อาชญากรรม

รวบคาทางด่วน! อุ้มรีดเงินสาวจีน 1 ล้าน มัดมือมัดเท้า ยัดใส่เก๋ง ซิ่งชนท้ายฟอร์จูนเนอร์ ไม่รอด โดนตร.ตามรวบถึงที่

โดย petchpawee_k

15 ก.ย. 2566

769 views

ระทึก อุ้มรีดเงินสาวจีน 1 ล้าน  มัดมือมัดเท้า ยัดใส่รถเก๋งยารีส แต่ไม่รอด ขับไปชนท้ายรถคันอื่นถูก ตร.ตามจับได้คาทางด่วน 

เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (วันที่ 14 ก.ย.) พ.ต.ท.ธนาคาร อ่อนจันทร์ หัวหน้างานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 2 กก.2 บก.จร. (สน.ทางด่วน 2 ) รับแจ้งมีเหตุลักพาตัวหญิงสาวชาวจีนขึ้นรถเก๋งโตโยต้า รุ่น ยาริส สีเงิน  กรุงเทพมหานคร ขับขึ้นมาบนทางด่วนศรีรัช แล้วเกิดอุบัติเหตุชนท้ายรถคันอื่นบริเวณหน้า รพ.ปิยะเวท ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ใกล้ทางลงถนนพระราม 9 ก่อนที่หญิงสาวจะหลบหนีมาขอความช่วยเหลือได้ จึงนำกำลังตรวจสอบพบรถยนต์คันดังกล่าว


โดยจากภาพกล้องวงจรปิดจับภาพวินาทีเกิดเหตุ บนทางด่วนพิเศษศรีรัชฝั่งขาเข้า บริเวณทางลงด่วนพระราม 9 ใกล้โรงพยาบาลปิยะเวท ในเวลา 12.13 น. หลังจากที่นายจ้าว อู่ หลิน ผู้ก่อเหตุ ขับรถโตโยต้ายาริส ชนท้ายรถโตโยต้า ฟอร์จูนนอร์ คันคู่กรณี ทำให้นายจ้าว อู่ หลิน ลงมาจากรถเพื่อเจรจากับคู่กรณี


จากนั้นจะเห็นว่าหญิงสาวชาวจีนที่ถูกลักพาตัว อาศัยจังหวะนั้นปีนออกจากประตูรถฝั่งคนขับ แล้วหญิงสาวชาวจีนวิ่งย้อนศรไปขอความช่วยเหลือกับโซเฟอร์แท็กซี่พลเมืองดีคันสีเหลืองและโชเฟอร์แท็กซี่ขับรถออกไปจากจุดเกิดเหตุทันที แล้วนำตัวหญิงสาวชาวจีนไปส่งที่ด่านเก็บเงินอโศก ก่อนตำรวจจะนำตัวหญิงสาวชาวจีนไปสอบสวนที่ สน.ทางด่วน 2


ส่วนคนขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนนอร์ จะเห็นว่ากำลังหยิบของบริเวณด้านหน้ารถอีกฝั่งหนึ่งที่ผู้หญิงชาวจีนหนีลงมา จึงทำให้ไม่เห็นว่า ผู้สียหายชาวจีนได้แอบหนีลงมาจากรถ


จากการตรวจสอบพบว่ารถเก๋งมีสภาพกระจังหน้า ฝากระโปรงบุบ และไฟหน้าด้านซ้ายได้รับความเสียหาย พบนายจ้าว วู่ หลิน ชาวจีน อายุ 36 ปี เป็นคนขับ จึงเข้าจับกุม นอกจากนี้ในรถยังพบเงินสดจำนวนหนึ่ง เชือกไนล่อนสีขาว ขวดน้ำส้ม ห่อทิชชู่และเสื้อผ้า และพบรถคู่กรณีเป็นรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ กันชนด้านหลัง ถูกชนได้รับความเสียหายเล็กน้อย มีนายสมพงษ์ อายุ 33 ปี เป็นคนขับ


นายสมพงษ์ กล่าวว่า ขณะตนขับรถบนด่วนศรีรัชรถติดจอดนิ่งอยู่ท้ายแถวบริเวณใกล้ทางลงถนนพระราม 9 ใกล้โรงพยาบาลปิยะเวท ปรากฏว่ามีรถเก๋งโตโยต้ายาริสขับพุ่งชนท้ายด้วยความเร็ว คาดว่าน่าจะเบรกไม่ทัน ตนลงมาดูสภาพรถพร้อมกับคนขับรถคู่กรณีเป็นชาวจีนพูดภาษาไทยไม่ได้ และพยายามเดินวนดูบริเวณโดยรอบของรถด้วยอาการปกติ ไม่ได้มีท่าทีร้อนรนหรือโมโหแต่อย่างใด


ก่อนที่ชายชาวจีนคนดังกล่าวจะใช้ Google Translate แปลภาษาบอกกับตนว่า ขอให้คิดค่าเสียหาย เขาพร้อมจะจ่ายเงินสดให้เพื่อให้เรื่องจบ แต่ตนบอกไปว่า ขอให้พูดคุยผ่าน บ.ประกันภัยดีกว่า ตนจะโทรเรียกประกันให้และให้ฝั่งเขาโทรเรียกประกันมา จากนั้น ตนเดินไปกดสัญญาณเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนที่ตู้ข้างทาง ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถเพื่อโทรเรียกประกัน


ตอนนั้นตนก็ไม่ทราบเหตุการณ์ด้านนอกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนก็เดินทางมาถึงพร้อมกับนำรถของตนและรถของชายชาวจีนลงไปบริเวณด้านล่างทางด่วน เมื่อลงไปได้อีกสักพักหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทางด่วน 2 เดินทางมาถึง ตนก็เข้าใจว่าน่าจะมาช่วยไกล่เกลี่ย สถานการณ์และพาตนกับคู่กรณีไปพูดคุยกันที่โรงพัก


นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่มาถึง จับหนุ่มชาวจีนทันที ตนตกใจมากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มาทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภายหลังว่า ระหว่างที่ตนนั่งอยู่ในรถเพื่อโทรเรียกประกันปรากฏว่ามีหญิงชาวจีนคนหนึ่ง วิ่งลงมาจากรถและเรียกแท็กซี่ที่อยู่บนทางด่วนเพื่อขอความช่วยเหลือ ทำให้ตนยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ว่า รถของชาวจีนพาผู้หญิงมาด้วย เพราะระหว่างที่ตนกับคู่กรณีอยู่บนทางด่วนและกำลังตรวจสอบรถอยู่นั้นไม่เห็นว่าจะมีพิรุธหรือจะสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงชาวจีนอยู่ภายในรถ แม้กระทั่งจะเปิดกระจกรถออกมา


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทางด่วน 2 ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มักกะสัน ท้องที่เกิดเหตุ เดินทางไปรับตัวชายชาวจีนผู้ต้องสงสัยและหญิงชาวจีน ผู้ถูกลักพาตัว เดินทางมายัง สน.มักกะสัน เพื่อสอบปากคำถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยขณะนี้ตัวชายชาวจีนผู้ต้องสงสัย อยู่ในระหว่างการควบคุมตัวที่ห้องสืบสวน ส่วนผู้หญิงชาวจีนผู้เสียหาย ได้นำตัวขึ้นไปสอบปากคำที่ชั้น 3 ของสถานีตำรวจ พร้อมได้จัดล่ามมาดำเนินการแปลภาษาให้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปบนชั้น 3 ของอาคารสถานีตำรวจแต่อย่างใด


จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า นายจ้าว วู่ หลิน รู้จักกับหญิงสาวผู้เสียหายที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง เมื่อช่วงค่ำวานนี้ จากนั้นพาไปหลับนอนที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ต่อมาฝ่ายชายจะขอเงินหญิงสาวจำนวน 50,000 หยวน หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 250,000 บาท แต่ฝ่ายหญิงไม่ยินยอม ฝ่ายชายจึงฝ่ายหญิงมัดมือมัดเท้า อุ้มใส่รถขับมา โดยยังไม่ทราบจุดหมายปลายทาง ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุบนทางด่วน และฝ่ายหญิงหลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือก่อนแจ้งตำรวจเข้าจับกุม


ต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพบว่า หญิงสาวชาวจีน อายุ 27 ปี มีอาชีพเป็นนายหน้าหาคนไปศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี เดินทางเข้าประเทศไทยหลายครั้งในวีซ่านักท่องเที่ยว โดยครั้งล่าสุดพบเดินทางเข้าประเทศเมื่อวันที่ 2 ก.ย ที่ผ่านมา หลังจากเดินทางไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีและกลับมาพักผ่อนที่ประเทศไทย ก่อนที่จะมีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับคนร้ายผ่านแอพพลิเคชั่นเทเลแกรม มีการพูดคุยทำความรู้จักกัน ประมาณ 10 วัน ก่อนที่ในเมื่อช่วงค่ำวานนี้จะนัดเจอกันที่ร้านอาหารปิ้งย่างแห่งหนึ่ง เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน


พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุอีกว่า ภายหลังจากที่ผู้เสียหายทานอาหาร และดื่มสุราไปสักระยะ ก็รู้สึกมึนศีรษะ ก่อนจะจำความอะไรไม่ได้ จนในช่วงเช้าวันนี้หญิงสาวผู้เสียหายตื่นมาที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง 81 ซึ่งเป็นที่พักของคนร้าย ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า ซึ่งเมื่อตั้งสติได้ ฝ่ายคนร้ายได้บอกว่าจะพาไปทานอาหาร และพาไปเที่ยวต่อที่พัทยา จ.ชลบุรี จากนั้นคนร้ายพาผู้เสียหายมาขึ้นรถยนต์คันที่ประสบอุบัติเหตุ เพื่อพาไปซื้ออาหารกล่องที่ซุปเปอร์มาเก็ต โดยก่อนหน้านั้นหญิงสาวนั่งคู่กับคนร้ายที่เบาะหน้า แต่เมื่อซื้ออาหารแล้ว ก็ย้ายไปนั่งที่เบาะหลังเพื่อทานอาหาร


ขณะนั้นเองคนร้ายได้ใช้วาจาข่มขู่ และบีบคอ หญิงสาวผู้เสียหาย พร้อมกับขับรถไปยังพื้นที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง จากนั้นใช้เชือกมัดมือ มัดเท้าหญิงสาว พร้อมขู่เรียกค่าไถ่จำนวน 200,000 หยวน หรือประมาณ 1 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายไม่มีเงิน จึงได้ติดต่อเพื่อนให้โอนเงินมาให้ โดยได้เงินมาประมาณ 50,000 หยวน หรือ ประมาณ 250,000 บาท มีการโอนเข้าบัญชีเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะตกลงกับหญิงสาวเพื่อพาไปกดเงินและแลกเป็นเงินไทย จากนั้นก็ขับรถขึ้นทางด่วน ด่านศรีนครินทร์ มุ่งหน้าไปทางห้วยขวาง ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนขึ้น


จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด จะเห็นได้ว่าหลังจากเฉี่ยวชนกันบนทางด่วนแล้ว คนร้านได้เดินออกมาเพื่อพูดคุยกับคู่กรณี และเนื่องจากคนร้ายมัดมือมัดเท้าไม่แน่น หญิงสาวจึงปีนมาจากเบาะหลัง ข้ามมายังฝั่งประตูหน้าด้านคนขับ จากนั้นก็วิ่งหนีออกมา ไปขอความช่วยเหลือจากรถแท็กซี่คันสีเหลือง ก่อนที่ตำรวจ บก.จร.จะได้รับแจ้ง และมีการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนพบรถคนร้ายที่ขับลงมาจากทางด่วนเพื่อไกล่เกลี่ยค่าเสียหายกับรถของคู่กรณี จนจับกุมได้ในที่สุด โดยตำรวจพบของกลางเป็นเงินสดจำนวน 100,000 บาท และเงินสกุลต่างๆอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมเชือกที่ใช้มัดหญิงสาว


จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การว่าทำงานเป็นพนักงานขับรถอยู่ที่ดูไบ การเข้ามาครั้งล่าสุดนี้ ผู้ต้องหาพำนักในประเทศไทยด้วยวีซ่า 15 วัน พำนักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยรามคำแหง 81 และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็พาหญิงผู้เสียหายไปที่โรงแรมดังกล่าว


โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานภายในห้องแล้ว อีกทั้งจะดำเนินการประสานขอข้อมูลจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อสืบหาประวัติว่าผู้ต้องหารายนี้เคยมีประวัติก่อคดีจากประเทศจีนหรือไม่


โดยทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาจำนวน 3 ข้อหา ได้แก่ เรียกค่าไถ่ / หน่วงเหนี่ยวกักขัง / ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ / และการกระทำความผิดฐานอนาจาร โดยหลังจากนี้จะนำผู้เสียหายไปตรวจร่างกายโดยละเอียด หากพบคราบอสุจิก็เตรียมแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเพิ่มอีก 1 ข้อหา



พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุเพิ่มเติมว่า จากพฤติการณ์ของผู้ต้องหา เชื่อว่าผู้ต้องหาพูดคุยกับผู้เสียหายแล้วถูกคอถูกใจกัน และเห็นว่าผู้เสียหายเองน่าจะเป็นคนที่มีเงิน จึงเตรียมการที่จะก่อเหตุมัดมือมัดเท้าเรียกค่าไถ่จากผู้เสียหาย โดยพฤติการณ์แบบนี้ คล้ายคลึงกับ คดีที่คนจีนอุ้มคนจีนด้วยกันย่าน RCA เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา


อย่างไรก็ตามในคดีนี้ยังพบว่าผู้ต้องหากระทำความผิดเพียงคนเดียว แต่กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาอาจจะมีเครือข่ายกับคนรู้จักที่อยู่ที่ประเทศจีนหรือที่ดูไบที่อาจจะเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นข้อสงสัยที่ว่า ทำไมการเดินทางเข้าประเทศไทยครั้งที่ 3 ถึงเป็นการเดินทางเข้าออกภายใน 1 วัน จึงเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะกระทำความผิดในลักษณะแบบนี้หลายครั้ง แต่ที่ผ่านมาผู้เสียหายในอดีตอาจจะไม่กล้าเข้ามาแจ้งความ อีกครั้งผู้เสียหายก็ให้การว่า หากผู้ต้องหาได้เงินแล้ว ผู้ต้องหาจะเดินทางออกนอกประเทศทันที จึงอยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผลต่อไป ว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดในลักษณะแบบนี้มาก่อนหรือไม่ในประเทศ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหา มีบัตรอนุญาตทำงานในราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งส่วนตรงนี้นั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลอยู่


ส่วนประเด็นที่ว่า ทำไมผู้ต้องหาถึงดูไม่รีบร้อนหลังจากที่เกิดรถชนหรือไม่พยายามที่จะไปตามผู้เสียหายนั้น พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า เป็นเพราะผู้ต้องหาคิดว่าตนเองคงหลบหนีไปไหนไม่ได้และพยายามที่จะพูดคุยทำความเข้าใจกับคนขับรถ Fortuner เพราะคงกลัวว่าอาจจะมีความผิดมากกว่านี้ หากพยายามที่จะหลบหนีหลังจากที่ตนเองขับรถชน ประมาณว่าปล่อย ผู้เสียหายไปเลยเอา ตัวเองให้รอดก่อน



ส่วนรถยนต์ที่ผู้เสียหายขับมานั้น พบว่าเป็นรถเช่ามาตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน เช่าวันละ 5,000 บาท โดยมีกำหนดคืนในวันนี้ 14 กันยายน ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าหลังจากเกิดเหตุผู้ต้องหาคงเตรียมที่จะทิ้งรถและหลบหนีไป



สำหรับขั้นตอนการดำเนินคดีหลังจากนี้นั้น ทางพนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาและผู้เสียหายไปตรวจร่างกายและหาสารเสพติดที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนตัวผู้ต้องหานั้น หลังจากที่นำตัวไปตรวจร่างกมวและชี้จุดเกิดเหตุ ก็จะดำเนินการสอบปากคำอย่างละเอียดในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลในวันเสาร์ที่ 16 กันยายน เมื่อดำเนินคดีเสร็จสิ้นก็เตรียมที่จะผลักดันออกนอกประเทศต่อไป



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/od6eQR8kXTo


คุณอาจสนใจ

Related News