สังคม

เปิดใจผู้ดูแลโรงแรม ยันไม่ได้จ้างทำ 'ครูกายแก้ว' แต่ให้ 'อาจารย์หน่อย' เจ้าของรูปปั้น เช่าพื้นที่ให้คนไหว้บูชา

โดย weerawit_c

19 ส.ค. 2566

13.5K views

บรรยากาศบริเวณบาร์ซ่ารัชดาซึ่งเป็นจุดที่ตั้งรูปปั้นครูกายแก้วพบว่าตั้งแต่มีกระแสข่าวการไม่พอใจเกี่ยวกับรูปปั้นครูกายที่มาตั้งบริเวณนี้ส่งผลกระทบให้เกิดความหวัดกลัวและผวาเนื่องจากรูปลักษณ์เป็นลักษณะมีเขี้ยว มีปีก และเล็บแดงยาว ทำให้กระแสสังคมเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม


ล่าสุดทีมข่าวได้ พูดคุยกับนายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการประธานกรรมการบริหาร เป็นตัวแทนผู้บริหารโรงแรมเดอะบาซาร์ เล่าว่า พื้นที่นี้เราเป็นเจ้าของร่วมกับการรถไฟ เพราะเราเช่าพื้นที่การรถไฟจุดประสงค์ของการนำครูกายแก้วมาที่โรงแรมแห่งนี้นั้นเริ่มจากโรงแรมประสบปัญหา ตั้งแต่ช่วงโควิดที่ไม่มีลูกค้าจนจะต้องเกือบเข้าสู่แผนฟื้นฟูจากนั้นเจ้าของโรงแรมได้รู้จักกับอาจารย์หน่อย เป็นผู้ดูฮวงจุ้ย จึงปรึกษาให้มาดูฮวงจุ้ยที่โรงแรมว่าเป็นอย่างไร


จนกระทั่งอาจารย์หน่อย ให้ปรับเปลี่ยนจุดใดบ้างและขอเช่าพื้นที่บริเวณลานด้านหน้าเพื่อที่จะเป็นจุดตั้งรูปปั้นโดยทำสัญญาเช่าพื้นที่ดังกล่าวจำนวน 20 ปี


จากนั้น ทุกคนมารู้เรื่องครูกายแก้วก็วันที่นำครูกายแก้วมาที่หน้าโรงแรมและเกิดเหตุการณ์ติดทางลอดใต้สะพาน ทุกคนไม่มีใครรู้ประวัติ จนกระทั่งอาจารย์หน่อยเล่าให้ฟัง


กรณีที่เกิดขึ้นนั้นหลายคนมองว่ารูปปั้นครูกายแก้วน่ากลัวแท้จริงนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแต่ครูกายแก้วคือ นกการเวกที่บำเพ็ญเพียรแล้ว กลายร่างเป็นมนุษย์แต่ยังคงหลงเหลือร่างของนก คือมีปีกมีเล็บยาวดังนั้นของเซ่นไหว้ครูกายแก้วก็เป็นพวกของหวาน น้ำผึ้ง ธัญพืช ผลไม้ ไม่ใช่เลือดจากสัตว์หรือสิ่งมีชีวิต


และตั้งแต่มีครูกายแก้วมาตั้งไว้ที่หน้าโรงแรม ก็เกิดความแปลกประหลาดไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่จากเดิมที่โรงแรมเคยมีปัญหาก็กลายเป็นตอนนี้โรงแรมถูกจองเต็มจากนักท่องเที่ยวจนถึงสิ้นปีร้านค้าต่างๆก็กลับมาขายของได้ตามปกติ


และเมื่อเกิดปัญหา ของครูกายแก้ว ทางผู้บริหารได้พูดคุยกันว่าจะมีการ ก่อสร้างจุดปิดกั้นครูกายแก้วบางส่วนเพื่อความสบายใจสำหรับผู้ที่ไม่ชื่นชอบหรือหวาดกลัว โดยจะทำเป็นลักษณะคล้ายกับโดมเพื่อปิดบางส่วนส่วนใครที่ศรัทธาและอยากเข้ามากราบไหว้ก็สามารถเดินเข้ามากราบไหว้ได้ตามปกติ และอยากขอความเป็นธรรมกับสังคมให้มองครูกายแก้ว ไม่ใช่ปีศาจร้ายเพียงแค่รูปร่างหน้าตาไม่ได้เหมือนกับองค์เทพอื่นๆ


หากจะเปรียบเทียบก็ไม่ต่างกันกับความเชื่อที่คนไทยไปกราบไหว้ตามวัดต่างๆที่มีทั้งรูปปั้นอย่างอื่นก็ไม่ได้มีประวัติเล่าขานทางพระพุทธศาสนาเช่นกัน และรูปปั้นคู่กายแก้วนั้นก็ไม่ได้อยู่ในวัดอยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล


จึงขอความเป็นธรรมให้กับครูกายแก้วด้วยและยืนยันว่าจะยังคงนำรูปปั้นครูกายแก้วไว้ที่แห่งนี้ต่อไป แต่จะแก้ไขให้เหมาะสมตามคำร้องเรียน


นอกจากนี้คุณชาลียังกล่าวว่าอาจารย์หน่อยได้เตรียมรวบรวมหลักฐานกับกลุ่มโซเชียลที่กล่าวหาว่าต้องนำสัตว์เลี้ยงทั้งหมาแมวหรือสัตว์ต่างๆที่วางยาสลบแล้วมาไหว้บูชาครูกายแก้วนั้นไม่เป็นความจริงขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลและเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย


วันนี้ กทม.มาพูดคุยหารือจึงได้ข้อสรุปว่าเราควรจะเอาใจทั้งสองฝ่ายสำหรับคนที่ชื่นชอบและไม่ชอบโดยจะมีการแก้ปัญหาด้วยการทำโดมคลุมเพื่อปิดกั้นให้เฉพาะคนที่ชอบและศรัทธาเข้ามาสักการะ สร้างเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพมหานครเพื่อหาทางออกของทั้งสองฝ่าย ทางโรงแรมยอมถอยและน้อมรับฟัง


ทั้งนี้ เหล่าศิลปินยังขอแสดงเจตนารมณ์ในช่วงท้ายยืนยันว่าหากมีความเป็นได้ไปได้อยากให้นำรูปปั้นครูกายแก้วออกไปจากพื้นที่ใจกลางกรุง เนื่องจากหวั่นเรื่องทุนนิยมพี่อาจจะตามมาในอนาคต


ต่อมาช่วงเย็น กลุ่มสภาศิลปินส่งเสริมพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวที่โรงแรมพร้อมเปิดเผยข้อมูลว่าการแถลงข่าวนั้นไม่ได้ต้องการลบหลู่หรือทำลายครูกายแก้ว แต่ต้องการดึงสติสังคมไทยให้กลับมามองว่า ครูกายแก้วเป็นใครหลายคนสงสัยว่าครูกายแก้วนั้นเป็นอสุรเทพดังนั้นสุรเทพสมควรกราบไหว้บูชาหรือไม่ จากประวัติศาสที่เคยมีมาก็ไม่พบประวัติของครูกายแก้วปรากฏหน่อยตามกระแสข่าวที่อ้างว่ามีประวัติปรากฏในพระเจ้าวรมัน 7 ก็ไม่เป็นความจริง

ดังนั้นจึงขอให้เจ้าของจัดดูแลพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดความงมงาย ทำให้ประชาชนสับสน ทั้งที่จริงประเทศไทยมีเทพหลายองค์ ที่ตามประวัติศาสของพุทธศาสนาหากจะนำมาให้ประชาชนกราบไหว้ก็ควรจะนำเทพเหล่านี้มามากกว่ารูปปั้นคู่กายแก้วเพราะไม่รู้ว่าคืออะไรที่มาที่ไปเป็นอย่างไร และขอเสนอข้อเรียกร้องไปยังเจ้าของโรงแรมและผู้เกี่ยวข้องกับครูกายแก้ว 3 ข้อ


1.ไม่ให้คนสักการะบูชา อาจะทำเป็นรูปปั้น ที่แสดงประวัติตามความเชื่อ แต่มิใช่เปิดให้สักการะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์กลางเมือง แบบนี้

2.หากเป็นไปได้ จะเคลื่อนย้าย ออกไปให้พ้นในพื้นที่

3.ถ้าไม่สามารถดำเนินการได้ ทั้ง 2 ข้อ สมควรจัดพิธีบวงสรวงขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัย และพรหมเทวดาชั้นสูง มี ท้าวมหาราชทั้งสี่ และไม่เน้นการบูชารูปปั้นนี้ต่อไป


โดยนิมนต์พระสงฆ์มาสวดภาณยักษ์ ฯลฯ จะทำให้บรรดาภูตผี หรือสิ่งไม่ดี ที่มาสิงสถิตในรูปปั้นนี้ หลีกทางออกไปด้วยพุทธคุณ


ทางกลุ่มศิลปินส่งเสริมพุทธศาสนา คกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้นมองว่าไม่เหมาะสมไม่ว่าจะเหตุผลใดควรย้ายครูกายแก้วออกนอกพื้นที่ เนื่องจากขัดกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและไม่มีความเหมาะสม ถ้าหากประดิษฐานร่วมกับบรรดาเทพองค์อื่นๆ ที่เคารพบูชา ในละแวกแยกรัชดา-ลาดพร้าว และเพื่อความสบายใจ คลายความวิตกกังวลของประชาชน


ด้านนายชาลี ตอบว่า หลังเกิดเรื่องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ กับความไม่สบายใจของชาวบ้านบางส่วน แต่ทางผู้จัดทำรูปปั้นครูกายแก้ว ได้มาทำสัญญาเช่าพื้นที่ เพื่อนำครูกายแก้วมาตั้งให้คนที่เคารพศรัทธาไหว้ และครูกายแก้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของศาสนา แต่เป็นความศรัทธาของแต่ละบุคคล


อีกทั้งพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลหากคนที่ศรัทธาจะเข้ามากราบไหว้ก็เดินเข้ามาได้แต่คนที่ไม่ศรัทธาก็ไม่ต้องเดินเข้ามาก็เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลดังนั้นจึงไม่สามารถย้ายครูกายแก้วออกไปจากจุดนี้ได้


แต่สิ่งหนึ่งที่ตนอยากจะบอกว่าตอนนี้ประชาชนให้ความสนใจเดินทางมาชมที่นี่กันเป็นจำนวนมาก ยอดจองโรงแรมดีขึ้น ส่วนเรื่องผิดศาสนานั้นอาจารย์ที่ทำครูไกรแก้วได้ออกมาบอกแล้วว่าไม่ใช่เรื่องของศาสนาพุทธแต่เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล หากมองว่าจุดนี้เป็นปัญหาก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูในจุดอื่นๆเช่นวัด ที่ยังมีการไหว้รูปปั้นอื่นๆเช่น ไอ้ไข่ หรือพญานาค ครึ่งทางโรงแรมไม่ได้เพิกเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้น


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/DDZPTq4DMiQ

คุณอาจสนใจ

Related News