สังคม

เปิดมาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล หลังพบบางส่วนกังวลหนี้สิน ไม่กล้ากลับ

โดย panwilai_c

17 ต.ค. 2566

56 views

มีแรงงานไทยกว่า 1 พันคน ได้เดินทางกลับไทยแล้ว และแจ้งประสงค์จะเดินทางกลับอีกกว่า 7,900 คน ในขณะที่อีกกว่า 22,000 คน ยังทำงานอยู่ในอิสราเอล ซึ่งกระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการตรวจสอบมาตรการดูแลความปลอดภัยจากนายจ้างและรัฐบาลอิสราเอล พร้อมทั้งช่องทางช่วยเหลือกรณีแรงงานเป็นห่วงภาวะหนี้สิน เพราะอยากให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก



ซึ่งเป็นมาตรการที่ปลัดกระทรวงแรงงาน ยืนยันว่าจะต้องทบทวนหลักการส่งแรงงานไทยไปทำงานที่อิสราเอล ซึ่งมากเป็นอันดับสองของโลก ส่วนแรงงานที่กลับมาแล้ว มี 4 มาตรการในการช่วยเหลือ หากต้องกลับไปทำงานใหม่ทางอิสราเอลพร้อมตอบรับ โดยไม่ต้องขอ re-entry visa



นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นับถึงวันนี้มีแรงงานไทยในอิสราเอลเดินทางกลับมาแล้วจำนวนกว่า 1,000 ราย ถือเป็นจำนวนที่น่าพึงพอใจ โดยมีแรงงานประสงค์เดินทางกลับอีกกว่า 7,900 ราย ทางรัฐบาลโดยสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงเทลอาวีฟ ซึ่งมีอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน ทำงานประสานกับแรงงานไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่กลับอีกกว่า 22,000 คน จะต้องมั่นใจในมาตรการดูแลความปลอดภัย



ส่วนกลุ่มที่กลับมาแล้ว มี 4 มาตรการในการช่วยเหลือ ทั้งเงินเยียวยาจากกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ คนละ 15,000 บาท, โดยกรมการจัดหางานพร้อมช่วยหางานใหม่ทั้งในประเทศที่มีตำแหน่งว่างกว่า 4 แสนอัตรา หรืองานในต่างประเทศ เช่นภาคการเกษตรที่กระทรวงแรงงานเพิ่มทำเอ็มโอยูกับเมืองอินชอบประเทศเกาหลีใต้ รับคนงานกว่า 8 พันคน หรือหากจะฝึกทักษะอาชีพทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงานก็พร้อมให้เข้าร่วมโครงการ



ส่วนแรงงานคนไทยอยากกลับไปทำงานในอิสราเอล เมื่อสงครามยุติ ก็สามารถกลับไปได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าใหม่ เนื่องจากสำนักงานประชากรและตรวจคนเข้าเมือง หรือ PIBA ของอิสราเอล แจ้งว่า แรงงานไทยในภาคเกษตรกรรมของอิสราเอลที่มีอายุงานไม่เกิน 5 ปี 3 เดือน และเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงสงครามครั้งนี้ สามารถเดินทางกลับไปทำงานในอิสราเอลได้โดยไม่ต้องขอ re-entry visa



ปลัดกระทรวงแรงงานยอมรับว่าการส่งแรงงานไทยไปทำงานอิสราเอล ปีละกว่า 3 หมื่นคน ถือว่ามากเป็นอันดับ 2 รองจากไต้หวันที่มีปีละกว่า 5 หมื่นคน แต่จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ต้องทบทวนหลักการส่งแรงงานไทยในพื้นที่สงครามจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยมากกว่ารายได้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2563 ที่มีการส่งแรงงานแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายถูกลงกว่าบริษัทเอกชน และแรงงานมีรายได้เดือนละ 5 หมื่นบาท หรือปีละประมาณ 6 แสนบาท ตามสัญญาจ้าง 5 ปี 3 เดือน ทำให้มีเงินรายได้มากกว่า 3 ล้านบาท กลายเป็นแรงจูงใจ แต่ต่อไปต้องกำหนดพื้นที่ให้ชัดเจนรวมถึงมาตรการคุ้มครองแรงงานด้วย



ปลัดกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่าในจำนวนแรงงานที่กลับมาแล้วกกว่า 1,000 คนเป็นแรงงานในพื้นที่สีแดงและพื้นที่ปลอดภัย อาจมีกลุ่มที่ทำงานผิดกฏหมายกว่า 5 พันคน ก็ได้ประสานพร้อมให้การช่วยเหลือได้กลับประเทศไทย ส่วนที่เหลือกว่า 2 หมื่นคน กระทรวงแรงงานจะหารือสถาบันการเงินที่แรงงานอาจกู้ยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปอิสราเอล จนกลายเป็นเงื่อนไขที่ไม่กล้ากลับไทยเพราะหนี้สิน จะขอให้มีการพักชำระหนี้ หรือออกเงินกู้พิเศษให้กลุ่มที่กู้หนี้นอกระบบ เพื่อให้สบายใจที่ได้กลับบ้าน



ปลัดกระทรวงแรงงาน ยืนยันด้วยว่าไม่พบการซื้อขายแรงงาน แต่เป็นลักษณะของการเปลี่ยนนายจ้าง ที่ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแรงงานด้วย



สำหรับแรงงานที่กลับมาแล้วยังต้องการความช่วยเหลือค่าแรงจากนายจ้างสามารถแจ้งทางกระทรวงแรงงานในการดำเนินการติดตามให้อย่างเต็มที่

คุณอาจสนใจ

Related News