สังคม
'หมอเหรียญทอง' ไม่หวั่นติดคุก ปมตบ-แก้ผ้าเด็ก 14 พาดูป้าย-เสียงประกาศ มีเตือนทั่วรพ.
โดย panwilai_c
15 พ.ค. 2567
137 views
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ยืนยันไม่ประนีประนอมคู่กรณี เพราะ ตัวเองไม่ใช่คนเจรจาไกล่เกลี่ย ถ้าทำผิดกฎหมายก็ยินดีรับโทษอาญาแผ่นดิน เล็งเพิ่มโทษสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลปรับจาก 5,000 เป็น 500,000 บาท
จุดเกิดเหตุคือ อาคาร 3 ห้องน้ำชั้น 1 แผนก OPD ซึ่งจุดที่เด็กชายนัท เข้าไปสูบบุหรี่คือเป็นห้องน้ำด้านในสุด และจะมีท่อดูดอากาศ
บริเวณโถปัสสาวะ มีป้ายประกาศ "โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เป็นโรงพยาบาลปลอดบุหรี่เด็ดขาด ห้ามสูบบุหรี่ทุกพื้นที่ในโรงพยาบาล"
ทีมข่าวได้คลิปในคืนวันเกิดเหตุ ที่มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบันทึกภาพไว้ พบว่าช่วงต้นคลิป บริเวณห้องน้ำ จะเห็นควันลอยขึ้นไปบนเพดานห้องน้ำ ในคลิปจะได้ยินเสียงเด็กชายเปิดโทรศัพท์
ซึ่งคลิปนี้ความยาวประมาณ 2 นาทีกว่าๆ ท้ายคลิป เด็กชายคนนี้เดินออกมาจากห้องน้ำ ในมือถือโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะถามว่า "น้องทำอะไรอ่ะ ดูดบุหรี่ไหม" ซึ่งเด็กชายคนนี้ก็พยักหน้ายอมรับ
จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ตามที่ผู้เสียหายเล่า ก่อนที่จะถูกตบและเตะ แล้วมันขับถอดเสื้อผ้าบริเวณด้านนอกโรงพยาบาล
ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณด้านนอกโรงพยาบาล เวลา 23.17น. ปรากฏภาพของเด็กชายวัย 14 ปีวิ่งล่อนจ้อนอยู่ริมทางเท้า เอามือปิดกุมอวัยวะเพศ เพื่อวิ่งขอความช่วยเหลือ
ล่าสุด วันนี้ พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้พาทีมข่าวมาดูบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ที่อาคาร 3 แผนก OPD พาเข้าไปสำรวจในห้องน้ำ โดยคุณหมอ ชี้ให้ดูป้ายประกาศ ที่ติดหน้าโถปัสสาวะ และบอกว่า ป้ายนี้ติดไว้ทั่วโรงพยาบาล แต่เด็กคู่กรณีกลับยังสูบ มองว่าเป็นการท้าทาย และมาลองดี หมอเหรียญทองบอกว่า ท้าทายแล้วจะให้อยู่นิ่งเป็นสากกะเบือหรือ แล้วปล่อยให้คนไข้สูดควัน
จากนั้นก็ชี้ให้ดูในห้องน้ำที่เด็กชายคู่กรณีเข้าไปสูบ และชี้ให้ดูว่า การที่เข้ามาสูบในห้องน้ำ เพราะคิดว่าจะคละคลุ้งแค่ในห้องน้ำ แต่ที่จริงแล้ว ควันถูกดูดขึ้นไปที่ปล่องดูดอากาศ และปรับอากาศ พอมันดูดเข้าท่อก็กระจายไปข้างนอก บริเวณที่ผู้ป่วยอยู่ และเป็นชั่วโมงกว่าควันบุหรี่จะหมด
จากนั้นคุณหมอบอกว่า เด็กถูกพามานั่งรออยู่ที่โถงข้างนอก หน้าห้องน้ำ ก่อนที่คุณหมอจะมาถึง
คุณหมอ ยังบอกว่า โรงพยาบาล มีเสียงประกาศตามสายทุก 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเสียงคุณหมอเอง รวมถึงป้ายที่ปิดประกาศข้อความว่า
"นี่คือประกาศคำเตือนจากโรงพยาบาลงกุฏวัฒนะ ซึ่งเป็นรพ.ปลอดบุหรี่อย่างเด็ดขาด ดังนั้นผู้ลักลอบสูบบุหรี่ในพื้นที่ รพ. ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร โดยครอบคลุมถึงสุขา / ห้องพักส่วนตัว / ระเบียงห้องพักผู้ป่วย และหรือลานจอดรถในอาคารต่างๆด้วย
ทั้งนี้ ทีมงานนำโดยผู้อำนวยการ รพ. จะดำเนินการ โดยไม่ให้เกียรติผู้ลักลอบ
สูบบุหรี่ ปรับในอัตราสูงสุด 5,000 บาท และไล่ออกจากพื้นที่ รพ.โดยไม่มีการไว้หน้า ไม่เกรงใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยนอก หรือผู้ป่วยใน หอผู้ป่วย หรือจะมีตำแหน่งสูงส่ง หรือร่ำรวยเพียงใดก็ตาม รพ. ไม่ง้อ และไม่ต้องการผู้ใช้บริการ หรือญาติที่ไม่เคารพและปฏิบัติตามกฎระเบียบของ รพ.
ทั้งนี้ท่านสามารถไปใช้บริการที่ รพ.อื่นๆ ที่ยินยอมให้ท่านทำตามอำเภอใจของท่านก็แล้วกัน
การสูบบุหรี่นอกเหนือจากเป็นภัยแก่ผู้สูบบุหรี่แล้ว ยังส่งผลเสียต่อบุคคลอื่นๆที่ต้องสูดดมควันบุหรี่อันเป็นสาเหตุก่อมะเร็งปอดไปด้วย ทั้งยังเป็นต้นเหตุแห่งอัคคีภัยในสถานที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นอาคารที่มีผู้ป่วย ผู้มาเยี่ยมเยียน ผู้มาติดต่อและบุคลากรผู้ทำงานจำนวนมาก
หากผู้ลักลอบสูบบุหรี่ไม่พอใจ และแสดงอาการก้าวร้าวเกรี้ยวกราด ทีมงาน รพ. จะโต้ตอบด้วยความดุเดือด รุนแรง โดยไม่เกรงใจ และไม่เกรงกลัวต่อการสูญเสีย
ลูกค้าผู้ใช้บริการ หรือการฟ้องร้อง ร้องเรียนใดๆทั้งสิ้น
โรงพยาบาล ขอประกาศเตือนผู้กระทำการลักลอบสูบบุหรี่ว่าอย่าท้าทาย หรือลองดีกับ รพ.
พลตรีนายแพทย์เหรียญทอง ยืนยันว่า ยอมรับว่าตบหน้าเด็กจริง โดยเลือกที่จะไม่คุยกับเด็กก่อน และก่อนหน้านี้ก็เคยทำแบบนี้กับคนอื่น ไม่ใช่แค่เด็กวัย 14 คนนี้คนเดียว เพราะโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่มีผู้ป่วยเยอะ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็ง และทางโรงพยาบาลก็มีประกาศเตือนอยู่แล้วทุก 2 ชั่วโมง
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยินดีรับผิดตามกฎหมายและยอมติดคุก และหลังจากนี้จะเพิ่มโทษปรับเป็น 5 แสนบาท จากเดิม 5,000 บาท หากใครทำผิด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เดี๋ยวแม่ของเด็กและตัวเด็กจะเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อขอโทรศัพท์มือถือคืน คุณหมอบอกว่า ยืนยันว่าจะไม่คุยกับคู่กรณีให้คุยกับลูกน้อง เพราะตนเองไม่ใช่คนเจรจาไก่เกลี่ย และไม่เคยขอขมากุ๊ย ตนซื้อกระเช้าไม่เป็น ถ้าทำผิดกฎหมายรับโทษอาญาแผ่นดิน
และถ้าแม่เด็กมีท่าทีอ่อนลงจะมีการประนีประนอมหรือไม่ คุณหมอถามกลับว่าจะประนีประนอมอะไร ก็เค้าว่าเค้าถูก เขาว่าเอาถึงที่สุดเข้าถึงที่สุดไป แต่คุณหมอก็ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวภรรยาของเด็ก ก็ได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่าให้รักษาเต็มที่ แต่ท้ายสุดเค้าปฏิเสธการรักษา ก็ไม่เป็นไร
และหากอยากจะมารับโทรศัพท์ ก็มาโทรศัพท์ก็มารับ สำหรับตนเองคุ้มค่าแล้ว เพราะสังคมจะได้รู้ว่าการสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลเป็นสิ่งต้องห้าม ส่วนค่าปรับไม่เอาแล้ว
พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ยืนยันว่าจะไม่ประนีประนอมคู่กรณี ที่สูบบุหรี่ในห้องน้ำ พร้อมย้ำว่าตัวเอง ไม่ใช่คนเจรจาไกล่เกลี่ย ถ้าทำผิดกฎหมาย ยินดีรับโทษอาญาแผ่นดิน ส่วนโทษเรื่องการสูบบุหรี่ในรพ. เตรียมเพิ่มโทษปรับจาก 5,000 เป็น 500,000 บาท
จุดเกิดเหตุคือ อาคาร 3 ห้องน้ำชั้น 1 แผนก OPD ซึ่งจุดที่เด็กชายนัท เข้าไปสูบบุหรี่คือเป็นห้องน้ำด้านในสุด และจะมีท่อดูดอากาศ
บริเวณโถปัสสาวะ มีป้ายประกาศ "โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เป็นโรงพยาบาลปลอดบุหรี่เด็ดขาด ห้ามสูบบุหรี่ทุกพื้นที่ในโรงพยาบาล"
ทีมข่าวได้คลิปในคืนวันเกิดเหตุ ที่มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบันทึกภาพไว้ พบว่าช่วงต้นคลิป บริเวณห้องน้ำ จะเห็นควันลอยขึ้นไปบนเพดานห้องน้ำ ในคลิปจะได้ยินเสียงเด็กชายเปิดโทรศัพท์
ซึ่งคลิปนี้ความยาวประมาณ 2 นาทีกว่าๆ ท้ายคลิป เด็กชายคนนี้เดินออกมาจากห้องน้ำ ในมือถือโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะถามว่า "น้องทำอะไรอ่ะ ดูดบุหรี่ไหม" ซึ่งเด็กชายคนนี้ก็พยักหน้ายอมรับ
จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ตามที่ผู้เสียหายเล่า ก่อนที่จะถูกตบและเตะ แล้วมันขับถอดเสื้อผ้าบริเวณด้านนอกโรงพยาบาล
ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณด้านนอกโรงพยาบาล เวลา 23.17น. ปรากฏภาพของเด็กชายวัย 14 ปีวิ่งล่อนจ้อนอยู่ริมทางเท้า เอามือปิดกุมอวัยวะเพศ เพื่อวิ่งขอความช่วยเหลือ
ล่าสุด วันนี้ พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้พาทีมข่าวมาดูบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ที่อาคาร 3 แผนก OPD พาเข้าไปสำรวจในห้องน้ำ โดยคุณหมอ ชี้ให้ดูป้ายประกาศ ที่ติดหน้าโถปัสสาวะ และบอกว่า ป้ายนี้ติดไว้ทั่วโรงพยาบาล แต่เด็กคู่กรณีกลับยังสูบ มองว่าเป็นการท้าทาย และมาลองดี หมอเหรียญทองบอกว่า ท้าทายแล้วจะให้อยู่นิ่งเป็นสากกะเบือหรือ แล้วปล่อยให้คนไข้สูดควัน
จากนั้นก็ชี้ให้ดูในห้องน้ำที่เด็กชายคู่กรณีเข้าไปสูบ และชี้ให้ดูว่า การที่เข้ามาสูบในห้องน้ำ เพราะคิดว่าจะคละคลุ้งแค่ในห้องน้ำ แต่ที่จริงแล้ว ควันถูกดูดขึ้นไปที่ปล่องดูดอากาศ และปรับอากาศ พอมันดูดเข้าท่อก็กระจายไปข้างนอก บริเวณที่ผู้ป่วยอยู่ และเป็นชั่วโมงกว่าควันบุหรี่จะหมด
จากนั้นคุณหมอบอกว่า เด็กถูกพามานั่งรออยู่ที่โถงข้างนอก หน้าห้องน้ำ ก่อนที่คุณหมอจะมาถึง
คุณหมอ ยังบอกว่า โรงพยาบาล มีเสียงประกาศตามสายทุก 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเสียงคุณหมอเอง รวมถึงป้ายที่ปิดประกาศข้อความว่า
"นี่คือประกาศคำเตือนจากโรงพยาบาลงกุฏวัฒนะ ซึ่งเป็นรพ.ปลอดบุหรี่อย่างเด็ดขาด ดังนั้นผู้ลักลอบสูบบุหรี่ในพื้นที่ รพ. ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร โดยครอบคลุมถึงสุขา / ห้องพักส่วนตัว / ระเบียงห้องพักผู้ป่วย และ/หรือลานจอดรถในอาคารต่างๆด้วย
ทั้งนี้ทีมงาน นำโดยผู้อำนวยการ รพ. จะดำเนินการ โดยไม่ให้เกียรติผู้ลักลอบสูบบุหรี่ ปรับในอัตราสูงสุด 5,000 บาท และไล่ออกจากพื้นที่ รพ.โดยไม่มีการไว้หน้า ไม่เกรงใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยนอก หรือผู้ป่วยใน หอผู้ป่วย หรือจะมีตำแหน่งสูงส่ง หรือร่ำรวยเพียงใดก็ตาม รพ. ไม่ง้อ และไม่ต้องการผู้ใช้บริการ หรือญาติที่ไม่เคารพและปฏิบัติตามกฎระเบียบของ รพ.
ทั้งนี้ท่านสามารถไปใช้บริการที่ รพ.อื่นๆ ที่ยินยอมให้ท่านทำตามอำเภอใจของท่านก็แล้วกัน
การสูบบุหรี่นอกเหนือจากเป็นภัยแก่ผู้สูบบุหรี่แล้ว ยังส่งผลเสียต่อบุคคลอื่นๆที่ต้องสูดดมควันบุหรี่อันเป็นสาเหตุก่อมะเร็งปอดไปด้วย ทั้งยังเป็นต้นเหตุแห่งอัคคีภัยในสถานที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นอาคารที่มีผู้ป่วย ผู้มาเยี่ยมเยียน ผู้มาติดต่อและบุคลากรผู้ทำงานจำนวนมาก
หากผู้ลักลอบสูบบุหรี่ไม่พอใจ และแสดงอาการก้าวร้าวเกรี้ยวกราด ทีมงาน รพ. จะโต้ตอบด้วยความดุเดือด รุนแรง โดยไม่เกรงใจ และไม่เกรงกลัวต่อการสูญเสีย
ลูกค้าผู้ใช้บริการ หรือการฟ้องร้อง ร้องเรียนใดๆทั้งสิ้น โรงพยาบาล ขอประกาศเตือนผู้กระทำการลักลอบสูบบุหรี่ว่าอย่าท้าทาย หรือลองดีกับ รพ.
พลตรีนายแพทย์เหรียญทอง ยืนยันว่า ยอมรับว่าตบหน้าเด็กจริง โดยเลือกที่จะไม่คุยกับเด็กก่อน และก่อนหน้านี้ก็เคยทำแบบนี้กับคนอื่น ไม่ใช่แค่เด็กวัย 14 คนนี้คนเดียว เพราะโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่มีผู้ป่วยเยอะ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็ง และทางโรงพยาบาลก็มีประกาศเตือนอยู่แล้วทุก 2 ชั่วโมง
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยินดีรับผิดตามกฎหมายและยอมติดคุก และหลังจากนี้จะเพิ่มโทษปรับเป็น 5 แสนบาท จากเดิม 5,000 บาท หากใครทำผิด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เดี๋ยวแม่ของเด็กและตัวเด็กจะเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อขอโทรศัพท์มือถือคืน คุณหมอบอกว่า ยืนยันว่าจะไม่คุยกับคู่กรณีให้คุยกับลูกน้อง เพราะตนเองไม่ใช่คนเจรจาไก่เกลี่ย และไม่เคยขอขมากุ๊ย ตนซื้อกระเช้าไม่เป็น ถ้าทำผิดกฎหมายรับโทษอาญาแผ่นดิน
และถ้าแม่เด็กมีท่าทีอ่อนลงจะมีการประนีประนอมหรือไม่ คุณหมอถามกลับว่าจะประนีประนอมอะไร ก็เค้าว่าเค้าถูก เขาว่าเอาถึงที่สุดเข้าถึงที่สุดไป แต่คุณหมอก็ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวภรรยาของเด็ก ก็ได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่าให้รักษาเต็มที่ แต่ท้ายสุดเค้าปฏิเสธการรักษา ก็ไม่เป็นไร
และหากอยากจะมารับโทรศัพท์ ก็มาโทรศัพท์ก็มารับ สำหรับตนเองคุ้มค่าแล้ว เพราะสังคมจะได้รู้ว่าการสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลเป็นสิ่งต้องห้าม ส่วนค่าปรับไม่เอาแล้ว
ล่าสุดแม่เด็ก14 ปี เดินทางไปขอรับทรัพย์สินคืน แต่กลับเจอเรื่องช็อกกว่าเดิม
เพราะ นอกจากเสื้อผ้า โทรศัพท์แล้ว กลับพบ ผงสีขาวในกระเป๋าของเด็ก พร้อมกับหลอดอันเล็กๆ 1 อัน
เมื่อเวลา 15.00 น. แม่ของเด็กชายวัย 14 ปี พร้อมด้วย มูลนิธิวินวิน นายชยพล สท้อนดี สส.เขตหลักสี่-จตุจักร และนางสาวภัสริน รามวงศ์ สส.เขตดุสิตบางซื่อ พรรคก้าวไกล เพื่อมาจ่ายค่าปรับและรับเสื้อผ้า โทรศัพท์คืน ทันทีที่เดินทางมาที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ก็มีเจ้าหน้าที่มาเชิญขึ้นไปที่สำนักงาน ชั้น 8 เพื่อรับทรัพย์สิน โทรศัพท์ และ เสื้อผ้าของเด็กชายวัย 14 ปี คืน โดยอนุญาตให้เฉพาะแม่ และเจ้าหน้าที่วินวิน รวมถึง สส.ขึ้นไปเท่านั้น
โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิวินวิน ส่งคลิปภาพขณะเปิดถุงมาให้ทีมข่าว พบว่าพอเปิดถุงที่เก็บทรัพย์สินจองเด็ก14ไว้นั้น นอกจากเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ ยังพบถุงซิปล็อกขนาดเล็ก ด้านในบรรจุผงสีขาว 1ถุง หลอดขนาดเล็ก 1 อัน และ ไฟแช็ก อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งไม่ทราบว่าผงสีขาวที่บรรจุในถุงนั้นคืออะไร หละงจากนี้ทางรพ.จึงได้ประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบต่อไปโดยยังคงให้แม่เด็ก14 รออยู่ด้วย
โดยทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ในถุงพลาสติกสีน้ำเงิน มีเจ้าหน้าที่เอามา ก่อนที่จะค่อยๆ ตรวจทรัพย์สิน ซึ่งมีทั้งเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ รองเท้า
โดยระหว่างนั้น ปรากฏว่า ยังมีของบางส่วนที่ยังอยู่ในถุงพลาสติก ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ร่วมตรวจสอบ จึงถามว่า ยังมีอะไรอยู่อีกในถุง จึงเทถุงออกมา
ปรากฏว่ามีไฟแช็ค หลอดตัด ขนาดเล็ก และ ผงสีขาวต้องสงสัยที่อยู่ในถุงซิปล็อกใส ทำให้ทุกคนที่ขึ้นไปต่างตกใจ และพยายามสอบถามว่าเป็นของใคร
เบื้องต้น จึงมีคนบอกว่า สามารถตรวจลายนิ้วมือ หรือ ดีเอ็นเอได้ ซึ่งในคลิปวีดีโอ ตอนที่เก็บเสื้อผ้าเด็กไว้หรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ยืนยันว่ามีกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาล
ทั้งนี้ทางแม่ของเด็กจึงยังไม่ได้มีการรับทรัพย์สินคืน และทางโรงพยาบาลจึงได้ประสานไปที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้มาตรวจสอบว่าวัตถุที่อยู่ในถุงซิปล็อกคืออะไร
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางมาเก็บทรัพย์สินดังกล่าวไป เพื่อนำไปส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการนำไปตรวจพิสูจน์
จากนั้น แม่เด็กวัย 14 ปี ได้ลงมาจากอาคารสำนักงาน พร้อมยอมรับว่า ตกใจที่เห็นถุงซิปล็อกที่มีผงสีขาวอยู่ในถุงเสื้อผ้าของลูก ซึ่งตอนแรกยังไม่เห็น แต่พอเทถุงแล้วพบว่าเจออยู่ในก้นถุง ซึ่งยังไม่รู้ว่าคืออะไร ตอนนี้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ส่วนตัวยังไม่ได้คุยกับลูกชาย แต่ถ้าหลังจากนี้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นยลเสพติด หรือ ของลูกชาย ก็จะพาไปตรวจหาสารเสพติด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาลูกชายเคยมีประวัติเสพสารเสพติดหรือไม่ แม่บอกว่าไม่รู้เลย และถ้าผลตรวจออกมาว่าลูกชายเสพสารเสพติด ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย