทางเจ้าตัวได้รับเรื่องร้องทุกข์จากทางญาติของเสี่ยแป้ง ในเรื่องของผลกระทบจากการเข้าบุกตรวจค้นบ้าน และมีการจับกุมแจ้งข้อหาในการช่วยเหลือเสี่ยแป้ง




ซึ่งทางครอบครัวของนายกษิดิ์ชาติได้เน้นย้ำกับสื่อมาโดยตลอด ว่าที่ผ่านมาแม้ว่าทางเจ้าตัวตัวเองจะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยในส่วนของขั้นตอนกระบวนการแจ้งข้อหา ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ซึ่งบรรยากาศที่บ้านของทางด้าน นายกษิดิ์ชาติ ได้มีการเตรียมเอกสารในส่วนของหลักฐานที่เกี่ยวข้องและยืนยันความบริสุทธิ์ใจให้กับทางทนายชัช ซึ่งเอกสารดังกล่าวนั้นจะเป็นในส่วนของการกดเงินจากตู้เอทีเอ็มบริเวณหน้าโรงพยาบาลพัทลุง รวมไปถึงเอกสารเกี่ยวกับการเดินทางเข้าไปรักษาอาการป่วยเนื่องจากก้างปลาทิ่มคอ ที่คลินิกแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทลุง



ซึ่งทนายได้ขอข้อมูลรายละเอียดรวมไปถึงมีการสอบถามข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 11 พ.ย.66 ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม 6 นำหมายศาลจังหวัดพัทลุง เข้าทำการค้นบ้าน รวมไปถึงทางด้านพี่ชายของเสี่ยแป้งได้มีการเล่าข้อมูลหรือเหตุการณ์ให้กับทางทนายชัช รับทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการเข้ามาตรวจค้นของเจ้าหน้าที่กองปราบปราม นำหมายศาลเข้ามาตรวจค้น แต่ไม่ได้มีการแสดงหมายจับหรือหมายเรียก



โดยพฤติการณ์ในวันนั้นทางเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้มีการเชิญตัวเพื่อไปให้ข้อมูลหรือรายละเอียดที่สภ. เมืองพัทลุง แต่สุดท้ายเมื่อไปถึงสภ.ก็กลับมีการแจ้งข้อหา และนำตัวเข้าห้องขังเป็นระยะเวลา 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะให้ทางครอบครัวไปประกันตัวที่ชั้นศาล ซึ่งทางพี่ชายของเสี่ยแป้งเองได้ให้ข้อมูลกับทางทนายว่าค่อนข้างรู้สึกตกใจและเสียความรู้สึก เพราะส่วนตัวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือให้ความช่วยเหลือกับทางด้านเสี่ยแป้งตามที่มีการตั้งข้อหา ทั้งที่ตนเองปฏิเสธตั้งแต่ชั้นสอบสวน



ขณะที่ในส่วนของผลกระทบของครอบครัวโดยหลักก็จะเป็นในส่วนของลูกที่กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เนื่องจากหลายคนเองที่ไม่เข้าใจก็มีการตีตราว่าตนในฐานะพ่อเป็นผู้กระทำความผิด 



โดยทางทนายชัช ได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่าสำหรับเหตุการณ์ที่ได้เดินทางมาพบกับทางญาติวันนี้ เนื่องจากทางตนเองได้รับการประสานมาจากญาติของเสี่ยแป้ง หลังจากที่ตกเป็นข่าวและมีการเข้ามาตรวจค้นบ้าน ญาติบางรายยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่กล้าที่จะออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกและเรื่องของคดีความ ทำให้ตนเองเดินทางมาเพื่อพูดคุยกับทางด้าน นายกษิดิ์ชาติ ในฐานะมีศักดิ์เป็นพี่ของเสี่ยแป้ง ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ทนายได้รับทราบข้อมูลก็พอจะทำให้ทราบเรื่องว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่มีการเข้ามาตรวจค้นนั้นอาจจะเชื่อมโยงมาจากข้อสันนิษฐานของทางสถานีตำรวจ หลังจากทราบว่าทางเสี่ยแป้งได้มีการหลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณเทือกเขาบรรทัด สอดคล้องกับทางด้านพี่ชายที่ทำงานอยู่ในส่วนของกรมอุทยานรับผิดชอบบริเวณเทือกเขาบรรทัด เลยทำให้มีการเชื่อมโยง ว่าพี่ชายให้ความช่วยเหลือ




เผยจากการสอบถามในส่วนของพี่ชายเสี่ยแป้ง ยอมรับว่าในมุมของข้อกฎหมายเบื้องต้นค่อนข้างพบความผิดปกติบางส่วน ตลอดจนในส่วนของกรณีที่ทางพี่ชายเสี่ยแป้งโดนตั้งข้อหาหา มาตรา 192 เกี่ยวกับกรณีให้ความช่วยเหลือ ซึ่งจริงแล้วโทษไม่เกิน 3 ปี หากเป็นขั้นตอนกระบวนการตามปกติก็จะต้องมีการออกหมายเรียก ซึ่งในส่วนของผู้ที่ถูกออกหมายเรียกก็มีสิทธิ์จะไปหรือไม่ไปตลอดจนสามารถ หาทนายเพื่อมาสู้คดี หลังจากนี้ในฐานะทนายความ ตนเองก็นำหลักฐานและข้อมูลที่ได้รับเพื่อไปเรียกร้องความเป็นธรรมในลำดับต่อไป



ซึ่งข้อมูลที่ได้รับนั้น มองว่าทางญาติของเสี่ยแป้งเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งในส่วนของการสอบสวนทางด้านผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่ได้มีทนายความเข้าไปให้คำปรึกษา ตลอดจนในส่วนของเหตุการณ์ช่วงที่มีการเข้ามาค้นบ้าน และไม่ได้มีการแจ้งข้อหาแต่ทางสถานีตำรวจเองก็กลับไม่ให้สิทธิ์เขาติดต่อหรือประสานบุคคลอื่น ซึ่งในส่วนนี้ตนเองก็ต้องเข้าไปไปดูในรายละเอียดและหากพบความผิดปกติก็คงจะต้องมีการร้องเรียน ตาม ป.วิอาญา ว่าทางเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้ทำถูกต้องตามกระบวนการและขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบความผิดปกติก็อาจจะต้องมีการร้องเรียนตามข้อกฎหมายหรืออาจจะร้องเรียนในส่วนของวินัยและประพฤติมิชอบ หรืออาจตะขัดต่อ พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ แต่เบื้องต้นส่วนตัวจะขอร้องความเป็นธรรมให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ร้องเรียนไปที่ตำรวจภูธร ภาค 9



ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีกระแสข่าวว่าภายหลังที่มีการปล่อยคลิปตัวที่ที่ 3 ออกมาทางเสี่ยแป้งจะมีการเข้ามอบตัวภายใน 4-5 วัน ซึ่งภายหลังที่มีการปล่อยคลิปยอมรับว่าทางทนายความเองก็ไม่ได้รับสัญญาณหรือมีการสื่อสารลักษณะว่าทางเจ้าตัวจะต้องออกมามอบตัวหรือไม่ ส่วนตัวไม่ทราบผมจะมอบตัวหรือไม่มอบตัวแต่ตนก็ได้ทำหน้าที่ในฐานะทนายความที่มีการส่งสารหรือนำเอกสารที่ทางเสี่ยแป้ง ส่งผ่านมา การจะมอบตัวหรือไม่มอบตัวก็ถือว่าเป็นอำนาจและวินิจในการตัดสินใจของเขา



ขณะที่ทาง นายกษิดิ์ชาติ เผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการเข้าบุกค้นบ้านตอนนั้น เป็นเหตุการณ์เชื่อมโยงจนทำให้ทางตนเองเดือดร้อน รวมไปถึงกระทบในส่วนของหน้าที่การงานเนื่องจากตนเองก็รับราชการ เพราะหลังจากที่มีกระแสข่าวลือและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้เข้ามาตรวจคนที่บ้านของตนนั้น ตนเองก็พร้อมให้ความร่วมมือเนื่องจากบริสุทธ์ใจและพร้อมให้เข้าตรวจค้น ตลอดจนได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองพัทลุง เพื่อให้ข้อมูลให้ปากคำ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอกได้มีการระบุว่าเป็นการเชิญตัวไปให้ข้อมูล แต่สุดท้ายแล้วปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด





โดยให้เหตุผลว่าพฤติการของตนนั้น เป็นการช่วยเหลือในเรื่องของการจัดเตรียมในส่วนของเสบียงและอาหารให้กับทางเสี่ยแป้งเพื่อนำขึ้นเขาหลบหนี ซึ่งในความจริงตนไม่ได้มีพฤติการณ์ตามที่มีการระบุ เลยมีการตัดสินใจขอยื่นประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินจำนวน 36,000 บาท ออกมาเพื่อสู้คดีต่อในชั้นศาล อีกทั้งในส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองยังมีการให้ข้อมูลถึงสาเหตุของการแจ้งข้อหา ว่ามีการตรวจสอบแล้วพบว่าตนเองได้มีการเดินทางไปกดเงินผ่านตู้ ATM แถวบริเวณโรงพยาบาลพัทลุง เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังที่ทางเสี่ยเเป้งหลบหนี โดยมีการกดเงินมาจำนวนหลักหมื่น เลยมีการตั้งข้อสงสัยว่าการกดเงินดังกล่าวในวันนั้นเป็นการนำไปเพื่อซื้อเสบียงให้กับเสี่ยแป้งในการหลบหนีหรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วตนเองพร้อมมีหลักฐานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามที่มีการระบุของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นเหตุการณ์จริงที่ตนเองเดินทางไปโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บซึ่งต้องเข้าไปหาหมอที่โรงพยาบาลก่อนที่จะแวะกดเงินเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายให้กับทางภรรยา 



อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในช่วงที่ มีการคุมตัวตนไปที่สภ. เมืองพัทลุงนั้น ภายหลังทางภรรยาได้มีการเดินทางตามไปเพื่อไปดำเนินการเรื่องเอกสารให้ แต่กลับโดนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจข่มขู่ ตลอดจนมีการให้ทางภรรยาเซ็นเอกสารบางอย่างโดยที่ทางครอบครัวเองก็ได้รับเอกสารที่มีการเซ็นกลับมา




วันนี้ตนเองออกมาเพื่อทวงความเป็นธรรมให้กับทางตนเอง และครอบครัวที่ถูกพาดพิง ตนเองไม่ได้จะกล่าวหาทางเจ้าหน้าที่แต่อยากทราบในมุมของความเป็นจริงว่าการกระทำดังกล่าวนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

คุณอาจสนใจ

Related News