สังคม
เจอตัว ชายใช้หมวกกันน็อก ทุบรถสาวคาทางด่วน อ้างฉุนไม่มีน้ำใจ ด้านผู้เสียหายไม่เอาความ มองจิตไม่ปกติ
โดย petchpawee_k
12 มี.ค. 2567
28 views
จับแล้ว! ชายขวางรถบนทางด่วน เจ้าตัว เผยปมโมโหใช้หมวกกันน็อกฟาดรถผู้เสียหาย ลั่น “เพราะเขาไม่มีน้ำใจ” บวกกับโบกหลายคันแล้วไม่จอด ขณะที่ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา อยู่ระหว่างตรวจสอบมีอาการทางจิตหรือไม่ ด้านผู้เสียหาย ขอไม่เอาความ เหตุคู่กรณีไม่ปกติ รับขณะเกิดเหตุตกใจมาก มองเป็นการคุกคาม
กรณีที่หญิงสาวผู้เสียหายรายหนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊กนาทีที่ชายปริศนาเข้ามาขวางรถบนทางด่วน พยายามเปิดประตู พร้อมตะคอกขอติดรถไปลงด้วย ก่อนใช้หมวกกันน็อกฟาดรถ ซี่งผู้เสียหายกลัวมากเรื่องจากมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการคุกคามและทำให้ผู้อื่นเสีย ทรัยพ์ จึงได้แจ้งความไว้ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ในฐานความผิดทำให้เสียทรัพย์
วานนี้ (11 มี.ค.67) เวลา 13.10 น. ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ สามารถจับกุมตัวหนุ่มผู้ก่อเหตุได้แล้ว ทราบชื่อคือนายศุกฤกษ์ อายุ 42 ปี ชาว กทม. โดยสามารถคุมตัวได้แถวพื้นที่รามคำแหง 81 ก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำที่ห้องปฏิบัติการฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ
ต่อมา 16.20 น. ภายหลังสอบปากคำโดยใช้เวลากว่า 3 ชม. ตำรวจคุมตัวออกจากห้องสืบสวน ทีมข่าวพยายามสอบถามว่าขึ้นไปบนทางด่วนได้อย่างไรเจ้าตัวปัดตอบ ก่อนจะบอกว่าที่ขึ้นไปบนทางด่วนเพราะยืนรอรถ และกำลังหาทางออกจากทางด่วน ก่อนหน้าคันนี้มีการโบกมาหลายคันแล้ว แต่ไม่มีใครจอด
เมื่อถามย้ำว่าทำไมถึงเอาหมวกกันน็อกฟาด ชายรายนี้บอกว่า “เพราะเขาไม่มีน้ำใจ” เมื่อถามย้ำว่าทำไมถึงใช้อารมณ์และทำไมไม่เลือกใช้วิธีการพูดจาหรือขอร้องดีๆ และมีอะไรอยากฝากถึงผู้เสียหายหรือไม่เพราะเขามองว่าถูกคุกคาม ผู้ก่อเหตุปัดตอบคำถามดังกล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นมีการแจ้งข้อกล่าวหา นายศุกฤกษ์ ใน 2 ข้อหา คือทำให้เสียทรัพย์และข่มขู่ให้ผู้อื่นตกใจกลัว
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและขอโทษผู้เสียหาย ส่วนที่ขึ้นไปบนทางด่วนได้อย่างไรนั้นเจ้าตัวอ้างว่ามุดขึ้นไป เพื่อไปหาของเนื่องจากว่าของหาย ส่วนหลังจากนี้เป็นกระบวนการของการสอบสวนต่อไป
ขณะเดียวกันตอนสอบปากคำผู้ต้องหามีความเครียด และมีอารมณ์ฉุนเฉียว บางช่วงกุมขมับแล้วบอกว่าเครียด ผมเครียด ส่วนมีอาการทางจิตหรือไม่นั้น กำลังตรวจสอบ และกำลังประสานสอบถามข้อมูลจากญาติว่าเคยมีประวัติรักษาอาการทางจิตหรือไม่
ขณะเดียวกันวานนี้ หลัง ตำรวจสามารถตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว คุณแก้ม อายุ 35 ปี ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ย ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ช่วงที่เกิดเหตุตนขับรถขึ้นบนทางด่วน ไม่ได้มีเจตนารับเขา เนื่องจากเป็นผู้หญิงขับรถคนเดียว แต่สถานการณ์ที่มีรถขับเบียดมา เราจึงเปิดไฟฉุกเฉินและชะลอ ตนก็ไม่ทราบว่าการที่เปิดไฟฉุกเฉินและชะลอความเร็วรถทำให้เขาเข้าใจผิดหรือไม่ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เดินออกมา ทำให้เราต้องหยุดรถ
"มันมีแว๊บหนึ่งที่แก้มก็มีความคิดว่า ถามเขาดีหรือไม่ว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พอรถเราหยุดปุ๊บ เขาเดินมาดึงประตูรถเลย ทางฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าข้างคนขับ แก้มก็รู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว”
คุณแก้ม กล่าวต่อว่า พอเขาเปิดไม่ได้ ก็ดูโมโหมาก ก็เลยตีกระจก ฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับด้านหลัง พร้อมพูดว่าขอไปลงข้างหน้าหน่อย เราตกใจมาก จนเราเหมือนทำอะไรไม่ถูก เราอึ้งอยู่ แต่เราไม่อยากอยู่ตรงนั้น จนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ต้องออกจากตรงนั้น จึงค่อยเคลื่อนรถไปด้านหน้า เขาก็เลยเอาหมวกกันน็อกฟาด กระจกฝั่งผู้โดยสารด้านหลัง
ทั้งนี้ ตนรู้สึกตกใจมาก กระจกด้านหลังรถก็เป็นรอยถาก แต่ไม่ได้ร้าว ยังไม่เอารถไปซ่อม เรายังไม่ทราบว่ามีความเสียหายแค่ไหน
เมื่อถามว่าพฤติกรรมที่เห็นมีอาการหลอนหรือผิดปกติกว่าคนทั่วไปหรือไม่ คุณแก้ม กล่าวว่า แว๊บแรกเหมือนเขาจะมีปัญหาอะไรมา เพราะดูหงุดหงิดมาก ตนเดาว่าอาจจะทะเลาะกับใครมา แต่ดูแล้วไม่ค่อยปกติ มองว่าเป็นการถูกคุกคาม เพราะคำพูดที่เขาใช้ ท่าทางที่แสดงออก ในสิ่งที่ทำมันคือการคุกคาม เราไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะลดกระจกพูดคุยกับเขา
เมื่อถามว่าคนก่อเหตุระบุว่าที่เอาหมวกกันน็อกฟาดเพราะไม่มีน้ำใจ คุณแก้ม ระบุว่า ก็ทราบมาว่าเป็นแบบนั้น แต่ไม่เป็นไร เราก็มีสิทธิ์จะเลือก ว่าจะช่วยเหลืออะไรใครแค่ไหน เราอาจจะโชคร้ายที่จังหวะหลบเลี่ยงไม่ได้
ส่วนติดใจหรือไม่นั้นพอเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัวมาแล้วและได้พูดคุยก็เข้าใจแล้วว่าเขาคงมีปัญหาของเขา
ขณะเดียวกันได้พูดคุยนิดหน่อย เบื้องต้นมองว่าเขาดูไม่ค่อยปกติ น่าจะมีปัญหาทางจิตอยู่ประมาณหนึ่งเหมือนคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็เลยรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องคุยเยอะแล้ว ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดีกว่า
คุณแก้ม เล่าต่อว่า ได้มีการขอโทษกันแล้ว ตนยกโทษให้ ก็พูดกันตามตรงว่าคนสติไม่ดีจะไปเอาเรื่องเอาราวอะไรกับเขาได้ ส่วนเรื่องคดีจะมี 2 ทาง คืออาญาและแพ่ง ในทางอาญาอาจจะมองว่าเขาไม่ปกติ อาจจะยอมความไป แต่ในทางแพ่งก็ให้บริษัทประกันเป็นผู้รับผิดชอบว่าจะทำอย่างไรต่อทางกฎหมาย
ช่วงท้ายคุณแก้ม ยังฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ด้วย เพราะรู้สึกว่าก่อนเดินทางอยากให้ทุกคนเช็กประตูรถดี อย่างรถของตนเป็นรถที่ค่อนข้างเก่า โชคดีที่ล็อกรถก่อนที่จะออกมา รวมถึงกล้องหน้ารถเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีหลักฐาน
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/p3h-zmkR6WM