ปปป.เรียกสอบพยาน คดีอธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกรับสินบน

วันนี้ ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ได้เรียกสอบพยาน 2 ปาก คดีอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถูกจับฐานเรียกรับสินบน โดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ที่เป็นผู้ร้องทุกข์ ได้เข้าให้ปากคำด้วย ส่วนประเด็น ที่สังคมตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจไม่ตามไปค้นหาเงินสด ที่บ้านของอธิบดี ตำรวจยืนยันแม้ไม่ได้ตามไปค้นที่บ้าน แต่มีวิธีตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วยวิธีอื่น

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี นำเอกสารหลักฐานจำนวนหนึ่ง ไปมอบให้พนักงานสอบสวนของ ปปป. พร้อมทั้งให้ปากคำในฐานะพยานคดีนี้ ที่นายชัยวัฒน์ เป็นผู้ร้องทุกข์ต่อ ตำรวจปปป. และต่อเลขาธิการ ป.ป.ช รวมทั้งร้องต่อนายกรัฐมนตรี

หลังจากให้ปากคำนานประมาณ 1 ชั่วโมง นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า คำให้การเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะหลักฐานจากคลิปภาพและเงินสดที่พบเป็นหลักฐานสำคัญที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้เห็นพร้อมกัน ปรากฎชื่อบุคคลบนซองธนบัตร ซึ่งตำรวจอาจเชิญมาให้การเป็นพยาน รวมถึงบุคคลอื่นๆ ที่เป็นผู้เสียหายจากการถูกเรียกรับเงิน

นายชัยวัฒน์ ยังตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีเส้นทางของเงินที่จะถูกส่งต่อไป ซึ่งนายชัยวัฒน์เชื่อว่า โดยพฤติการณ์แล้ว น่าจะมีผู้เกี่ยวข้อง แต่ก่อนหน้านี้เคยสอบถามจากผู้บริหารกระทรวงแล้ว ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง จึงนำมาสู่การร้องเรียน และการจับกุมดังกล่าว

ส่วนผู้บังคับการ ปปป. ระบุว่าขอให้บุคคลที่รู้ตัวว่าเป็นเจ้าของซองธนบัตรดังกล่าว ติดต่อให้การกับพนักงานสอบสวน ในฐานะพยาน ขณะเดียวกัน ก็ยืนยันว่าตำรวจจะสืบสวนทั้งที่มาของเงิน และเส้นทางไปของเงินเหล่านี้ แม้ไม่ได้ตามไปตรวจค้นที่บ้านของอธิบดีกรมอุทยานฯ แต่มีวิธีอื่นที่จะตรวจสอบได้

จนถึงขณะนี้ มีผู้ที่จะถูกเรียกมาให้ปากคำแล้วอย่างน้อย 32 คน แยกเป็นผู้เสียหาย ที่รวมกันจ่ายเงิน 98,000 บาท จำนวน 13 คน ซึ่งมาจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อนหน้านี้ 4 คน พยานที่ถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม 1 คน และตัวนายชัยวัฒน์ รวมเป็น 19 คน และอีกส่วนหนึ่งคือผู้ที่มีชื่อตัวตน และชื่อหน่วยงานที่ปรากฏบนซองธนบัตร ที่พบในห้องอธิบดี อีก 13 คน รวมทั้ง 2 กลุ่มนี้ เป็น 32 คน

ส่วนกรณีที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ ทั้งสองฝ่ายนั้น นายชัยวัฒน์ ไปให้การแล้วเมื่อเช้า และนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ก็ไปให้การแล้วในเวลา 9.00 น.