ผบก.ปปป.รับ 'บิ๊กสรรพสามิต' โทรเคลียร์รถน้ำมันเถื่อนจริง สั่งสอบด่วน

อีก 1 กรณีที่กำลังเป็นประเด็นร้อนของตำรวจทางหลวงเช่นกัน คือ การสกัดจับรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ปรากฏว่ามีสายโทรศัพท์ปริศนา อ้างว่าเป็น "เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมสรรพสามิต" วันนี้ผู้บังคับการ ปปป. ยอมรับ มีโทรเคลีย์จริง แต่จะเป็นใครต้องรอตรวจสอบ



ปฏิบัติการจับรถขนน้ำมันเถื่อน เกิดขึ้นช่วงเย็นวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากตำรวจทางหลวง กองกำกับการ 2 ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีรถบรรทุกน้ำมันลอบขนเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ทางใต้ของไทย เข้ามายังกรุงเทพมหานคร เพื่อขายน้ำมันเหล่านี้ตามปั๊มต่างๆ จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตประจวบคีรีขันธ์ สกัดจับรถบรรทุกคันนี้ได้ที่ ถนนเพชรเกษม กิโลเมตรที่ 308 ขาเข้า ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อตรวจสอบพบว่าภายในบรรจุน้ำมันดีเซล น้ำหนักมากถึง 15,000 ลิตร แต่ไม่มีเอกสารกำกับการขนส่ง และไม่มีเอกสารผ่านการตรวจสอบน้ำหนัก จึงแจ้งข้อหากับ นาย สมบัติ คนขับรถบรรทุกน้ำมัน ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษี ตาม พ.ร.บ.สรรสามิต พ.ศ.2560



แต่ระหว่างที่ทำการตรวจยึด ปรากฎว่า มีสายโทรศัพท์ปริศนาโทรเข้ามายังเจ้าหน้าที่สรรพสามิตที่ร่วมจับกุม แล้วอ้างตัวว่า เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมสรรพสามิต ขอเคลียร์กับตำรวจชุดจับกุม ขอให้ปล่อยรถบรรทุกคันดังกล่าว อ้างว่าเป็นของพรรคพวกกัน แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธไปก่อนจะรายงานไปยัง รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง



วันนี้ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ก็ยอมรับว่า มีบุคคลที่อ้างว่าเป็นข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพสามิตโทรมาเคลียร์กับตำรวจชุดจับกุมที่อยู่หน้างานจริง แม้ชุดจับจะปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายก็พยายามที่จะให้เปิดไฟเขียวให้ได้ และพยายามติดต่อมาที่ผู้การฯ จึงได้ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า "ไม่เคลียร์" แต่บุคคลที่โทรมาจะเป็นข้าราชการจริง หรือเป็นการแอบอ้างต้องตรวจพิสูจน์อีกครั้ง ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว



ผู้บังคับการ ยังบอกด้วยว่า เรื่องของน้ำมันเถื่อน เป็นขบวนการใหญ่ที่มีผลประโยชน์มหาศาล และเกี่ยวข้องกับทุกองค์กร รวมถึงผู้ประกอบการรายใหญ่ของส่วยรถบรรทุก การจะปราบวงจรอุบาทว์นี้ทั้งหมด ต้องปราบข้าราชการใหญ่ด้วย และใครที่เข้าไปยุ่ง "ควรเลิกพฤติกรรม" และขอเตือนว่า ยุคนี้ "ตำรวจทางหลวง" เป็นผลไม้พิษ กินไปอาจป่วยหรือตาย เพราะฉะนั้น "อย่ากิน"



ขณะที่อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยสอบใน 2 ประเด็น คือ ผู้โทรศัพท์มาขอเจรจาเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพสามิตจริงหรือไม่ และน้ำมันดังกล่าวเป็น "น้ำมันเถื่อน" หรือน้ำมันที่ขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต

https://youtu.be/V5GLX1CTFHE