อาชญากรรม

ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเว็บตำรวจสอบสวนกลาง ตุ๋นเหยื่อโอนเงิน เพียง 15 วัน กว่า 1,000 ราย

โดย nicharee_m

18 พ.ย. 2566

305 views

ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมเว็บตำรวจสอบสวนกลาง ตุ๋นเหยื่อโอนเงิน เพียง 15 วัน พบกว่า 1,000 ราย ยอดเงินหมุนเวียนในขบวนการกว่า 7,000 ล้านบาท ตรวจสอบพบปลอมเว็บไซต์หน่วยงานรัฐ-เอกชน องค์กรต่าง ๆ เว็บไซต์หลอกลงทุน รวมกว่า 133 เว็บไซต์  สืบสวนเส้นทางการเงินกลุ่มคนร้ายจะใช้บัญชีม้ารับโอนเงินจากผู้เสียหาย

วานนี้ (17 พ.ย.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) แถลงการจับกุมตัวผู้ต้องหา 5 ราย ดังนี้ 1. นายฉาง อายุ 35 ปี (สัญชาติจีน) 2. น.ส.ฤดี อายุ 29 ปี 3. นายเอกณัฏฐ์ อายุ 43 ปี 4.นายเอกชัย อายุ 40 ปี 5. นายวันดี อายุ 26 ปี (สัญชาติกัมพูชา)

ทั้งหมดถูกดำเนินคดีความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”

พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางและทรัพย์สิน 1.คอมพิวเตอร์ 7 เครื่อง 2.โทรศัพท์ 10 เครื่อง 3.บัญชีธนาคาร 46 เล่ม 4. รถยนต์หรู 7 คัน 5.รถจักรยานยนต์ 2 คัน 6.โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ 7.บัตร ATM 17 ใบ 8.เงินสด 8,688,590 บาท 9.ของมีค่าอื่นๆ อีก 79 รายการ รวมมูลค่าของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้กว่า 83 ล้านบาท

แผนประทุษกรรม สืบเนื่องจากเมื่อเดือน มิ.ย.66 ได้ตรวจสอบพบเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์ปลอม โดยมีการเลียนแบบเว็บไซต์แอบอ้างชื่อและใช้ตราสัญญาลักษณ์ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รวมทั้งหน่วยงานภายใต้สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อีกทั้งยังพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพได้ใช้วิธียิงแอดโฆษณาผ่านเว็บไซต์สืบค้นข้อมูล (Google Ads) ซึ่งเมื่อมีประชาชนค้นหาคำว่า “แจ้งความออนไลน์” เว็บไซต์ปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้นจะแสดงขึ้นมาเป็นลำดับแรก ๆ

เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ทำการเพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ที่มีการระบุไว้ในภายเว็บไซต์ เพื่อให้ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องที่จะแจ้งความกลุ่มคนร้ายจะสวมรอยเป็นแอดมิน พูดคุยสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ก่อนจะทำทีให้ผู้เสียหายติดต่อพูดคุยกับบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นทนายความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยจะให้คำปรึกษา ชี้แนะ พร้อมทั้งให้ผู้เสียหายส่งหลักฐานเรื่องที่ต้องการแจ้งความไปให้

จากนั้นคนร้ายที่อ้างเป็นทนายความจะส่งเรื่องต่อไปยังฝ่าย IT (information technology) โดยฝ่าย IT จะอ้างตนต่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ และแจ้งกับผู้เสียหายว่าเงินที่ผู้เสียหายถูกโกงหรือถูกหลอกไป ได้ถูกนำไปฟอกในเว็บการพนันนออนไลน์ต่างประเทศ มิหนำซ้ำยังมีการทำแผนผังเส้นทางการเงินส่งให้ผู้เสียหาย พร้อมแจ้งว่าสามารถนำเงินดังกล่าวมาคืนกับผู้เสียหายได้ โดยใช้วิธีการแฮก (Hack) เว็บการพนันดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ คนร้ายจะให้ผู้เสียหายทำการสมัครสมาชิกและโอนเงินไปที่เว็บพนันดังกล่าว

จากนั้นคนร้ายจะให้ผู้เสียหายเล่นการพนันตามที่คนร้ายบอก อ้างว่าเพื่อจะได้ทำการแฮกระบบ เอาเงินคืนให้แก่ผู้เสียหาย หลังจากคนร้ายอ้างว่าได้ทำการแฮกระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะปรากฎยอดเงินในบัญชีเว็บไซต์การพนันของผู้เสียหายเพิ่มขึ้น โดยคนร้ายจะแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปเพิ่ม เพื่อที่จะได้แฮกเงินคืนให้ได้มากกว่าเดิม แต่ท้ายที่สุดเมื่อผู้เสียหายจะถอนเงินออกมา ก็ไม่สามารถถอนได้ จากนั้นคนร้ายจะบล็อกช่องทางการติดต่อของผู้เสียหายทันที

ทั้งนี้ พบว่าภายในระยะเวลา 15 วัน มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้กลุ่มคนร้ายมากกว่า 1,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 8 ล้านบาท จากการสืบสวนพบว่าเว็บไซต์ปลอมดังกล่าวมีการใช้ IP-Address ที่เป็นของผู้ให้บริการของประเทศกัมพูชา และมีการเช่าบริการเซิร์ฟเวอร์ (Server) ภายในประเทศไทย โดย บก.ปอท. จึงได้ทำการตรวจค้นบริษัทที่ให้บริการเช่าเซิร์ฟเวอร์ (Server) ดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบฐานข้อมูลเว็บไซต์ที่ใช้และเคยใช้ในการฉ้อโกงออนไลน์ ในลักษณะชักชวนให้ลงทุนและซื้อสินค้าจำนวนมาก

รวมทั้งเว็บไซต์ที่ทำปลอมกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อีก 3 เว็บไซต์ โดยผู้ดูแลระบบใช้ IP-Address ที่เป็นของผู้ให้บริการของประเทศกัมพูชา เข้ามาแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ //ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบมีการปลอมเว็บไซต์ทั้งหน่วยงานรัฐ, หน่วยงานเอกชน, องค์กรต่าง ๆ ที่ไม่มีอยู่จริง รวมถึงเว็บไซต์หลอกลงทุนต่าง ๆ รวมกว่า 133 เว็บไซต์ เช่น ตำรวจสอบสวนสวนกลาง, DSI, ตำรวจไซเบอร์ (บช.สอท.)

จากการตรวจสอบปัจจุบันพบเปิดใช้งานอยู่จำนวน 98 เว็บไซต์ (แบ่งเป็นเว็บพนันออนไลน์ 16 เว็บไซต์, หลอกสั่งซื้อสินค้า 9 เว็บไซต์, เว็บเงินกู้ 6 เว็บไซต์, เว็บลงทุนคริปโต 6 เว็บไซต์, เว็บสายการบินปลอม 3 เว็บไซต์, ติดตั้งแอปหลอกลวง 3 เว็บไซต์, เว็บหลอกสมัครงาน 1 เว็บไซต์) ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการปิดไปแล้ว จำนวน 10 เว็บไซต์

สืบสวนเส้นทางการเงินยังพบว่า กลุ่มคนร้ายจะใช้บัญชีม้าในการรับโอนเงินจากผู้เสียหาย แล้วถ่ายเทเงินไปยังบัญชีม้าแถวต่างๆ จากนั้นจะนำเงินที่ได้ไปซื้อเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี) ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ แล้วถ่ายเทไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างๆ เพื่อเลี่ยงการถูกจับกุม ก่อนจะทำการส่งต่อไปยังกระเป๋าที่เป็นของกลุ่มคนร้ายที่เป็นระดับสั่งการหรือนายทุนต่อไป

จากการตรวจสอบพบว่ามีการทำปลอมและเลียนแบบเว็บไซต์หน่วยงานราชการอีกกว่า 10 แห่ง ซึ่งในการเข้าตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ ได้ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สิน อาทิ คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, เงินสด, รถยนต์หรู, กระเป๋าแบรนด์เนม, และเครื่องประดับต่าง ๆ รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท  

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย พร้อมของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะที่ผู้ต้องหารายอื่น ๆ รวมถึงนายหง เว่ย เหลียง นายทุนและเจ้าของเว็บไซต์ปลอม (ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีอยู่ต่างประเทศ) เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/GqHGz0c9WD4

คุณอาจสนใจ

Related News