สังคม

ผู้โดยสารยันไม่ได้ทะเลาะแท็กซี่ก่อนพุ่งชนกำแพง - ลูกชายเผย พ่อเป็นโรคกล้ามเนื้อเกร็ง 2 ปี

โดย parichat_p

1 พ.ค. 2566

79 views

ผู้โดยสารที่นั่งแท็กซี่แล้วแท็กซี่พุ่งชนกำแพงบ้านที่ย่านห้วยขวาง ยันไม่ได้ทะเลาะกับแท็กซี่ โดยก่อนพุ่งชนแพง แท็กซี่หันมาบอกขอโทษครับแล้วชักเกร็ง / ขณะที่ลูกชายคนขับแท็กซี่ ยันพ่อป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อเกร็งที่มือขวามา 2 ปีแล้ว เคยขอให้ห้ามขับแท็กซี่แต่พ่อไม่ทำตามเพราะต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัว


จากเหตุการณ์ รถแท็กซี่โตโยต้า อัลติช เลขทะเบียนรถ 1 มข 2502 พุ่งชนกำแพงบ้านหลังหนึ่ง บริเวณสามแยกประชาราษฎร์บำเพ็ญ ใกล้เคียงสำนักงานเขตห้วยขวาง


จนเกิดไฟลุกไหม้บริเวณกระโปรงหน้ารถ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็สามารถดับเพลิงได้ เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือนายวิสุทธิ์ นิติกุล อายุ 50 ปี โชว์เฟอร์แท็กซี่ และนางสาววรรณวิภา คงสุข ผู้โดยสาร อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเพชรเวช


ทีมข่าวช่อง 3 ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบว่าร่องรอยกำแพงที่ถูกรถแท็กซี่พุ่งชนเสียหายยาวกว่าเกือบ 10 เมตร และบริเวณถนนยังปรากฎรอยเบรกรถอยู่ ซึ่งทางเจ้าของบ้านต้องให้ช่างนำมุ้งเขียวมาขึงกั้นชั่วคราว จากการสังเกตุพบว่าบริเวณสามแยกดังกล่าวไม่มีสัญญาณไฟจราจร


ทีมข่าวช่อง 3 ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนางสาววรรณวิภา ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าได้เรียกรถแท็กซี่จากถนนข้าวสาร เพื่อไปส่งที่บ้านแถวลาดพร้าว 80 โดยระหว่างทางไม่ได้มีการพูดคุยอะไรใด ๆ กัน ตนก็นั่งเล่นโทรศัพท์แชทพูดคุยกับเพื่อน


พอมาถึงถนนรัชดาภิเษกคนขับแท็กซี่บอกว่าจะเลี้ยวเข้าเส้นประชาราษฎร์บำเพ็ญเพราะเป็นทางลัด ตนก็โอเค / เมื่อแท็กซี่ขับมาตามทางจนถึงบริเวณสามแยก คนขับแท็กซี่หันมาบอกว่า "ขอโทษนะครับผู้โดยสาร" แล้วก็เกิดอาการชักเกร็งกล้ามเนื้อขึ้นมาทันที


ตนตกใจอย่างมากถามว่าเป็นอะไรแต่คนขับแท็กซี่ก็ไม่ได้โต้ตอบ // และปรากฎว่ารถได้เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ / ตนพยายามจะเปิดกระจกเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ทันและรถได้พุ่งชนกำแพงบ้าน


ตนมาจำได้อีกทีก็เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านมารุมล้อมมาให้ความช่วยเหลือ และรีบนำตนส่งโรงพยาบาล / โดยตนมีอาการมึนศีรษะ เวียนหัว และเลือดออกจมูก ขณะนี้ยังต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลและรอผลเอกซเรย์สมอง ยืนยันว่า ตนกับคนขับรถแท็กซี่ไม่ได้ทะเลาะกันตามที่ปรากฏในกระแสข่าว และคนขับแท็กซี่ไม่ได้มีท่าทีเมาเหล้าหรือได้กลิ่นสุราแต่อย่างใด


โดยทางแฟนของตนก็ได้เรียกร้องให้พนักงานสอบสวนตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดของคนขับรถแท็กซี่แล้วเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ยอมรับว่ารู้สึกคาใจว่า หากคนที่ป่วยมีอาการโรคกล้ามเนื้อเกร็ง ทำไมถึงขับแท็กซี่ได้ / พร้อมทั้งฝากเป็นอุทาหรณ์ไว้ว่า หากรู้ว่ามีอาการป่วยด้านกล้ามเนื้อ ก็ไม่ควรมาขับรถแท็กซี่


ทีมข่าวช่อง 3 ได้พูดคุยกับลูกชายของนายวิสุทธิ์ คนขับแท็กซี่ ยืนยันว่า พ่อมีอาการ ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อเกร็งที่บริเวณมือขวามาได้ประมาณ 1-2 ปีแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ ที่ผ่านมาก็เคยพยายามเตือนพ่อไม่ให้ออกมาขับรถแท็กซี่ แต่เนื่องจากความจำเป็นที่ต้องหารายได้ให้ครอบครัว พ่อจึงยังคง ออกมาขับแท็กซี่


โดยจากการพูดคุยกับคุณพ่อเบื้องต้นระบุว่า พ่อมีอาการเกร็งที่มือขวา แล้วก็ลามมายังขาข้างขวา ก่อนที่จะเกิดอาการเกร็งกล้ามเนื้อมายังซีกซ้ายของร่างกาย จนไม่สามารถควบคุมอวัยวะได้ ซึ่งคุณพ่อได้พยายามที่จะหยุดรถ แต่ ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้แล้ว เหมือนเป็นอัมพาต หลังจากนี้คงจะห้ามไม่ให้พ่อออกมาขับรถแท็กซี่ เพื่อความปลอดภัย


ขณะที่ตำรวจ สน.ห้วยขวางบอกว่าจากการสอบปากคำคนขับรถแท็กซี่ไม่พบว่ามึนเมาหรือดื่มสุรา / โดยตัวคนขับรถแท็กซี่ อาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหายและทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ส่วนเจ้าของบ้านที่ถูกรถแท็กซี่พุ่งชนกำแพง ได้มาแจ้งความแล้ว


ทั้งนี้ตามกฎของกรมการขนส่งทางบก จะไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้ถือป่วยชักเกร็งมีขับขี่รถยนต์ได้และไม่สามารถขับรถได้ // แต่ ต้องพิจารณาว่ามีใบขับขี่ก่อนที่จะป่วยหรือเปล่า เพราะการทำใบขับขี่ จะต้องมีใบรับรองแพทย์ ยืนยันว่าไม่ป่วยเป็นโรคต้องห้ามมายื่นต่อเจ้าพนักงานกรมการขนส่งทางบก



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/p_KLah0ZTP8

คุณอาจสนใจ

Related News