สังคม

แม่โร่แจ้งความ ลูก 8 ขวบ ถูกฝังดินทั้งเป็น อาอ้างแค่เอาดินทาตัว หวังสั่งสอนหลานชอบแกล้งลูก

โดย thichaphat_d

1 ก.ย. 2566

3.3K views

แม่โร่แจ้งความหลัง ลูก 8 ขวบ ถูกอาจับฝังดินทั้งเป็น ทำเด็กร้องลั่นด้วยความกลัว “อย่าทำผมเลย” โชคดีมีเพื่อนบ้านมาเห็น ก่อนนำตัวขึ้นจากหลุมได้ทัน ด้านผู้ก่อเหตุอ้างทนไม่ไหว เพราะหลานแกล้งลูก จนทำเมียรักร้องไห้หนัก จึงอยากสั่งสอน พร้อมโต้ไม่ได้ฝังเด็กแค่เอาดินทาตัว เพื่อให้หลาบจำ ขณะที่ตำรวจแจ้งข้อหาหนักพยายามฆ่าก่อนนำตัวฝากขัง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใชเฟซบุ๊กชื่อ ตันหยง โพสต์ขอความช่วยเหลือจากเพจดัง ระบุว่า “ขอความช่วยค่ะ มีใครแนะนำได้บ้าง คดีไม่คืบหน้ามา 3-4 วัน เหตุการณ์เกิด 26 สิงหาคม ลูกหนูโดนถมทั้งเป็น เหตุการณ์คดียังไม่คืบหน้า คนร้ายรอยนวลหลักฐาน พยานบุคคลครบ ได้สอบปากคำแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า หนูอยากให้คนร้ายได้ชดใช้กรรม ผู้ใหญ่บอกให้รอ หนูรอไม่ไหว แล้ว คดียังไม่ไปไหน ขอไห้ลูกหนูได้รับความ ยุติธรรม เอาคนร้ายเข้าคุกไห้ได้ จิตใจทำด้วยอะไร เด็กไม่รู้เรื่อง หลานตัวเองแท้ๆ ไม่ยอมแน่นอน เหี้..เกิน มนุษย์ #เอาเรื่องไห้ถึงที่สุด” จนทางย่าได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายวรุฒ มงคลรัตน์ อายุ 32 ปี ลูกเขย ในข้อกล่าวหาพยายามฆ่า”

ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (31 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบเรื่องนี้ ที่บ้านหลังเกิดเหตุ อยู่ที่บ้านหนองตายา ต.ท่าช้างคล้อง อ.ผาขาว จ.เลย น.ส.ตันหยง ศรีปทุม อายุ 24 ปี แม่ของเด็กพาไปดูตรงจุดเกิดเหตุ พบว่ายังมีกองดินที่ผู้ก่อเหตุขุดเพื่อจะทำการฝังกลบเด็กชายวัย 8 ขวบกองอยู่ สังเกตขนาดของหลุม พบว่ามีขนาดความยาวประมาณ 1 เมตรครึ่ง และกว้าง 1 เมตร ซึ่งช่วงที่นักข่าวลงพื้นที่ นายอำเภอผาขาว รวมทั้ง พม.จังหวัดเลย ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทางครอบครัวของเด็กผู้เสียหายด้วย

น.ส.ตันหยง เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา แต่ตนมาทราบเรื่องจากพี่ชาย ที่ได้โทรศัพท์มาบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตน ในวันที่ 25 ส.ค. หลังจากนั้นวันที่ 26 ส.ค. ตนได้โทรศัพท์มาสอบถามฝั่งของน้องสะใภ้ ที่ดูแลลูกของตนอยู่ ซึ่งผู้ก่อเหตุชื่อว่า นายวรุฒ มงคลรัตน์ หรือนายโอ๊ก อายุ 32 ปี บอกกับตนในทำนองว่า “ไปฟังเรื่องมาจากไหน….แต่งเรื่องขึ้นมาหรือเปล่า” นอกจากนี้นายโอ๊กมีการด่าทอตนด้วย

น.ส.ตันหยง บอกว่า ก่อนหน้านี่ได้ฝากลูกให้อดีตสามีเป็นคนดูแล มาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ซึ่งฝั่งอดีตสามีได้ให้น้องสะใภ้รับลูกไปดูแลต่อ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนพยายามซักถามเรื่องราวจากน้องสะใภ้และนายโอ๊กอย่างละเอียด แต่นายโอ๊กบอกกับตนว่า ที่ทำไปมีเจตนาเพียงจะสั่งสอนลูกของตนเท่านั้น ในวันนี้ และต้องการที่จะมารับลูกไปด้วยตัวเอง เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูก

ส่วนที่หลายคนอาจกล่าวหาเธอว่า “ทำไมไม่มาดูลูกตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ” เธอบอกว่า ที่เธอไม่ได้มาดูลูกเพราะมีผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถบอกชื่อได้มาบอกให้เธอปิดข่าวเรื่องนี้ โดยส่วนตัวอยากให้ตำรวจดำเนินการกับผู้ก่อเหตุถึงที่สุด เพราะชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต วันนั้นหากเพื่อนบ้านไม่ได้มาเห็นและช่วยเหลือชีวิตลูกของเธอเอาไว้ ลูกอาจจะอาการหนักกว่านี้ก็ได้

นางทองจา ชินรัตน์ อายุ 56 ปี คนเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คืนวันที่ 22 ส.ค. เวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่ตนกำลังผักผ่อน ได้ยินเสียงน้องเอ ตะโกนว่า "พ่อครับผมขอโทษ" "ผมยอมแล้ว" “อย่าทำผมเลย" จากนั้นก็ได้ยินเสียงนายโอ๊ก ผู้ก่อเหตุ ตะโกนใส่น้องเอ บอกว่า "มึงนอนลงไปเลย" ตอนนั้นน้องเอก็พยายามส่งเสียงร้องขอชีวิต ว่า "อย่าทำผมเลย ผมกลัวแล้วพ่อครับ ผมไหว้แล้วครับ" สักพักเสียงก็เงียบไป ไม่ถึง 10 นาที

นางทองจา บอกว่า ตัวเองรู้สึกผิดสังเกตจึงเดินไปที่บ้านนายโอ๊ก เพื่อถามหาเด็กชายเอว่า อยู่ไหน ซึ่งนายโอ๊กก็ตอบกลับมาว่า “อยู่หลังบ้าน” ตนเองจึงถามกลับไปว่า “เอาเด็กไปไว้หลังบ้านทำไม” โดยนายโอ๊ก อ้างว่า “เอาเด็กไปสั่งสอน เพราะเด็กชายเอชอบแกล้งน้องคนเล็ก”

จากนั้นตนเองจึงเดินตามหาเด็กชายเอ กับเมียผู้ก่อเหตุและเพื่อนบ้านอีกคน ในระหว่างที่ออกตามหาเด็กชายเอ ตนเองก็ได้ถามนายโอ๊ก ผู้ก่อเหตุอีกครั้งว่าเอาเด็กชายเอไปไว้ไหน แต่นายโอ๊ก กลับปฏิเสธว่าไม่รู้ ตนเองก็ได้ถามย้ำกลับไปอีกว่า “เอาเด็กไปไว้ไหน” นายโอ๊ก ผู้ก่อเหตุจึงเอ่ยปากบอกกับตนเองว่า "เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็เจอเอง" ตนเองก็ถามกับไปว่า "ยังไม่ได้ฆ่าเด็กใช่ไหม"

หลังจากนั้นนางทองจาและเพื่อนบ้านได้พยายามเค้นถามนายโอ๊ก จนนายโอ๊กยอมรับว่า ได้เอาเด็กไปฝังไว้ที่ข้างโอ่งน้ำหลังบ้าน พอได้ยินแบบนั้นตัวเองและเพื่อนบ้านรวมไปถึงเมียของผู้ก่อเหตุก็ได้ช่วยกันใช้มือขุดเด็กขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นเด็กชายเอเริ่มจะหมดสติแล้ว ตัวเองจึงรีบพาเด็กไปอาบน้ำ ซึ่งตอนนั้นเด็กยังไม่ได้สติ และในระหว่างที่กำลังช่วยเหลือเด็ก ตัวเองเห็นนายโอ๊ก เดินเข้าไปในบ้านและเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าลักษณะคล้ายกับเตรียมจะหลบหนี จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มายังที่เกิดเหตุ

ด้าน นายวรุฒ มงคลรัตน์ หรือนายโอ๊ก อายุ 32 ปี เข้าพบ ร.ต.อ. สุภรักษ์ มูลตรี พนักงานสอบสวน สภ.ผาขาว จ.เลย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และปฎิเสธว่าไม่ได้ขุดหลบฝังน้องเอ แต่เอาดินมากลบบริเวณลำตัวเท่านั้น น้องเอชอบมารังแกลูกของตนเองที่อายุ 1 ขวบ จากนั้นก็อุ้มไปที่หลังบ้าน และบอกน้องเอว่าอยู่เงียบ นิ่ง และนอนลง จะทำน้องอีกไหม และทำให้แม่ร้องไห้อีกไหม น้องบอกว่าผมไม่ทำแล้วครับ จากนั้นก็เอาโคลนทาตัวเท่านั้น ไม่ได้มีการขุดหล่มและเอาดินกลบฝังร่างน้องแต่อย่างไร

และขอยืนยันว่าเป็นการสั่งสอนน้องเท่านั้น จนมีชาวบ้านไปแจ้งตำรวจ มาดูที่เกิดเหตุก็ไม่มีอะไร ส่วนวันนี้มารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้หลบหนีไปไหน หลังสอบปากคำเสร็จได้แจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่า นำตัวไปฝากขังที่ศาล จ.เลย ในช่วงบ่าย

ขณะเดียวกัน น.ส.ตันหยง ศรีปทุม แม่ของเด็กชาย ได้ไปที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ลูกเรียนอยู่ เพื่อรับกลับไปอยู่ที่ จ.ชลบุรี ด้วยกัน แต่ต้องพบว่าลูกชายจำหน้าแม่ไม่ได้ ทางครูที่โรงเรียนก็ไม่อนุญาตให้รับกลับไป น.ส.ตันหยง พยายามให้ลูกชายดูรูปที่ถ่ายคู่กัน แต่ลูกกลับจำหน้าแม่ไม่ได้ ทำให้ผู้เป็นแม่ถึงกับร้องไห้

น.ส.ตันหยง เล่าว่า ปกติจะมาหาลูกอยู่ประจำ ลูกก็จำหน้าแม่และเข้ามากอด แต่วันนี้ลูกกลับจำหน้าแม่ไม่ได้ ถามอะไรก็ไม่ตอบ คาดว่าสาเหตุมาจากที่ลูกโดนกระทำจนมีสภาพจิตใจที่เปลี่ยน กลัว ลังเล และวิตกกังวล ไม่พูดจาเปลี่ยนไปคนละคน ต่อไปจะต้องประสาน จนท.บ้านพักเด็ก เพื่อมารับลูกไปฟื้นฟูจิตใจให้ดีขั้นก่อน ก่อนที่รับตัวไปอยู่ด้วยกันที่ จ.ชลบุรี


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/025W7cdQnlA


แท็กที่เกี่ยวข้อง  เลย ,ทำร้ายเด็ก ,ฝังดิน

คุณอาจสนใจ

Related News