'ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ' ร้องรัฐบาลแก้ปัญหาเอกชนปิดทางสาธารณะ ให้เวลา 30 วัน หากไม่คืบหน้าเตรียมบุกทำเนียบฯ

กองเรือชาวเลเกาะหลีเป๊ะกว่า 30 ลำ ติดป้ายต้อนรับคณะของเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา นาคาศัย ที่ลงพื้นที่ติดตามปัญหา การแก้ไขปัญหาการปิดกั้นเส้นทางสัญจรสาธารณะประโยชน์ชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล

หลังจากเกิดปัญหาเอกชนปิดทางเข้าโรงเรียนด้านในชุมชน จนไม่สามารถให้เด็กเข้าโรงเรียน และชาวเลไม่สามารถลงมาหน้าชายหาดเพื่อออกเรือประมง ที่จอดได้จุดเดียวบริเวณหน้าหาด ซึ่งเป็นที่จอดเรือของชาวเลกว่า 200 ลำ และยังเป็นที่ตั้งโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพส่วนตำบล ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ามากว่า 20 วันแล้ว



ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ได้ยื่นหนังสือถึงนายอนุชา ผ่านนายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง กรณีการซื้อขายที่ดินของผู้ที่ครอบครองเอกสาร น.ส.3 เลขที่ 11 ที่ขายที่ดินให้กับเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งพยายามเข้าครอบครองที่ดินที่เป็นของชาวบ้าน โดยมีการรังวัดที่ดินทับที่ดินบ้านชาวเล และที่สสัญจรต่างๆในชุมชน โดยเฉพาะทางเข้าโรงเรียน



ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ได้นำเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปดูจุดที่เอกชนได้มาติดป้ายประกาศห้ามบุกรุก และสิ่งกีดขวางมาพยายามปิดเส้นทางสัญจรดั้งเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งเป็นทางไปสุสานชุมชนชาวเล ทางออกสู่ทะเล และทางเดินนักท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ รวมโรงเรียนจนทำให้เด็กนักเรียนต้องปีนรั้วไปเรียน และส่งผลกระทบกับประชาชนกว่า 1,000 คน



เลขานุการรัฐมนตรีได้ไปดูจุดที่เด็กต้องปีนรั้ว มุดรั้วเข้าเรือน ทำให้เด็กรู้สึกไม่ปลอดภัย และเป็นอันตรายหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ ซึ่งกว่า 20 วันที่ผ่านมามีการเจรจาแล้วแต่ไม่เป็นผล และยิ่งเผชิญหน้าที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงได้



ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ยังได้นำเลขานุการรัฐมนตรีไปดูเส้นทางที่เด็กต้องเดินมาโรงเรียน หรือชาวเลต้องลงไปที่เรือหน้าชายหาด หากถูกเอกชนปิดทาง ทำให้ต้องเดินอ้อม และไม่ใช้เส้นทางที่สะดวก เพราะเป็นทางน้ำ และยังมีจุดน้ำท่วม ข้อเสนอเร่งด่วนจึงขอให้รัฐบาล สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล หาแนวทางในการยุติความขัดแย้งและเปิดทางสาธารณะให้ชาวเลสัญจรได้เป็นการชั่วคราวจนกว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการแก้ไขปัญหาจะได้ข้อยุติ และให้ตั้งคณะทำงานชุดเฉพาะกิจมาตรวจสอบขบวนการออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่โดยไม่ชอบ และมีการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่เส้นทางสาธารณะประโยชน์ที่ใช้ร่วมกันกว่า 100 ปี



โดยที่ผ่านมาหลายรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาที่ดินทำกิจและพื้นที่ทางจิตวิญญาณชาวเล โดยเฉพาะในยุค คสช.ก็มีการตั้งกรรมการได้ข้อสรุปมาเอกสารบนเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเป็นสิทธิดั้งเดิมของชาวเลตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ได้ชี้เขตแดนประเทศไทย จึงเป้นสิทธิที่เกิดตาม พรบ.การออกโฉนดที่ดิน พ.ศ.2479 แล้ว แม้ไม่แจ้งการครอบครองแต่ยังใช้ประโยชน์ก็ไม่เสียสิทธิ

จนกระทั่งในปี 2498 มีการแจ้ง สค.1 โดยตัวแทนชาวเล รวม 41 แปลง แต่เมื่อเปลี่ยนเป็น นส.3 ชื่อกรรมสิทธิ์ที่ดินถูกเปลี่ยนชื่อไปเกือบทั้งหมดโดยไม่มีชื่อชาวเล และบางแปลงทับซ้อนกันจนเกิดปัญหาทำให้ชาวเลที่เป็นผู้บุกเบิกกลายเป็นผู้บุกรุก



ในวันพรุ่งนี้นายอนุชา นาคาศัย จะลงพื้นที่มาด้วยตัวเอง และเป็นความหวังในการแก้ปัญหาให้กับชาวเล ซึ่งยังเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจสอบขบวนการค้ามนุษยที่อาจเกี่ยวข้องกับอิทธิพลในเกาะหลีเป๊ะะด้วย และขอให้กระทรวงยุติธรรมเข้ามาคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ให้ดีเอสไอมาช่วยหาความจริง และให้เวลารัฐบาล 30 วันแก้ปัญหานี้ หากไม่ชัดเจนชาวเลเกาะหลีเป๊ะจะไปทวงถามที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 15 มกราคมปีหน้า