คุมตัวเด็กพิเศษวัย 17 ปี ก่อเหตุคว้ามีดแทงพ่อดับ ส่งรักษาจิตเวชก่อนดำเนินคดี

จากกรณีช่วงหัวค่ำที่ผ่านมาเกิดเหตุเยาวชนอายุ 17 ปี ใช้อาวุธมีดแทงบุพการีวัย 62 ปี เสียชีวิต ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ ประกอบกิจการขายขนมโบราณ ชื่อเจ๊เล็กขนมหวาน บริเวณชั้น 3 แบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้อง ห้องริมหน้าต่างพบศพนายอนุชา อายุ 62 ปี เจ้าของบ้าน ถูกแทงด้วยของมีคมทั้งหมด 4 แผล 1.ใต้ราวนมซ้าย 1 แผล หลังศรีษะ 1 แผล ขาซ้าย 1 แผล ขาขวา 1 แผล มีเลือดไหลเปื้อนเสื้อยึดคอกลมแขนสั้นสีเทา กางเกงขาสั้นสีฟ้า ใกล้กันพบมีดปลอกผลไม้ตกอยู่ 1 เล่ม โดยผู้ก่อเหตุเป็นบุตรชายหลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีไปในตลาดบางกะปิแล้วหายตัวไปอยู่ระหว่างติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เบื้องต้นมีข้อมูลเปิดเผยกับพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นข้อมูลจากทางมารดาวัย 42 ปี ว่าตัวผู้ก่อเหตุเป็นบุตรแท้ ๆ ซึ่งเป็นเด็กพิเศษ และมีการรักษาเกี่ยวกับทางจิตเวชมาโดยตลอดและปัจจุบันเรียนอยู่ในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง ในจังหวัดระยอง แต่เพิ่งมีการรับกลับมาเมื่อวันที่ 22 ก.ย.66 เนื่องจากปิดเทอม และไม่ยอมกินยาตามแพทย์สั่ง โดยลักษณะนิสัยลูกชายชอบนั่งรถเมล์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ด้วยตัวคนเดียว จนเมื่อ 3-4 วันมานี้มักจะขอเงินผู้ตาย 5 หมื่นบาท เพื่อจะซื้อบริษัทรถทัวร์ อยู่บ่อยครั้ง จนครั้งนี้ผู้ตายนอนอยู่ในห้อง ลูกขึ้นไปตามและคุยเรื่องขอเงินเหมือนเคย และผู้ตายพูดว่าพรุ่งนี้จะพาไปหาหมอ ทำให้ลูกโกรธมีเสียงโวยวายดังลงมาถึงชั้นล่างแล้ววิ่งออกบ้านไป

พันตำรวจเอกธนาพันธ์ ผดุงการ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุระบุว่า เบื้องต้นสำหรับตัวผู้ก่อเหตุที่เป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ทางผู้ปกครองได้มีการประสานมามอบตัวเมื่อ ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เนื่องจากหลังเกิดเหตุ ตัวเยาวชนผู้ก่อเหตุได้หลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุ ก่อนจะย้อนกลับมาที่บ้านในเวลา 5 ทุ่ม

ซึ่งเบื้องต้นการดำเนินการในวันนี้ได้มีการส่งตัวเยาวชนผู้ก่อเหตุรายนี้ไปยังโรงบาลสมเด็จเจ้าพระยาเพื่อทำการรักษาเกี่ยวกับเรื่องทางด้านจิตเวชเนื่องจากผู้ป่วยเป็นเด็กพิเศษ โดยขั้นตอนต่อจากนี้จะต้องรอให้ทางแพทย์รักษาเรื่องการป่วยให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะสามารถดำเนินการแจ้งข้อหาและนำส่งบ้านพินิจตามขั้นตอนได้



เบื้องต้นพนักงานสอบสวนมีการเตรียมแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธมีด (บุพการี) โดยเจตนา ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าในส่วนของการป่วยทางจิตทางครอบครัวมีการรักษามาโดยตลอดแต่ทราบว่าตัวเด็กไม่ค่อยชอบกินยาตามแพทย์สั่งจนทำให้มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง



ด้านเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับอาคารเกิดเหตุเล่าให้ทีมข่าวฟังว่าส่วนตัวเห็นตัวเด็กคนนี้ก็เห็นว่าชอบทะเลาะกับทั้งพ่อและแม่ ซึ่งเด็กเป็นเด็กพิเศษแต่ก็สามารถอ่านหนังสือหรือสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ส่วนตัวทราบว่ามีการรับการรักษามาโดยตลอดและอยู่โรงเรียนประจำ และเพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ แต่ขณะเกิดเหตุตนเองไม่ทราบเนื่องจากไม่ได้อยู่ในตึกขณะเกิดเหตุมาทราบในภายหลัง