น.ศ.ไทยในซูดานกลุ่มแรก ถึงบ้านเกิดแล้ว โผกอดครอบครัวหลังเจอเรื่องเลวร้าย

จากสถานการณ์สงครามกลางเมือง ระหว่างกองทัพซูดาน และกองกำลังติดอาวุธ ณ กรุงคาร์ทูม สาธารณรัฐซูดาน ส่งผลต่อพลเรือนคนไทยและนักศึกษาไทยมุสลิมที่ศึกษาในประเทศ ทำให้รัฐบาลไทย และรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ทำการเข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายน้องนักศึกษาทันที โดยให้น้องนักศึกษาขึ้นเรือออกจากเมืองซูดาน จากนั้นขึ้นเครื่องเดินทางไปยังซาอุดิอาระเบีย ก่อนขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับประเทศไทย โดยมาถึงไทยเมื่อคืนที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่สนามบินบ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักศึกษาไทยที่ศึกษาที่ซูดานจะได้เดินทางมาถึงรอบแรก โดยจะมีนักศึกษาที่มีภูมิลำเนา ที่อยู่จังหวัด ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา สตูล นครศรีธรรมราช และพัทลุง รวมแล้ว 62 คนจะได้เดินทางมาถึงสนามบินบ่อทอง ด้วยเครื่องบิน C 130 ของกองทัพอากาศ

โดยเครื่องบินได้ลงจอดในเวลา 11.40 น. โดยมี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. และ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางมาต้อนรับกลุ่มนักศึกษาด้วยตนเองที่สนามบินบ่อทอง พร้อมทั้งมอบดอกกุหลาบให้กับกลุ่มนักศึกษาที่เดินทางมาถึงยังสถานบินทันที ที่เครื่องลงจอด

และต่างทยอยเดินลงมาจากเครื่องบินพร้อมสัมภาระที่ติดตัว ก่อนที่จะเดินทางไปยังรถบัสที่จอดรอไว้เพื่อเดินทางไปยัง สโมสรนายทหารสัญญาบัตร ภายในกองพลทหารราบที่ 15 ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมสถานที่ เพื่อให้กลุ่มนักศึกษาได้พบกับครอบครัวที่มารอต้อนรับ ซึ่งโดยทันทีที่นักศึกษามาถึงสโมสรดังกล่าวต่างเดินเข้าสวมกอดกับพ่อและแม่และคนในครอบครัว จนน้ำตาไหลออกมาทั้งครอบครัว ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นของความรักที่ได้เจอกันอีกครั้ง หลังจากผ่านเรื่องเลวร้ายมา

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ส่วนเรื่องการศึกษาต่อของกลุ่มนักศึกษาไทยที่เรียนประเทศซูดาน ทางกระทรวงศึกษาธิการและ ศอ.บต. ได้เตรียมการไว้ขั้นต้นว่า จะรอดูสถานการณ์ความรุนแรงของประเทศซูดานว่าจะร้ายแรงขึ้นอีกหรือไม่ ซึ่งหากไม่สามารถกลับไปศึกษาต่อที่ซูดานต่อได้ ก็จะเตรียมการให้กลุ่มนักศึกษาได้ทำการเทียบโอนวิชา กับทางมหาลัยวิทยาลัยในประเทศไทย เพื่อที่จะให้ทางกลุ่มนักศึกษาได้สำเร็จการศึกษาครบทุกขั้นตอน

นายอะหมัด เจะแม หนึ่งในนักศึกษาไทย เปิดเผยว่า จุดที่เกิดการปะทะกันไม่ไกลมาก ได้ยินเสียงปืน ระเบิดตลอดเวลา บางครั้งทุกคนก็ต้องหมอบกับพื้น การใช้ชีวิตอยู่ที่โน้นลำบากมาก อาหารการกิน น้ำดื่มก็มีน้อย อีกทั้งร้านค้าต่างๆพากันปิดหมด ทุกคนต้องอยู่ในบ้านอย่างเดียว ส่วนจะเรียนต่อหรือไม่นั้น ถ้าเหตุการสงบลงก็จะไปเรียนต่อ ถ้ายังไม่สงบก็จะหาที่เรียนมาเทียบโอนที่ไทย รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาประเทศไทยอย่างปลอดภัย ตอนนั้นรู้สึกกลัวมากทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่รัฐบาลไทย และรัฐบาลซาอุดิอาราเบียได้ให้การช่วยเหลือพากลับบ้านในที่สุด ต้องขอขอบคุณมากๆ

นางอัสมะ ดูงอโบด ครอบครัวนักศึกษารายหนึ่ง เปิดเผยว่า ตนก็ค่อยติดต่อหาน้องอยู่ตลอด เพราะเป็นห่วงมาก น้องบอกว่าได้ยินเสียงปืน บางครั้งต้องหาที่หลบ และมีทหารเข้ามา ก็พยายามติดต่อน้องตลอด อยากให้น้องกลับมาให้ได้ จนวันนี้ทางรัฐบาลไทยได้ช่วยเหลือรู้สึกโลงใจมาก เจอครั้งแรกก็สวมกอดน้อง ท่ามกลางน้ำที่ไหลออกมาด้วย ก็ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือน้อง และเด็กไทยทุกคน