เครือข่ายปชช.ใส่ชุดดำ ร้องเคารพฉันทามติ กดดันตั้งรบ. 8 พรรค

เครือข่ายประชาชน Respect My Vote นัดรวมตัวใส่ชุดดำชุมนุมแสดงพลัง ย้ำจุดยืนและส่งเสียงถึงสมาชิกวุฒิสภา และผู้มีอำนาจ ให้เคารพเสียงของประชาชน บอกว่า เนื่องจากการเลือกตั้งผ่านไปแล้วเกือบ 3 เดือน แต่ประเทศไทยยังคงไม่มีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ มีการเลื่อนประชุมสภาออกไป จึงเกิดข้อสงสัยว่าเป็นการสร้างเงื่อนไข มีดีลลับ กดเพดานนโยบายให้ลดต่ำลง เพื่อไม่ให้อำนาจอธิปไตยกลับคืนสู่ปวงชนหรือไม่



การชุมนุมนำโดย คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.), แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ, กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG), 24 มิถุนาประชาธิปไตย และทะลุแก๊ซ บรรยากาศการชุมนุมของภาคีเครือข่ายภาคประชาชน หัวข้อ นายกฯก็ไม่มี สว.ก็ไม่ทำงาน ดีลลับพรรคการเมือง สว.เห็นหัวกูบ้าง



มีการพ่นสีแดงบนถนนแสดงความไม่พอใจต่อสมาชิกวุฒิสภา และมีการปราศรัยของแกนนำจากกลุ่มต่างๆ โจมตีการทำหน้าที่ของ สว. ที่ไม่โหวตนายกฯ ตามฉันทามติของประชาชน รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์องค์กรอิสระ รวมถึงกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย และพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ได้รับมอบหมายจาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ให้ไปรวมเสียงเพิ่มเติมจาก สส. และ สว. จากกระแสข่าวเรื่องการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง และมีการนำป้ายข้อความถึงความต้องการประชาธิปไตย



นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยให้นักกิจกรรมห้อยตัวลงมาจากสะพานลอยด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเวิลด์ และนำน้ำแดงมาเทใส่ตัว เพื่อแสดงเป็นเลือด เพื่อสะท้อนถึงการเสียชีวิตของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 และโปรยกระดาษที่มีชื่อของสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง



ทางด้านนายสมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) หลังการขึ้นเวทีปราศรัยแล้ว ก็มีการอ่านจดหมายเปิดผนึก ถึงพรรคเพื่อไทย ขอให้ยึดมั่นฉันทามติของประชาชนจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคให้สำเร็จ โดยระบุว่า "ปรากฏการณ์หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 คือการแสดงออกซึ่งฉันทามติของประชาชน ที่มีเจตนาให้พรรคการเมืองที่ยึดมั่นต่อแนวทางการปกปครองในระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้า และหลุดพ้นจากยุคอำนาจนิยมภายใต้คราบเงาของเผด็จการทหาร



และมีข้อเรียกร้องให้พรรคการเมืองและ สว.จะต้องหยุดสร้างเงื่อนไขและเบี่ยงเจตนาการเสนอนโยบายเรื่องการแก้ไขประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 112 ว่าเป็นแนวคิดที่ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเป็นที่ทราบกันดีกว่าเป็นเพียงข้อเสนอที่ต้องการใช้รัฐสภาเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ และเป็นการรักษาไว้ซึ่งพระราชอำนาจและพระเกียรติของพระบรมวงศานุวงศ์ให้คงอยู่กับการเมืองไทยได้อย่างสง่างาม และไม่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง



และขอให้พรรคเพื่อไทย ยืนหยัดการจัดตั้งรัฐบาลร่วมทั้ง 8 พรรคเดิม ตามที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้ และอย่าหวั่นไหวต่อแรงกดดันใด ๆ ในขณะนี้ ซึ่งเชื่อว่าหนทางนี้เท่านั้นที่จะนำพาประเทศนี้ไปสู่ทางออกที่ดีกว่าได้ โดยการชุมนุม ยุติไปเมื่อ 4ทุ่มที่ผ่านมา