สังคม

สุดจะทน! สร้างบ้าน 9 ล้าน เจอเพื่อนบ้านเลี้ยงวัวส่งกลิ่นเหม็น ทักท้วงโดนด่า ขึ้นป้ายไล่ให้ไปอยู่ป่า

โดย paweena_c

24 พ.ย. 2566

334 views

สาวโพสต์คลิปลง tiktok มันสุดจะทนสร้างบ้านราคา 9 ล้านบาทแต่เจอเพื่อนบ้านสร้างคอกเลี้ยงวัวติดข้าง ๆ บ้านจนส่งกลิ่นเหม็นรบกวน พอไปทักท้วง ก็ถูกเจ้าของวัวขึ้นป้ายไล่ให้ไปอยู่ป่า ล่าสุดตอบโต้กันในโซเชียลถึงขั้นท้าตีท้าต่อย

ผู้ใช้ติ๊กต๊อกสาวรายหนึ่งโพสต์คลิป ระบุว่า ข้างบ้าน สร้างคอกเลี้ยงวัวถึง 2 ตัวและสร้างติดรั้วบ้านของเธอเลย เวลาฝนตก ลมแรงก็ส่งกลิ่นเหม็นโชยคละคลุ้งทุกวัน และจุดที่เพื่อนบ้านสร้างคอกเลี้ยงวัวก็อยู่ติดกับห้องนอนแม่ของเธอด้วย เจ้าตัวบอกเคยไปพูดคุยทักท้วงเพื่อนบ้านแล้ว แต่ก็ไม่ปรับปรุง แถมขึ้นป้ายประกาศ ไล่ให้ขายบ้าน และให้ย้ายไปอยู่ป่า

ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุ คุณนฤชา กมุทโยธิน จึงเดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าวในตำบลลุมพลี อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยบ้านของผู้โพสต์จะเห็นว่าเป็นบ้านปูนสองชั้น สีขาว สร้างใหม่ ดีไซน์หรูทันสมัย สไตล์โมเดิ้ล ราคา 9 ล้านบาท ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินว่างเปล่าของบ้านอีกหลังหนึ่ง ที่มีพื้นที่กว้างประมาณ 10 เมตร ลึก 50 เมตร

ถูกสร้างทำเป็นคอกเลี้ยงวัวเอาไว้ 2 ตัว และไก่ประมาณ 3-4 ตัว ซึ่งคอกวัวอยู่ติดชิดกำแพงเดียวกันกับบ้านหลังดังกล่าว

จากการลงพื้นที่พบว่า ในคอกวัวมีมูลสัตว์กองอยู่และส่งกลิ่นเหม็นออกมาเป็นระยะช่วงที่มีลมผ่าน ส่วนบ้านเจ้าของวัวก็อยู่ถัดออกมาอีก 1 หลัง อยู่ติดกับคอกวัวเหมือนกันเป็นบ้านลักษณะชั้นเดียวปิดทึบกึ่งปูนกึ่งไม้

จากการพูดคุยกับ นางสาวขวัญชนก กลิ่นหอม อายุ 30 ปี เจ้าของบ้านผู้ร้องเรียนบอกว่า เธอกับแม่และน้องชาย มองหาทำเลสร้างบ้าน ซึ่งเจอที่ดินแปลงดังกล่าว เดิมเป็นที่ป่ารกร้าง มีเพียงบ้านของเจ้าของคอกวัวเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีการสร้างคอกเลี้ยงวัวเลย

เธอจึงตัดสินใจซื้อและสร้างบ้านดังกล่าว ซึ่งช่วงที่สร้างบ้านก็มีปัญหาเรื่องหมุดที่ดินกับเพื่อนบ้านต้องให้เจ้าหน้าที่มาแบ่งเขตรังวัดใหม่ จนบ้านสร้างเสร็จเมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2565 และได้ย้ายเข้ามาอยู่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เธอและครอบครัวอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น และก็อยู่กันปกติแบบเพื่อนบ้านทั่วไป

จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา เพื่อนบ้านหลังดังกล่าวได้สร้างคอกเลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ ทำให้เกิดส่งกลิ่นเหม็นของมูลสัตว์และเสียงร้องของวัวก็รบกวน เพราะอยู่ติดกับห้องนอนแม่ ยิ่งช่วงที่ฝนตกนั้นจะทำให้ส่งกลิ่นเหม็นเป็นอย่างมาก เนื่องจากบ้านของเธออยู่ทิศเหนือลม และจุดที่เขาสร้างคอกเลี้ยงวัวอยู่ตรงกลางระหว่างบ้านของทั้งสองหลัง ทำให้ลมตีย้อนเข้ามาภายในบ้านของเธอ กลิ่นติดตามเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ

ซึ่งเธอเองก็พยายามปิดกระจกเอาไว้เพื่อไม่ให้กลิ่นเข้ามาภายในบ้าน แต่เวลาที่เธอออกมาเดินเล่นรอบบ้านหรือนั่งรับประทานอาหารด้านนอกบ้าน ก็จะได้กลิ่นเหม็นของมูลสัตว์ แทบจะทานอาหารไม่ได้ อยู่แทบไม่ไหว ถึงแม้ว่าเขาจะสร้างบ้านมาก่อนก็จริง แต่คอกวัวนี้เพิ่งจะสร้างได้ไม่เกิน 2 เดือน

คุณ ขวัญชนก บอกว่าเคยไปแจ้งเจ้าหน้าที่ อบต.ลุมพลี ให้เข้าไปคุยกับบ้านหลังดังกล่าว ไม่นานเจ้าของวัวก็ขึ้นป้ายเขียนว่า "อยู่ไม่ได้ ก็ขายไป!!! ต้องอยู่ป่าธรรมชาติ"

ที่ผ่านมาเธอและครอบครัวไม่อยากไปพูดคุยกับเขาโดยตรง กลัวจะเกิดความวุ่นวาย จึงให้หน่วยงานเข้ามาไกล่เกลี่ยจัดการปัญหา แต่กลายเป็นว่า ถูกขึ้นป้ายไล่ให้ไปอยู่ในป่า และเจ้าของวัวก็เพิกเฉยไม่แก้ปัญหา หนำซ้ำยังมีการโพสต์ท้าตี ท้าต่อยกับน้องชายเธออีกด้วย

ซึ่งน้องชายเธอได้ทักเฟสบุ๊คไปหาหลานชายฝั่งบ้านเลี้ยงวัว ว่าให้ช่วยย้ายวัวไปที่อื่นได้ไหม ทางหลานชายบ้านเลี้ยงวัวก็ใช้คำพูดไม่ดีในลักษณะท้าทายและยังมีการโพสต์สตอรี่เฟสบุ๊ค เป็นภาพถ่ายกับปืน 4 กระบอก ยิ่งทำให้เธอกังวลใจมาก และกลัวเรื่องความปลอดภัย

ขณะนี้เธอกำลังรวบรวมหลักฐานไปแจ้งความ เพิ่มเติมในเรื่องของ "ทำให้เดือดร้อนรำคาญ พรบ.ความสะอาด และเรื่องที่มีการท้าทาย ข่มขู่

ที่ร้องผ่านสื่อ เพราะอยากอยู่บ้านแบบปกติสุข ไม่ได้อยากมาทนรับกลิ่น กลิ่นขี้วัว กลิ่นขี้ไก่ ที่เหม็นมาก อีกทั้งเธอสร้างบ้านราคากว่า 9 ล้านบาท ก็ไม่อยากย้ายหนีไปไหน เพราะบ้านหลังนี้ หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง

ด้าน บังนิง เจ้าของบ้านที่เลี้ยงวัว บอกว่า ตนมาซื้อที่ปลูกบ้านอยู่ก่อนผู้ร้องอีก อยู่มา 10 ปี ตอนแรกยังไม่ได้เลี้ยงวัว เพราะตนมีรายได้จากห้องเช่า 6 ห้อง ซึ่งตอนนี้ก็ประกาศขายพร้อมกับบ้านที่ตนอยู่อาศัย

ส่วนวัวก็เพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึง 2 เดือนเอง พร้อมยืนยันว่าทำความสะอาดคอกวัวทุกวัน เพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนเพื่อนบ้าน ซึ่งอยากจะถามกลับทางผู้ร้องว่า ต้องการให้ตนทำอะไรอีก ตอนนี้เพื่อตัดปัญหาตนได้ประกาศขายวัวทั้ง 2 ตัวพร้อมลูกในท้อง 49,000 บาท ใครพร้อมมายกไปเลย จะได้จบปัญหา

บังนิง บอกว่า จากสำรวจตามหมู่บ้าน ในชุมชนนี้พบมีหลายครอบครัวหลังที่เลี้ยงวัว และเลี้ยงไก่เหมือนกัน และบางรายยังมีฟาร์มวัว จำนวนกว่าครึ่งร้อย ทำไมไม่ไปร้องเรียน ตนเชื่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากที่ตนเลี้ยงวัวหรอก แต่เริ่มมาจากที่บ้านของผู้ร้องสร้างบ้านและมีการขยับย้ายหมุดแบ่งเขตที่ดิน ซึ่งตอนนั้นก็เคยมีปากเสียงทะเลาะกัน และไม่พูดคุยกันอีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/NT3_FYokKiQ

คุณอาจสนใจ

Related News