พ่อเลี้ยงฉุน ลูก 7 ขวบ ทำบ้องกัญชาตก กระทืบม้ามแตก แม่แจ้งความ 3 เดือนคดีไม่คืบ

วันนี้ (24 พ.ย.) น.ส.สุพัตรา เรืองอ่อน อายุ 27 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี ร้องเรียนผู้สื่อข่าว หลัง ด.ช.วรภพ เรืองอ่อน อายุ 7 ขวบ บุตรชาย ถูกนายปริวรรต ปฏิบัติ หรือแม็ก อายุ 25 ปี สามีและเป็นพ่อเลี้ยงของเด็ก ทำร้ายร่างกายจนเด็กได้รับบาดเจ็บสาหัส ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุได้แจ้งความกับตำรวจ แต่ผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้วคดีไม่มีความคืบหน้า

โดย น.ส.สุพัตรา กล่าวเล่าว่า ตนอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับนายปริวรรต มาประมาณ 5-6 ปี โดยก่อนหน้านี้ตนได้มีลูกติดก็คือด.ช. สรภพ หรือน้องเก้าเก้า ซึ่งที่ผ่านมานายปริวรรตก็ยอมรับได้ และช่วยตนเลี้ยงดูน้องเก้าเก้าตามปกติ บางครั้งเวลาน้องเก้าเก้าไม่เชื่อฟังหรือทำผิดนายปริวรรตก็มีการทุบตีสั่งสอนอยู่บ้าง แต่ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะคิดว่าเป็นการสอนแบบพ่อสอนลูก

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนต้องไปสอบ กศน. เลยทิ้งให้น้องเก้าเก้าอยู่กับนายปริวรรตที่บ้านเพียงลำพัง เมื่อตนกลับมาตอนเย็นก็พบว่าน้องเก้าเก้ามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ตนคิดว่าลูกปวดท้องเป็นโรคกระเพาะ ก็ได้ไปซื้อยาลดกรดและยาแก้ปวดมาให้ลูกทาน แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 3 วันลูกก็ยังไม่หาย ตนจึงไปปรึกษาเพื่อนบ้าน เขาก็แนะนำให้พาลูกไปพบแพทย์ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลหมอแจ้งว่าน้องมีอาการเลือดออกในช่องท้องและม้ามแตก น้องจึงต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอยู่ประมาณ 7 วันโดยแพทย์ได้ใส่ท่อเพื่อที่จะดูดเลือดออกจากช่องท้อง

หลังจากนั้นตนได้พยายามถามลูกชายว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งน้องบอกเพียงแต่ว่าโดนพ่อแม็ก จับให้นอนบนพื้นแล้วใช้เท้ากระทืบ แต่พ่อแม็กสั่งไม่ให้บอกแม่ หลังจากนั้นตนก็ได้พยายามสอบถามจากนายแม็ก จนได้คำตอบว่าน้องเก้าเก้าได้ทำบ้องกัญชาตกนายแม็ก จึงโมโหและลงมือกระทืบที่หลัง 3-4 ครั้ง ตนรับไม่ได้จึงได้พาลูกชายออกจากบ้านนายปริวรรต แล้วไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายแม็ก แต่ผ่านมานานร่วม 3 เดือนคดียังไม่มีความคืบหน้า

จึงอยากขอให้สื่อช่วยเหลือเพื่อให้ตำรวจเร่งรัดทำคดีด้วย ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ไปสอบถามกับนายแม็ก แต่นายแม็กปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือตอบคำถามใดๆ บอกเพียงแต่ว่ากำลังคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่โรงพัก ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พบว่าพ.ต.ท.หญิงอ้อมใจ รุ่งกลาง พนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำนายแม็ก และได้ห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวเก็บภาพแต่อย่างใด