สังคม

แกะรอยสารเคมีถูกทิ้งที่นิคมฯแก่งคอย เชื่อมโยง บ.เอกอุทัย ขยายผลหาโกดังเถื่อน อ.ภาชี

โดย panwilai_c

2 มี.ค. 2566

420 views

นอกจากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ตำบลน้ำพุ ซึ่งข่าว 3 มิติ ติดตามมาตลอดแล้ว ยังมีประเด็นการแกะรอยสารเคมีถูกทิ้งที่นิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย จังหวัดสระบุรี จนคนขับและเจ้าของรถบรรทุกสารภาพว่า รับสารเคมีมาจากโกดังเก็บสารเคมีแบบเถื่อน ที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



และต่อมากรมโรงงานอุตสาหกรรม ก็พบหลักฐาน ที่นำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดี ว่าสารเคมีในโกดังที่อำเภอภาชีนี้ เชื่อมโยงไปถึงบริษัทเอกอุทัย จำกัด ที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วย แต่จะเชื่อมโยงอย่างไรบ้าง ขึ้นอยู่กับการขยายผลของพนักงานสอบสวน แต่ข่าว 3 มิติพบว่า ก่อนหน้านี้เพียง 2 สัปดาห์ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ตรวจสอบกิจการของบริษัทเอกอุทัย ทั้ง 3 สาขา ซึ่งแต่ละสาขา ก็มีประเด็นที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมวิตกกังวล



กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถบรรทุก คลุมผ้าใบ วิ่งเข้า-ออกโรงงานเอกอุทัย จำกัด สาขาศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเป็นข้อมูลที่ชาวตำบล คลองกระจัง อ.ศรีเทพ ขอให้กรมโรงงานอุตาหกรรมตรวจสอบว่ามีการลักลอบนำขยะอันตราย ไปฝังกลบในโรงงานหรือไม่ เพราะกรมโรงงานใช้อำนาจตามมาตรา 39 วรรค 1 เพื่อปิดระบบโรงงานชั่วคราว จนกว่าจะปรับปรุงส่วนที่เกิดผลกระทบต่อชุมชนให้แล้วเสร็จก่อน



ภาพดังกล่าว และร้องเรียนผลกรทะบจากชาวบ้าน ทำให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ไปพบทั้งชาวบ้านและตัวแทนโรงงานเพื่อรับฟังคำชี้แจง ซึ่งระหว่างนั้นตัวแทนโรงงาน ยืนยันกับทีมข่าวว่า วัสดุที่รถบรรทุกขนย้ายเข้าโรงงานคือปูนขาวที่นำไปปรับสภาพน้ำในบ่อดิน และระบุว่าการขนย้ายได้แจ้งคณะกรรมการแก้ปัญหาที่มีตัวแทนชุมชนเป็นกรรมการให้ทราบด้วย



อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ก็ยังพบว่ามาตรการแก้ไขผลกระทบจากกลิ่นและน้ำเสีย ที่โรงงานกำลังดำเนินการตามคำสั่งศาลปคกครองอยู่นี้ อาจไม่สำเร็จผลทันฤดูฝน จึงหาข้อมูลเพื่อแถลงต่อศาลกำหนดวิธีแก้ไขใหม่ เพราะกรมโรงงานฯก็เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 ที่ศาลสั่งให้กำกับดูแลให้บริษัทเอกอุทัย สาขาศรีเทพฯ ในฐานะผู้ถูกฟ้องที่ 5 ต้องแก้ไข



บริษัทเอกอุทัย เป็นบริษัทรับกำจัดกากขยะเคมีอุตสาหกรรมทั้งด้วยการฝังกลบ เตาเผา และรีไซเคิลขยะที่ไม่เป็นอันตราย ซึ่งบริษัทเอกอุทัย มีสำนักงานอยู่ ที่อำเภออุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา มีสาขาอยู่ที่ อ.ศรีเทพฯ แห่งนี้ ที่ได้รับใบอนุญาตกำจัดขยะไม่อันตราย ด้วยวิธีฝังกลบ



นอกจากนี้ ยังมีบริษัทเอกอุทัย สาขากลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่นั่นเป็นโรงงานที่มีเตาเผากำจัดขยะ ก่อนหน้านี้ เคยถูกกรมป่าไม้ดำเนินคดีฐานบุกรุกที่ดิน แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ด้วยเหตุผลว่าขาดเจตนา เพราะซื้อที่ดินมาจากสำนักงานบังคับคดี



นอกจากนี้ ยังถูกเทศบาลตำบลสีมามงคล ดำเนินคดีฐานสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต และถูกกรมโรงงานอุตสาหกรรมและกรมควบคุมมลพิษ ดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.วัตถุอันตราย กระทั่งระหว่างวันที่ 16 และ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบอาคาร 3 หลัง ที่อยู่ในพื้นที่ของกรมป่าไม้ ที่บริษัทเอกอุทัยเคยแจ้งครอบครอง พบสารเคมีของเหลวในบ่อ พบสารเคมีในถัง ขนาด 200 ลิตร รวมกว่า 400 ถัง และพบกากอุตสาหกรรมกองอยู่บนพื้น จึงเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบและดำเนินคดีเพิ่มอีก



ล่าสุด หน้าประตูทางเข้าบริษัทเอกอุทัยสาขากลางดง ขึ้นป้ายขายกิจการ พร้อมที่ดินแปลงนี้ 20 ไร่ 3 งาน 3 ตารางวา ท่ามกลางการตั้งคำถามจากชุมชน ถึงความคืบหน้า คดีและผู้รับผิดชอบบ่อขยะที่ฝังกลบอยู่ในพื้นที่



ส่วนบริษัทเอกอุทัย สำนักงานที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ถูกกรมโรงงานอุตสาหกรรม ใช้อำนาจตามมาตรา 39 พรบ.อุตสาหกรรม สั่งให้ปรับปรุงแก้ไขปัญหา ที่พบว่า บกพร่อง เมื่อดือนกันยายน ปีที่แล้ว และได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการใหม่เมื่อธันวาคม ปีที่แล้วเช่นกัน แต่หลังจากอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่ หลายฝ่ายลงไปตรวจสอบ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบปัญหาว่ามีถังสารเคมีชำรุดรั่วไหล ส่งกลิ่นเหม็นในโรงงาน และพบการจัดการวัตถุดิบไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ อุตสาหกรรมจังหวัดจึงสั่งให้ปรับปรุงแก้ไข โดยระหว่างนี้ให้หยุดนำกากอุตสาหกรรมในระบบอิเลกทรอนิกส์เข้ามาในโรงงานจนกว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จ



เป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างที่โรงงานทั้ง 3 แห่ง ถูกสั่งห้ามนำกากอุตสาหกรรมเข้าไปกำจัดหรือรีไซเคิล ก็ยังมีข้อสงสัย ยังมีของเสียอุตสาหกรรม ที่ลำเลียงมาจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆแล้ว อยู่ในการครอบครองหรือไม่ และถ้าเหลืออยู่ กากอุตสาหกรรมเหล่านั้น ถูกเก็บอยู่ในที่ใด หรือจะไปเชื่อมโยง กับโกดังเก็บสารเคมีในอำเภอภาชี ที่เก็บอย่างผิดกฎหมายหรือไม่ ข่าว 3 มิติ จะพยายามหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต่อเนื่อง

คุณอาจสนใจ

Related News