กลับมาเดือดอีกครั้ง! ‘อิสราเอล’ โจมตีกลุ่มเป้าหมาย 400 จุด ยอดผู้เสียชีวิตในกาซา ทะลุกว่า 1 หมื่นคน

สถานการณ์ในฉนวนกาซากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังการเจรจาเพื่อขยายข้อตกลงหยุดยิงล้มเหลว อิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีใส่กลุ่มเป้าหมาย 400 จุด ทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศ ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตในกาซา ทะลุ 1 หมื่น 5 พันคนแล้ว


กองทัพอิสราเอล เผยแพร่วิดีโอ โดยอ้างว่า เป็นการปฏิบัติการภาคพื้นดิน และการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ถือเป็นวันที่ 2 ของการสู้รบครั้งใหม่ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส หลังจากการเจรจาเพื่อขยายเวลาการหยุดยิงไม่ประสบความสำเร็จ กองทัพอิสราเอล ยังบอกอีกว่า เมื่อวานนี้ กองกำลังภาคทั้งพื้นดิน ทางอากาศ และทางเรือ ได้โจมตีใส่กลุ่มเป้าหมายกว่า 400 จุดในฉนวนกาซา รวมถึงในเมืองข่าน ยูนิส และเมืองราฟาห์ ด้วย


ส่วนทางฝั่งฮามาสก็เผยคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า นักรบของตนก็เตรียมพร้อมโจมตีรถถังของอิสราเอลในฉนวนกาซ่าทุกเมื่อเช่นกัน


ด้านองค์การสหประชาชาติ ก็ออกมาเตือนว่า การสู้รบครั้งใหม่ จะยิ่งทำให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายลง กาซาจะมีสภาพไม่ต่างอะไรจากนรกบนดินและชาวปาเลสไตน์ต้องอพยพหนีตายอีกครั้ง ฉนวนกาซาจะไม่มีที่ปลอดภัย สำหรับชาวปาเลสไตน์ และน้อยคนที่จะมีชีวิตรอด ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า อิสราเอลได้โปรยใบปลิวในเมืองกาซา และอีกหลายเมืองทางใต้ของฉนวนกาซา เตือนให้ชาวปาเลสไตน์หลบหนีการสู้รบออกมา


ทางฝั่งของกาต้าร์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญของการเจรจาหยุดยิงเผยว่า ขณะที่การเจรจาเพื่อขยายเวลาหยุดยิงกำลังดำเนินอยู่นั้น อิสราเอลกลับถล่มโจมตีฉนวนกาซ่า ทำให้การเจรจาล้มเหลว


ในขณะที่สหรัฐฯตำหนิฝ่ายฮามาสที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการปล่อยตัวประกัน ที่ระบุให้ปล่อยตัวประกันผู้หญิงทั้งหมด นอกจากนี้ฮามาสยังเริ่มก่อเหตุโจมตีในเยรูซาเล็มก่อนด้วย ทำให้การเจรจาล้มเหลว แต่สหรัฐฯได้ย้ำเตือนอิสราเอล ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของชาวปาเลสไตน์ด้วย


ขณะที่ฝ่ายฮามาสก็โจมตีสหรัฐฯว่า เปิดทางให้อิสราเอลก่อสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปฏิบัติการโจมตีในกาซาตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงสิ้นสุดลง มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้ว 184 คน บาดเจ็บ 589 คน บ้านเรือนประชาชนกว่า 20 หลังพังเสียหาย การโจมตีครั้งใหม่นี้ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงความปลอดภัยตัวประกันที่เหลืออีกประมาณ 140 คนที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว


ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซา เพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่น 5 พัน 207 คน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก และยังมีผู้บาดเจ็บกว่า 4 หมื่นคน