'อาเซียน' เตือนจับตาวิกฤตแบงก์ในสหรัฐฯ หวั่นลามถึงเอเชีย หุ้นสหรัฐฯยังร่วงต่อผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ยวันนี้

ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศคู่เจรจา อีก 3 ประเทศ คือญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน หรืออาเซียนบวก 3 ได้เปิดการหารือกันที่กรุงโซล เกาหลีใต้ โดยที่ประชุมได้ออกโรงเตือนให้ประเทศอาเซียน และเอเชีย ต้องจับตาสถานการณ์วิกฤตธนาคารอย่างใกล้ชิด หวั่นว่าวิกฤตดังกล่าวจะลุกลามเข้าสู่ภาคการเงิน และธนาคารของเอเชียได้


เพอร์รี วาร์จิโย รัฐมนตรีคลังอินโดนีเซีย กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียจะต้องจับตากับความเสี่ยงนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจจะเกิดความเสี่ยงทางด้นการเงินกับสถาบันการเงิน โดยเฉพาะกลุ่ม นอน-แบงก์ แต่กระนั้นในขณะนี้ยังถือว่าสถานการณ์ทางการเงินของภูมิภาคยังคงมีเสถียรภาพอยู่


กระนั้นทางด้าน คาซูโอะ อูอิดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวว่า ความเสี่ยงจากวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ ต่อเอเชียนั้น ถือว่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก


ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในสหรัฐฯ หลังจากที่ ธนาคารเฟิร์สรีพับลิก แบงก์ (เอฟอาร์บี) ถูกเข้ายึดกิจการ และถูกขายให้กับธนาคารเจพี มอร์แกน เชส ไปเป็นธนาคารแห่งที่ 3 ที่ล้มลงนั้น ปรากฏว่าตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ยังคงผันผวนหนักกับวิกฤตที่เกิดขึ้น โดยเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลงไปถึง 367017 จุด หรือ -1.08% ลงไปปิดที่ 33,684.53 จุด เอสแอนด์พี 500 ลบไป 1.16% ปิดที่ 4,119.58 จุด และแนสแดก ลบไป 1.08% ปิดที่ 12,080.51 จุด


โดยนักลงทุนหวั่นเกรงว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งหลังการประชุมในวันนี้ โดยจะขึ้นอีก 0.25% ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 5%-5.25% ซึ่งผลจากการขึ้นดอกเบี้ยนี่เองที่ทำให้ธนาคารขนาดกลางในสหรัฐฯหลายแห่ง ต้องต้องประสบปัญหาขาดทุนเนื่องจากถือครองพันธบัตรรัฐบาลไว้มากเกินไป ซึ่งเมื่อดอกเบี้ยปรับขึ้นก็ทำให้ผลตอบแทนของพันธบัตรเหล่านี้ปรับลดลงสวนทางดอกเบี้ยนั่นเอง