สังคม

คุมตัว ‘พัน’ หนุ่มขับซาเล้ง ทำแผนลักพาตัวเด็กชายวัย 14 อ้างแค่พาไปเที่ยว เด็กมีใจ พบก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง

โดย petchpawee_k

30 ก.ย. 2566

67 views

‘พัน’ เปิดปาก ไม่ได้ลักพาตัวน้องมัว แค่พาไปเที่ยว เด็กมีใจ สัญญาพ้นคุกจะไม่ทำแบบนี้อีก ตร.หิ้วทำแผน ก่อนส่งตัวดำเนินคดี 


จากกรณี ด.ช.มัว อายุ 14 ปี ที่แม่พามาฝากให้เรียนหนังสืออยู่กับพระที่วัดบางโฉมศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ถูก นายปิยะพงษ์ หนองเฆ่ หรือพัน หรือบอย อายุ 35 ปี หลอกว่าจะพาไปซื้อมือถือ และหายตัวออกจากวัด ไปตั้งแต่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา และเมื่อคืนวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถควบคุมตัวนายปิยะพงษ์ หรือนายพัน ได้ที่อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ก่อนจะนำตัวขึ้นรถมาสอบสวนที่ สภ.อินทร์บุรี สิงห์บุรี ในช่วงกลางดึก


และเช้าวานนี้ (29 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายปิยะพงษ์ ออกมาสอบปากคำอย่างละเอียด ใช้เวลานานเกือบ 4 ชั่วโมง บรรยากาศค่อนข้างที่จะตึงเครียด นายปิยะพงษ์ ให้การด้วยสีหน้าเคร่งเครียด บางช่วงบางตอน ค่อนข้างที่จะเหม่อลอย โดยพนักงานสอบสวน พยายามสอบถามถึงเส้นทางและจุดประสงค์ในการลักพาตัว ด.ช.มัว ไป เพราะไม่ใช่การก่อเหตุครั้งแรก


ทั้งนี้ ไทม์ไลน์หลังก่อเหตุนายปิยะพงษ์ ได้เดินทางพร้อม ด.ช.มัว ด้วยรถซาเล้งไปอำเภอพระพุทธบาท สระบุรี ก่อนจะนำรถไปขาย ในราคา 3,600 บาท


จากนั้นก็เดินทางด้วยรถตู้โดยสารประจำทาง ไปยังอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนจะเดินทางไปตามพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดนครนายก และนำโทรศัพท์ไปขายในร้านแห่งหนึ่งที่อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก จากนั้นก็เดินทางต่อไป โดยอาศัยหลับนอนตามวัดและห้องพักรายวันราคาถูก ก่อนจะตัดสินเดินทางมาที่อำเภอประจันตคาม ปราจีนบุรี อาศัยหลับนอนตามป่าละเมาะริมทาง กระทั่งเริ่มไม่มีอาหาร จึงออกมาขโมยอาหารชาวบ้านในละแวกนั้น ก่อนจะถูกกลุ่มวัยรุ่นเห็นพฤติกรรมจึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านมาทำการควบคุมตัว ส่งเจ้าหน้าที่


นายปิยะพงษ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่พาตัวเด็กออกจากวัด ไม่ได้พาไปซื้อมือถือตามที่อ้าง มือถือที่เด็กเล่นเป็นของตน โดยมีพฤติกรรมชายรักชาย และตัวเด็กเองก็เหมือนจะมีใจ ย้ำว่าไม่ใช่การลักพาตัว แต่เป็นการชักชวนกันออกไปจากวัด


นายปิยะพงษ์ กล่าวต่อว่า ตนรู้ดีว่า มีคนที่กำลังตามหาน้องมัว และคิดจะพากลับมาอยู่แล้ว ไม่ได้คิดที่จะทำร้าย เป็นการไปเที่ยว และไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้มาหลายรอบแล้ว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่ทำแบบนี้ อยากขอโทษครอบครัวน้องมัว และสัญญาว่า ถ้าพ้นคุกรอบนี้ จะไม่ก่อเหตุแบบนี้อีก


นายปิยะพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า เคยก่อคดีที่กบินทร์บุรี ข้อหาพรากผู้เยาว์และทำอนาจาร เมื่อปี 2557 จากนั้นก็หลบหนีไปเรื่อย ส่วนคดีที่ 2 ที่ประจันตคาม ก็คดีพรากผู้เยาว์ เมื่อปี 2559  ครั้งที่ 3 ก็ครั้งนี้ หลังสุดที่เอาซาเล้งไปขายก็มา จ.สระบุรี และเช่าโรงแรมนอน 2 คืน หลังจากนั้นก็นั่งรถมา จ.นครนายก และขายโทรศัพท์ ซื้อเสื้อผ้าให้เด็ก และพาเข้ากบินทร์บุรี เดินตลาดนัด มาอยู่ประจันตคาม 5 วัน และเคยทำเด็กไปครั้งเดียว ตบตีเด็ก 2 ครั้ง ตอนนี้อยากบอกว่าขอโทษพ่อแม่เด็กในสิ่งที่ได้ทำลงไป และยอมรับผิด


ทั้งนี้ ระหว่างการสอบปากคำที่ สภ.อินทร์บุรีนั้น ทางญาติๆ ของนายปิยะพงษ์ ได้เดินทางมาเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก ก่อนจะรีบเดินหนีขึ้นรถยนต์แล้วเร่งเครื่องออกไป


ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่วัดโฉมศรี จุดที่ นายพัน รับ ด.ช.มัว จากนั้นไปทำแผนที่โรงแรมสันติสุข เขต อ.เมืองสิงห์บุรี จุดที่พา ด.ช.มัว ไปค้างคืน ก่อนนำตัวกลับมาแจ้งข้อกล่าวหา และส่งฝากขัง


ส่วน ด.ช.มัว นั้น แม่ได้พาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เพื่อหาร่องรอยการถูกทำร้าย หรือการถูกล่วงละเมิดทางเพศ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ พม.สิงห์บุรี จะพาเข้าไปอยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวสิงห์บุรีต่อไป


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/fog5VkSEKus

คุณอาจสนใจ

Related News