กรมโรงงานฯ แจ้งความ บ.เอกอุทัย ลอบทิ้งขยะเคมี จี้ชดใช้ให้ 25 บ.ช่วยขนย้ายสาร

กรณีการลักลอบทิ้งสารเคมี ทั้งที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และในโกดังอำเภอภาชี ตอนนี้ทั้งสองจุดได้ถูกบริหารจัดการ เพื่อไม่ให้ปนเปื้อนแหล่งน้ำธรรมชาติ และนับจากนี้ จะเป็นการเดินหน้าดำเนินคดีผู้กระทำผิด

โดยล่าสุดกรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งความเอาผิดทางแพ่งกับบริษัทเอกอุทัย ในความผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพ สิ่งแวดล้อม เพื่อให้ชดใช้ค่าดำเนินการที่เอกชนกว่า 25 บริษัท มาช่วยขนย้ายสารเคมีที่อยู่นอกโกดัง ให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย



ร่องระบายน้ำสาธารณะที่อยู่ในเขตเทศบาลตำบลภาชี ซึ่งปนเปื้อนกรดแก่ หรือกรดเข้มข้นจากโกดัง ได้ถูกบำบัดเบื้องต้นแล้ว โดยบริษัทเอกชน 25 บริษัทที่อาสามาช่วยแก้ ปัญหาเบื้องต้น ด้วยวิธีนำเครื่องสูบน้ำกากสารเคมี ไปสูบกรดแก่ขึ้นใส่ถัง IBC หรือถึงเบาท์ขนาด 1000 ลิตร แล้วนำกลับไปเก็บไว้ในโกดัง จากนั้นปรับสภาพให้เป็นกลาง ด้วยการโรยปูนขาว แล้วนำดินใหม่มาทำร่องระบายน้ำแทน



นอกจากนี้ บ่อกรดทั้งที่อยู่ด้านหน้าโกดังซึ่งเป็นบ่อดิน และในบ่อซีเมนต์ที่ผู้เช่าลักลอบเทน้ำกรดไว้ ตอนนี้ถูกสูบใส่ถังนำไปเก็บไว้ภายในโกดังเช่นกัน



กรมโรงงานอุตสาหกรรมประเมินว่า ค่าดำเนินการของภาคเอกชนที่อาสามาช่วยครั้งนี้ เป็นเงินรวม 9 แสนบาท ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้แจ้งความทางแพ่ง ต่อบริษัท เอกอุทัยเพิ่มอีก ในความผิดตามพรบ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บริษัทเอกอุทัย ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมมีหลักฐานว่าเป็นผู้เช่า รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ดังกล่าวนี้ด้วย



ส่วนของเสียตกค้างหรือสารเคมีที่เก็บรวบรวมไว้ในโกดัง อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ระหว่างเสนอรายชื่อคณะทำงานระดับจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณา เพื่อผลักดันการแก้ไข โดยเฉพาะการย้ายสารเคมีรวมเกือบ 5 พันตัน ออกจากโกดังในอำเภอภาชี เนื่องจากที่นี่ไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นโรงงงานใด ๆ



สำหรับกรณีบริษัทซันเทค เคมีคอล แอนด์โลจิสติก ในอำเภออุทัย ที่ลักลอบเก็บสารเคมีอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น กรมโรงงานอุตสาหกรรม ส่งหนังสือแจ้งให้ทั้งเจ้า ของที่ดิน ที่บริษัทซันเทคฯ เช่า รวมถึงให้บริษัทซันเทคฯ เข้าให้ข้อมูลต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม แต่ตอนนี้มีเพียงเจ้าของที่ดิน ที่แสดงความประสงค์จะมาให้ข้อมูล หลังช่วงสงกรานต์นี้ โดยข่าว 3 มิติได้ข้อมูลว่ามีตัวบุคคลบางคน ซึ่งอยู่เบื้องหลังการเช่าโกดังที่อำเภอภาชี เกี่ยวข้องกับพื้นที่เก็บสารเคมีของบริษัทซันเทคฯ ด้วย



ในทางคดีตอนนี้ถือว่า กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ได้ร่วมเป็นเจ้าทุกข์แจ้งความดำเนินคดี กับตำรวจปทส.โดยตรง รวม 3 คดี คือกรณีโกดังสารเคมีที่อำเภอภาชี กรณีสารเคมีในบริษัทซันเทค อำเภออุทัย และกรณีพบสารเคมีถูกทิ้ง ในบ่อดิน ที่ตำบลโคกม่วง อำเภอภาชี ที่พบล่าสุด



ขณะที่พลตำรวจตรีวัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจ ปทส. เปิดเผยว่า การสืบสวนคืบหน้าไปมาก แต่ยังรอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอนุมัติการสอบสวน จากนั้นตำรวจ ปทส.จะรวมคดีทั้งกรณีอำเภอภาชี และอำเภออุทัย ให้เป็นสำนวนเดียวกัน รับผิดชอบโดย พนักงานสอบสวนของ ปทส.



สำหรับกรณีการลักลอบทิ้งสารเคมี ในที่ดินเอกชนรายหนึ่ง ใกล้กับสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย ซึ่งข่าว 3 มิติ ติดตามเรื่องนี้มาก่อน จนขยายผลมาพบว่า เป็นกลุ่ม เดียวกันกับกลุ่มสารเคมีที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น ล่าสุด บริษัทเบทเทอร์ เวิล์ดกรีน ได้รับการว่าจ้าง ให้เก็บดินปนเปื้อนสารเคมีที่เป็นกรดรุนแรง นำไปกำจัดทั้งหมดแล้ว



และพนักงานสอบสวนภูธรแก่งคอย อยู่ระหว่างเรียกพนักงานบริษัทเอกอุทัย คนอื่นๆมาให้ข้อมูล หาความเชื่อมโยงระหว่างนายสุทธินันท์ อดีตผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการบริษัท เอกอุทัยในฐานะผู้ว่าจ้าง กับคนขับรถสารเคมี ที่สารภาพว่าถูกว่าจ้างให้นำสารเคมีมาทิ้ง ทำให้สำนวนยังไม่ถูกส่งถึงพนักงานอัยการ แม้คดีใกล้จะครบ 2 เดือนแล้วในสัปดาห์หน้า