เลือกตั้งและการเมือง

เปิดนโยบายรัฐบาล 'เศรษฐา' เน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผ่านประชาธิปไตยที่กินได้

โดย panwilai_c

6 ก.ย. 2566

218 views

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เตตรียมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 11 กันยายนนี้ โดยสาระสำคัญจะเน้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่นเงินดิจิทัล 10,000 บาท การเปิดภาคการท่องเที่ยวผ่านฟรีวีซ่า การเปิดเสรีการค้า FTA ผ่านบทบาทการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก รวมถึงการฟื้นนโยบายที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่พรรคไทยรักไทย เช่น การกระจายอำนาจผ่านผู้ว่า CEO และยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค โดยเลขาธิการนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ย้ำว่าแม้หลายนโยบายไม่ได้อยู่ในคำแถลงแต่เป็นยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลจะสร้างนโยบายผ่านประชาธิปไตยที่กินได้



จากเอกสารคำแถลงนโยบายรัฐบาล ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลนี้จะขับเคลื่อนนโยบายเพื่อให้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด โรคอุบัติใหม่และภัยพิบัติ ภายใต้หลักการนโยบายที่จะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่งเสริมสถานบันศาสนา สร้างความพร้อมในอนาคตให้คนไทยทุกคน



โดยกรอบระยะสั้น รัฐบาลจะกรุตั้นการใช้จ่ายให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตอย่างเร่งด่วน ส่วนกรอบระยะกลางและระยะยาว จะสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ เช่น นโยบายเติมเงิน 10,000 บาท จะจุดชนวนเศรฐกิจให้ฟื้นตัว และวางรากฐานเศรษฐกิจดิจทัลเข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ พร้อมด้วยมาตรการรองรับ เช่นการแ้กปัญหาหนี้สินเกษตรกร และผลักดันรายได้การท่องเที่ยว อำนวยความสะดวกเช่นการยกเว้นค่าทำเนียมวีซ่า การเปิด fast track visa สำหรับนักท่องเที่ยวบางประเภท แฃะการเพิ่มเที่ยวบินต่างๆ



ส่วนนโยบายเร่งด่วนสุดท้ายจะแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 ที่จะหารือในการทำประชามติจากประชาชนทุกภาคส่วน แต่ยังยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่แก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์



นายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการแต่งตั้งในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษวันนี้ เปิดเผยว่า คำแถลงนโยบายรัฐบาล ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลจะขับเคลื่อน จึงอาจไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่ทั้งหมดเป็นกรอบทำงานที่รัฐบาลจะทำงานร่วมกัน จะเห็นว่าเน้นการสร้างประชาธิปไตยที่กินได้



ในคำแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรี ยังย้ำไปที่การคืนศักดิ์ศรีของคนไทย ผ่านการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เน้นเปิดประตูการค้า เช่นการเจรจากรอบความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศ หรือ FTA การยกระดับพาสปอร์ตไทยให้เดินทางได้หลายประเทศ รวมถึงการจัดทำ Matching Fund ที่ลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐบาลและเอกชน รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าชายแดน และนโยบายด้านการเกษตร ที่สร้างนวัตกรรมการผลิต และการกระจายอำนาจในรูปแบบผู้ว่า CEO และการผลักดันเศรษฐกิจฐานรากผ่าน Soft power ให้มี 1 ครอบครัว 1 Soft power รวมถึงการปราบปรามยาเสพติด ที่เน้นทั้งการฟื้นฟู ปราบปราม และยึดทรัพย์



ขณะที่นโยบายสาธารณสุข มีแนวทางนโยบายการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ เพื่อสร้างมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจ และจะยกระดับ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค



ส่วนนโยบายสังคม พบว่า รัฐบาลจะให้ความเท่าเทียมกับคนทุกกลุ่ม และให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม ด้วย สวัสดิการโดยรัฐ และผลักดันกฏหมายสนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่ม ขณะที่บทบาทไทยในเวทีโลก รัฐบาลจะเน้นการทูตแบบสมดุล กระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ไม่ละเลิยการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ควบคู่การสร้างสันติภาพและปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมถึงสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality ให้ไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ

คุณอาจสนใจ

Related News