อาชญากรรม

ชูวิทย์เป่านกหวีดถือใบแดงไล่ ผบช.น.ออกจากตำแหน่ง เหตุไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าว

โดย nattakarn_l

22 ธ.ค. 2565

340 views

          นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์  ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเกี่ยวกับการทำคดีนายตู้ห่าวของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  โดยระบุว่า  ควรต้องเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพราะทำงานในคดีนี้มีพิรุธ  ทำให้ประชาชนไม่สามารถไว้วางใจได้   โดยเมื่อช่วง 21.00 น.เมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.)  มีคณะพนักงานสอบสวนคดีผับจินหลิงคนหนึ่ง  ส่งข้อมูลสำคัญมาให้  ซึ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่า  ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลพยายามจะอำพรางคดีนี้  ในการไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินกับนายตู้ห่าว ทั้งที่มีหลักฐานที่ชัดเจน

           นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังเปิดคลิปที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแถลงข่าว เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา   ซึ่งมีช่วงหนึ่ง ที่พันตำรวจเอกสมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.  นำม้วนกระดาษม้วนหนึ่งซึ่งเป็นหลักฐานในคดีมามอบให้   นายชูวิทย์บอกว่า ม้วนกระดาษดังกล่าว คือ เส้นทางการเงินของผับจินหลิง พร้อมเปิดเผยให้สื่อมวลชนดู

        จากเอกสารชี้ให้เห็นว่า  บัญชีคิวอาร์โค้ดของผับจินหลิง ได้เชื่อมโยงไปถึงบุคคล 2 คน  คือ นายฟูจิ และนายหยางเฉิน  ซึ่งทั้ง 2 คน  มีการโอนเงินจากการค้ายาเสพติดกันไปมา  และโอนเข้าออกบัญชีคิวอาร์โค้ดผับจินหลิง  จากนั้นนายหยางเฉิน ได้โอนเงินต่อให้ นายเซนบิ   จากนั้นนายเซนบิ  โอนต่อให้นายสิทธิพงษ์ ซึ่งเป็นบัญชีม้า  จากนั้นโอนต่อไปยังบริษัทแห่งหนึ่ง ที่นายตู้ห่าวถือหุ้นอยู่ 51%  โดยปัจจุบันนายฟูจิ  และนายเซนบิ ถูกจับกุมอยู่ที่ ตม. แต่นายหยางเฉิน  ที่เป็นตัวการสำคัญ หลบหนีไปได้

            นายชูวิทย์  ระบุว่า  เอกสารเส้นทางการเงินชิ้นนี้  ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า  เส้นทางการเงินของผับจินหลิง ได้เชื่อมโยงไปถึงบริษัทของนายตู้ห่าวที่เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย เป็นการทำเงินจากยาเสพติดให้กลายเป็นเงินขาวสะอาด  เข้าข่ายการฟอกเงินอย่างชัดเจน และเอกสารนี้  ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ให้พันตำรวจเอกสมบูรณ์ทำมาตั้งแต่แรกที่มีการเข้าตรวจค้นผับจินหลิง  แล้วเหตุใดจึงไม่แจ้งข้อหาฟอกเงิน ทั้งที่หลักฐานชิ้นนี้ก็เพียงพอต่อการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว  ไม่จำเป็นต้องรอ ปปง. พร้อมตั้งคำถามว่า ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้นำตัวนายสิทธิพงษ์ ซึ่งเป็นบัญชีม้ามาสอบปากคำแล้วหรือไม่

           นายชูวิทย์  ยังบอกอีกว่า การที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไม่ดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน   เป็นเพราะมีหลักฐานชิ้นนี้ที่สามารถเอาผิดนายตู้ห่าวได้อย่างแน่นอน จึงไปดำเนินคดีเรื่องยาเสพติดแทน  เพราะพยานหลักฐานอ่อน   มีการทำลายพยานหลักฐานไปหมดแล้ว  และยังบอกด้วยว่า  การทำงานของผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นการทำงานแบบ “one man show for ตู้ห่าว” ไม่ใช่  “for ประเทศชาติ”  เพราะเก็บข้อมูลเด็ดไว้กับตัวเองเพื่อช่วยเหลือนายตู้ห่าว

           นายชูวิทย์ ยังท้าให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  เข้าเครื่องจับเท็จ  หากไม่ยอม ก็ต้องออกไป  และเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวน  ซึ่งฝากไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ว่าต้องดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็ว  ไม่เช่นนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเสียหาย  เพราะมีผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นม้าไส้ศึกที่ทรยศ  จึงต้องเปลี่ยนม้าตัวนี้ออกกลางสนามรบทันที  ถ้ายังไม่ออกตนก็จะไปร้องเรียนทุกทาง และแฉไม่หยุด  รวมทั้งยังท้าให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไปจุดธูป 3 ดอก สาบานที่สนามหลวงพร้อมกับตน ว่าไม่ได้มีใครอยู่เบื้องหลัง

            ช่วงหนึ่งของการแถลงข่าว นายชูวิทย์ ยังเป่านกหวีด และถือใบแดง พร้อมพูดว่า “ไอ้จ้าวออกไป” พร้อมบอกว่าการกระทำของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นการอำพรางคดีที่เลวร้ายที่สุด ตนในฐานะประชาชนจึงต้องไล่ออกไปให้พ้น และหากจะฟ้องตนกลับ ตนก็ไม่กลัว  แต่ยิ่งชอบเพราะจะได้ไปเปิดหลักฐานสู้กันในชั้นศาล

           ส่วนในวันพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) เวลา 11.00 น. ตนจะนำหลักฐานทั้งหมดที่มี  ไปให้ถ้อยคำกับอัยการที่สำนักงานอัยการตลิ่งชัน เนื่องจากคณะทำงานของอัยการสูงสุด ได้เรียกตนเข้าไปข้อมูลด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News