อาชญากรรม

เปิดใจอดีตพยาบาลเหยื่อ ‘ฮารุ’ ตอบไม่ตรงใจ โดนน้ำร้อนราดตัว-น้ำผสมเกลือราดแผล ยุให้ตบกันเอง บังคับแม่ตบหน้าลูก

โดย petchpawee_k

21 ต.ค. 2565

179 views

จากกรณีที่ตำรวจบุกจับกุมตัวนายฮารุ ฮวังสิริ อายุ 39 ปี และนายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปี สองผู้นำลัทธิประหลาด หลังมีผู้เสียหายที่เป็นอดีตพยาบาล 3 ราย พร้อมลูก ๆ อีก 2 ราย ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจกักขังหน่วงเหนี่ยว อุปโลกน์ให้ทำงานใช้หนี้ 140 ล้านบาท ทำร้ายร่างกายใช้น้ำร้อนราดจนบาดเจ็บ


วานนี้ (20 ต.ค.) อดีตพยาบาล 2 ราย คือ นางสาวพลอย (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี / นางสาวไข่มุก (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี เหยื่อของนายฮารุ ซึ่งอยู่ในห้องพักของผู้ต้องหาตำรวจช่วยออกมาได้ เข้าให้ข้อมูลต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ และขอความช่วยเหลือติดตามคดี


โดยสภาพที่ทีมข่าวเห็น พบว่านางสาวพลอย และนางสาวไข่มุก สภาพจิตใจค่อนข้างดีขึ้น แต่ยังมีร่องรอยของบาดแผลจากการโดนน้ำร้อนราดและบาดแผลโดนทำร้ายบางส่วนที่ปรากฎให้เห็นตามร่างกาย โดยเฉพาะนางสาวไข่มุก มีบาดแผลค่อนข้างหนักกว่านางสาวพลอย


ซึ่งร่องรอยบาดแผลของนางสาวไข่มุก จะมีร่องรอยบาดแผลน้ำร้อนลวกบริเวณด้านหลังเต็มเเผ่นหลัง และเเขนขวาทั้งเเขน ตลอดจนมีร่องรอยโดนทำร้ายที่ใบหน้า และมีร่องรอยโดนเตารีดทาบ ที่ขา ทั้ง 2 ข้าง ประจวบกับมีอาการบวมจากไตทำงานผิดปกติ เนื่องจากช่วงที่โดนทำร้ายจะต้องมีการทานยาค่อนข้างเยอะ


ขณะที่นางสาวพลอย ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าที่ผิดรูป เนื่องจากโดนตบจนเหมือนเลือดคลั่ง และเกิดเป็นก้อนแข็งๆ บริเวณใบหน้า โดยทั้ง 2 คน ก็โดนตัดผมสั้นด้วย ซึ่งไม่ได้เป็นความเชื่อ แต่เป็นเหมือนการทำให้อับอาย ทำให้เหยื่อไม่กล้าหนีและไม่กล้าออกไปไหน


ทีมข่าวสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งคู่เล่าอย่างละเอียดว่า เรื่องราวและความสัมพันธ์มาจากทั้ง 3 คนรู้จักกันในฐานะพยาบาลที่เดียวกัน ก่อนที่ช่วงประมาณกลางปี 2563 นางสาวไพลิน คนที่ได้รับบาดเจ็บและพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ได้รู้จักกับนายฮารุ ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อ "หมอเคท" โปรไฟล์บอกเป็นผู้หญิงลูกครึ่งญี่ปุ่น - เกาหลี ซึ่งมีอาชีพเป็นคุณหมอแนะจำสถานทูตแห่งหนึ่ง โปรไฟล์ดีทุกอย่าง


จนกระทั่งเหมือนว่าทางนายฮารุ ตอนนั้นได้เข้ามาช่วยเหลือความเป็นอยู่ของนางสาวไพลิน คล้ายว่าเขาทราบว่าลูกของนางสาวไพลิน โดนพ่อของเด็กทำร้ายหรือมีปัญหากัน ทางนายฮารุ ก็เลยพยายามเหมือนกันและยุให้ทางนางสาวไพริน ออกมาอยู่กับเขา โดยนายฮารุ จะเป็นคนช่วยดูแลอุปการะทุกอย่าง  แต่มีข้อแม้ให้นางสาวไพลิน ออกมาอยู่กับเขา โดยนายฮารุ จะเช่าคอนโดและดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทางตัวนางสาวไพลิน และลูกทั้ง 2 คน


นางสาวไข่มุก เล่าว่า ตนรู้จักกับนายฮารุ ช่วงประมาณช่วงเดือน มิ.ย.2564 เริ่มรู้จักจากทางด้าน นางสาวไพลิน ตอนนั้นนายฮารุ จะเข้ามาชวนคุยเรื่องธุรกิจเป็นเหมือนอินฟูเซอร์ หรือ พวกยูทูปเบอร์ทำคอนเทนท์ไลฟ์สดขายของ อ้างว่ามีธุรกิจเกี่ยวกับความงามเป็นคอลลาเจนและเซรั่ม โดยการดีลตอนแรกแค่คนกระจายสินค้า


พอคุยไปคุยมานายฮารุ ก็ชักชวนมาเป็นหุ้นส่วนแค่นำเงินมาลงทุน แต่การบริหารงาน นายฮารุ จะจัดการเองทุกอย่าง ให้ตนเเค่ทำคอนเทนต์และรับส่วนแบ่ง  นายฮารุบอกว่าจะลงทุนทำผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 5 อย่าง เงินลงทุนผลิตภัณฑ์ละ 40 ล้านบาท รวม 200 ล้านบาท


จากนั้นช่วงประมาณเดือน ก.ค.2564 นายฮารุ ชวนให้ตนมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดฯ พร้อมออกค่าใช้จ่าย ตนเห็นว่าน่าเชื่อถือ จึงตัดสินใจนำเงินที่มีอยู่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท มาลงทุนให้กับนายฮารุ  พร้อมมีการเซ็นสัญญาจำนวน 5 ฉบับ ภายหลังไม่เป็นไปตามที่ตกลง  นายฮารุ บังคับตนและคนอื่น ๆ ให้ระดมหาเงินเพิ่ม อ้างว่าธุรกิจมีปัญหา ขาดทุน ต้องนำเงินมาอีก ขู่ว่าไม่หามาจะแจ้งตำรวจจับและอ้างข้อกฎหมายมีหลักฐานทุกอย่างที่ตนเคยทำ ด้วยความกลัวทำให้ตนต้องจำยอม  จึงมีการระดมเงินจากการขายที่ ทรัพย์สินที่เป็นชื่อของตน ทั้งบ้าน รถ เงินสด รวมทั้งเงินที่ยืมมาจากญาติอีก รวมๆแล้วเสียหายไปกว่า 10 ล้านบาท


ส่วนเรื่องของการราดน้ำร้อนใส่ตัวนางสาวไข่มุก  เนื่องจากมีการตั้งคำถามว่าทำไมเธอถึงทำไม่ได้ ทำไมต้องทำแบบนี้  หากตนตอบไม่ตรงตามที่เขาคิด เขาจะเอาถุงน่องมัดปาก มัดแขนไขว้หลัง เอาน้ำร้อนมาราดตามลำตัว


ขณะที่ทางนายเพชร หรือ นายตรีเพชรรัตน นั้นเพิ่งเข้ามาอยู่ในช่วงเดือน ธ.ค.2564 โดยทางนายฮารุ อ้างว่าเป็นน้องชายจะเอามาเป็นศิลปิน “ช่วงแรก นายเพชร ก็โดนทำร้ายเหมือนกัน ถึงขั้นโดน นายฮารุ เอาคีมเหล็ก ดึงลวดจัดฟันออก ทุบตี ทำร้าย พอนายเพชร เริ่มเชื่อฟัง นายฮารุ ก็เริ่มบังคับให้นายเพชร หันมาทุบตีทำร้ายคนอื่น เหมือนตัวตายตัวแทนของนายฮารุ รับคำสั่งมาอีกที มีการมอนิเตอร์ผ่านหูฟังว่าต้องทุบ ต้องตี ต้องเอาไม้กวาดตี บางครั้งนายเพชรเอง ก็ไม่เต็มใจทำ นายฮารุ ก็จะโมโห”


นางสาวพลอย อดีตพยาบาลที่ตกเป็นเหยื่ออีกราย เล่าว่า หลังจากที่นางสาวไพลิน ย้ายไปอยู่ที่เดียวกับนายฮารุ 4-5 เดือน จากนั้นประมาณ ต.ค. 2563 นายฮารุ บอกนางสาวไพลิน ว่ามีกางเกงขายให้ตนจะเอามาให้ที่โรงพยาบาล จึงนัดเจอพูดคุยกัน โดยนายฮารุ ขอดูดวงแบบไพ่ทาโร่ให้ตน ตนเองรู้สึกชอบและคุยถูกคอ 


หลังจากนั้นนายฮารุ เริ่มชักชวนและคุยถึงธุรกิจเกี่ยวกับร้านกาแฟ ด้วยความที่เชื่อว่ามีจริงน่าสนใจ จึงตกลงนัดพูดคุยกัน 2-3 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายนายฮารุ ไม่ได้บอกรายละเอียดแผนธุรกิจที่ชัดเจน อ้างว่าตนต้องช่วยทำเพจออนไลน์ และต้องทำวีดีโอส่งคลิปให้ทุกวัน


กระทั่งเดือน ธ.ค.2563 นายฮารุ ชวนไปอาศัยอยู่ที่เดียวกัน อ้างว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ดูแลค่ากินทุกอย่าง เพื่อง่ายต่อการต่อยอดธุรกิจ โดยช่วงแรกยังไม่มีการทำร้าย พอตนเข้าไปอยู่ได้สักพัก ด้วยความที่ตนจะต้องทำธุรกิจ นายฮารุ บอกว่าให้ตนหาเงินสด 2 แสนบาท มาลงทุน พร้อมให้มีการเซ็นสัญญาอ้างว่าร่วมทำธุรกิจ

 จากนั้นนายฮารุ หลอกล่อให้ตนหาเงินเรื่อยๆ ประมาณ 317,068 บาท และเริ่มบังคับให้ตนกู้เงินสหกรณ์หลักล้านบาท เอารถเก๋งซิตี้ไปจำนำ 2 รอบ เป็นหลักแสน , บังคับให้ขายฝากคอนโดที่พัทยา เป็นหลักแสน ,ขายฝากที่ดินย่านอยุธยา อีก 1 ล้านบาท รวมๆ แล้วเงินที่สูญเสียไปรวมกว่า 3 ล้านบาท  ส่วนตัวไม่ได้โดนทำร้ายมาก เพราะตอนนั้นที่เข้าไป คล้ายว่าตนเป็นมือขวาของฮารุ รับคำสั่งและทำงานให้เขา

ส่วนเรื่องทำร้ายเด็ก เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางนายฮารุ บังคับให้นายเพชร ข่มขู่นางสาวไพลิน อ้างว่าไม่ได้ดั่งใจ ให้ทำร้ายลูก โดยการให้แม่ตบหน้าลูกจำนวน 12 ครั้ง ต้องให้ได้ยินเสียงดัง  ก่อนที่นายฮารุ จะแสร้งทำตัวเป็นแม่พระ ลงมาหาเด็กทั้ง 2 คน อ้างว่าแม่เป็นคนใจร้าย  ยุให้เด็ก 2 คน มาอยู่กับเขาอีกห้องหนึ่ง และอ้างกับนางสาวไพลิน ว่าเดี๋ยวเขาจะเอาเด็ก 2 คนไปอยู่ แลกกับการปลดหนี้ 5 ล้านบาท จากนั้นผ่านไปได้ 1-2 วัน ฮารุก็เอาลูกมาคืน บอกว่าให้โอกาสดูแลลูกอีกครั้งแลกกับการทำงานให้ดี เป็นแบบนี้หลายครั้ง


ส่วนที่ทำไมพวกเธอไม่หนี เพราะนายฮารุ เก็บเอกสารส่วนตัวไว้ และข่มขู่จะเอาญาติพี่น้องที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี โดยอ้างถึงตำรวจ บอกว่ามีหลักฐานเป็นสัญญาที่ทุกคนเคยเซ็นไว้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/OrisYpLv-QM

คุณอาจสนใจ