นานาชาติเร่งอพยพปชช. ออกจากพื้นที่สู้รบในซูดาน

สถานการณ์การสู้รบในซูดาน โดยล่าสุดหลายชาติเร่งอพยพพลเมืองของตัวเองออกจากซูดาน เนื่องจากกังวลว่าสถานการณ์จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ เริ่มมีรายงานชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บจากการปะทะครั้งนี้แล้ว



การยิงปะทะกันระหว่างกองทัพซูดานและกองกำลัง RSF ช่วงสุดสัปดาห์ยังเป็นไปอย่างดุเดือด แม้ว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงแต่ก็ไม่เป็นผล



โดยจากสถานการณ์ที่ตึงเครียดทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรม ที่ตอนนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 420 คน นับตั้งแต่เริ่มมีการปะทะกันในวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ชาวซูดานหลายล้านคนที่ติดค้างในพื้นที่สู้รบ ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานถูกตัดขาด และเริ่มมีการปล้นสะดมแล้วในเขตอุตสาหกรรม



ส่วนการอพยพเจ้าหน้าที่ทางการทูตและพลเรือนของนานาชาติออกจากซูดาน ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยตอนนี้ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน ได้อพยพเจ้าหน้าที่ทูตและพลเรือนออกจากซูดานแล้ว ส่วนอียิปต์ อินเดีย ไนจีเรีย และลิเบีย กำลังหาทางนำพลเรือนกลับสู่ประเทศเช่นเดียวกัน



ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงว่ากำลังดำเนินการอพยพพลเรือนออกจากซูดาน ซึ่งตามรายงานระบุว่า ปัจจุบัน มีชาวจีนอาศัยอยู่ในซูดานกว่า 1,500 คน โดยโฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีนยืนยันว่าพลเรือนกลุ่มแรกได้รับการอพยพออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว



การอพยพในครั้งนี้มีทั้งการใช้เครื่องบิน, เรือ, และรถบัส ซึ่งการอพยพทางเรือส่วนใหญ่เป็นพลเมืองของประเทศแถบอ่าวเปอร์เซีย โดยอพยพทางทะเลไปยังท่าเรือเจดดาห์ของซาอุดิอาระเบีย



ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ก็มีรถบัสหลายคันที่บรรทุกผู้โดยสารอพยพเดินทางข้ามพรมแดนเข้าไปยังประเทศอียิปต์แล้ว



ล่าสุดเริ่มมีรายงานพลเรือนต่างชาติบาดเจ็บจากการสู้รบของทั้งสองฝ่าย โดยมีชาวฝรั่งเศส 1 คน และ เจ้าหน้าที่สถานทูตอียิปต์อีก 1 คน บาดเจ็บหลังจากขบวนรถของพวกเขาถูกโจมตี นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า มีชาวอิรักเสียชีวิต 1 คน ขณะที่ขบวนรถของกาต้าร์ที่กำลังไปท่าเรือซูดานถูกปล้น ซึ่งกองทัพซูดานกล่าวหาว่า เป็นฝีมือของกองกำลัง RSF



สำหรับสาเหตุของการสู้รบกันในครั้งนี้คาดว่าเกิดจากการแตกคอกันเองช่วงเจรจาถ่ายโอนอำนาจให้พลเรือน หลังจากที่ กองทัพซูดานกับกองกำลังกึ่งทหาร RSF เคยร่วมกันก่อรัฐประหารปี พ.ศ. 2564 มาด้วยกัน โดยในข้อตลงของการถ่ายโอนอำนาจ ระบุว่า กองกำลังทั้งสองจะต้องรวมตัวกัน ซึ่งคาดว่ากองทัพซูดานและกองกำลัง RSF ยังไม่สามารถตกลงกันในเรื่องนี้ได้