อาชญากรรม

'ฮารุ' เจ้าลัทธิล้างสมอง คอตกเข้าคุก ไร้คนมาประกัน อดีตสามีเหยื่อชี้ลูกทั้ง 2 ถูกป้อนข้อมูล สร้างความเกลียดชัง

โดย petchpawee_k

19 ต.ค. 2565

349 views

จากกรณีที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล จับกุมตัวนายฮารุ ฮวังสิริ อายุ 39 ปี และนายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปี สองผู้นำลัทธิประหลาด หลังมีผู้เสียหายที่เป็นอดีตพยาบาล 3 ราย พร้อมลูกๆ อีก 2 ราย ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจและใช้กลอุบายสารพัดกักขังหน่วงเหนี่ยว อุปโลกน์ให้ทำงานใช้หนี้ 140 ล้านบาท ทำร้ายร่างกายด้วยการใช้น้ำร้อนราดจนบาดเจ็บ


ความคืบหน้าวานนี้ (18 ต.ค.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ขณะนี้ผู้เสียหาย อดีตพยาบาลและลูกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งอดีตพยาบาลมี 1 ราย ที่บาดเจ็บสาหัส และอดีตพยาบาลอีก 2 ราย อยู่ในช่วงการฟื้นฟูสภาพจิตใจ


พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการเข้าตรวจค้นห้องพักที่เข้าช่วยเหลือผู้เสียหายพบว่า ภายในห้องที่ผู้ต้องหาเช่าไว้กักขังผู้เสียหาย มีการเขียนยันต์ด้วยลายมือของผู้ต้องหาเองติดไว้ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่า เป็นยันต์ที่เรียกว่าอะไร พร้อมตั้งแท่นสำหรับไว้บูชา และมีตำราตามความเชื่อบางอย่างภายในห้อง


นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายที่เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ถูกนายฮารุ ฉ้อโกง มีเข้ามาพบแล้วรวม 15 ราย หลังจากนี้จะให้ผู้เสียหายทั้งหมดเข้ามาแจ้งความที่ สน.บวรมงคล ในภายหลัง


รวมถึงพบภาพวาดด้วยดินสอเป็นรูปลักษณะคล้ายองค์พระพิฆเนศ พร้อมเขียนข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า เริ่มจากฝั่งขวามือของกระดาษ เขียนว่า ‘LURTSURIYA’  หรือ เลิศสุริยะ / GANESHA ที่แปลว่า พระพิฆเนศ /‘PARAVATRI’ หรือ ปาวาระตรี / SRILUKSAMAI หรือ ศรีลักษมี ซึ่งหากนำทั้ง 4 คำมารวมกัน คือ พระพิฆเนศ องค์เลิศสุริยะ ปาวาระตรี ศรีลักษมี  //และยังมีข้อความคล้ายคำอวยพรว่า good LUCK great LOVE /RISH /HAPPY WEALTHY //ส่วนข้อความที่อยู่บริเวณด้านบนของรูปวาดมีข้อความว่า good luck good love /LUCK & LOVE in to the star


13.50 น. ตำรวจได้ควบคุมตัวนายฮารุ ฮวังสิริ และนายตรีเพชรรัตน ณพชร ออกจากห้องขังของ สน.บวรมงคล ฝากขังศาลอาญาตลิ่งชัน โดยทั้งคู่นำเสื้อคลุมศีรษะเดินออกจากห้องขัง นักข่าวพยายามสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทั้งคู่ได้แต่เดินก้มหน้าขึ้นรถ ไม่ยอมพูดอะไร


13.00 น.ญาติของผู้ต้องหาได้เดินทางมาเยี่ยมปฏิเสธให้ข้อมูล นักข่าวถามทราบเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนหรือไม่ ทางญาติระบุว่าไม่ทราบ เมื่อถามว่าอยากพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ทางญาติของผู้ต้องหาไม่ตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน


ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังจากควบคุมตัวนายฮารุ และนายตรีเพชรรัตน มาสอบปากคำที่ สน.บวรมงคล ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงบ่าย นายฮารุ ยังคงไม่ยอมให้การใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี ทั้งรูปแบบของการฉ้อโกงทรัพย์จากผู้เสียหายที่พบภายในคอนโดมิเนียม และผู้เสียหายที่กำลังจะเข้าแจ้งความเพิ่มเติม รวมถึงลัทธิการบูชาไพ่ยิปซี และลัทธิประหลาดต่างๆ ที่ตนเองก่อตั้งขึ้น


โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาพบว่าเจ้าตัวยังกินข้าว นอนหลับได้ และมีอาการเครียดเล็กน้อย ขณะที่การสอบปากคำนายตรีเพชรรัตน์ พบว่า เจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยให้การซัดทอดว่า ได้ร่วมกับนายฮารุ ตั้งรูปแบบการหลอกลงทุนฉ้อโกงผู้เสียหายรายต่างๆ การตะเวนพาผู้เสียหายแม่ลูกไปขอเงิน การลงโทษผู้เสียหาย ซึ่งที่ผ่านมารับทราบพฤติการณ์ของนายฮารุมา โดยตลอด แต่ไม่สามารถห้ามปรามได้


ล่าสุดมีผู้เสียหายที่แจ้งความประสงค์จะเข้ามาดูตัวและแจ้งความแล้วรวมประมาณ 20 คน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท


โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาพบว่าเจ้าตัวยังกินข้าว นอนหลับได้ และมีอาการเครียดเล็กน้อย ขณะที่การสอบปากคำนายตรีเพชรรัตน์ พบว่า เจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยให้การซัดทอดว่า ได้ร่วมกับนายฮารุ ตั้งรูปแบบการหลอกลงทุนฉ้อโกงผู้เสียหายรายต่างๆ การตะเวนพาผู้เสียหายแม่ลูกไปขอเงิน การลงโทษผู้เสียหาย ซึ่งที่ผ่านมารับทราบพฤติการณ์ของนายฮารุมา โดยตลอด แต่ไม่สามารถห้ามปรามได้


ทั้งนี้ พบว่าผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ในกรุงเทพมหานคร 3-4 โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุที่เจ้าตัวเข้าถึงกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมารดาของผู้ต้องหาเคยเป็นพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลต่างจังหวัดมาก่อน


ส่วนรูปแบบการหลอกลวงฉ้อโกงของนายฮารุ พบว่าเจ้าตัวไม่ได้จบการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยา หรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับจิตแพทย์ แต่รูปแบบที่คนร้ายใช้เป็นการใช้รูปแบบของจิตวิทยาหมู่ กล่อมผู้เสียหายแต่ละคนให้ดูน่าเชื่อถือจนเกิดความหลงเชื่อ ส่วนเรื่องลัทธิประหลาดที่เจ้าตัวอ้างถึง ตำรวจเชื่อว่าเป็นเพียงข้ออ้างให้การชักชวนเกลี้ยกล่อมให้ผู้เสียหายหลงเชื่อยอมทำตาม


18:36 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บวรมงคล นำตัว น.ส.พลอย (นามสมมุติ) และ น.ส.ไข่มุก(นามสมมุติ) ออกมาจากห้องสอบสวนชั้น 1 ก่อนจะนำตัวขึ้นรถพากลับบ้าน นักข่าวพยายามสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ผู้เสียหาย บอกว่า “ไม่สะดวกที่จะพูดตอนนี้” นักข่าวถามถึงสภาพจิตใจของทั้งคู่ ผู้เสียหาย บอกว่า “สภาพจิตใจไม่พร้อมและขอไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน”

------------------------------------------------------------

แจ้ง 3 ข้อหา แก๊งสาวสอง อ้างเป็นคลั่งลัทธิล้างสมองเหยื่อ จ่อฟันคดีเพิ่ม “ค้ามนุษย์-ทารุณกรรม”  รอง ผบช.น.เผย ตรวจสุขภาพจิตไม่พบความผิดปกติ ผู้เสียหายเข้าให้การยังตกใจ-ขวัญเสีย

 เมื่อเวลา 15.10 น. ที่ สน.บวรมงคล พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาเพื่อติดตามคดี หลังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งเป็นหัวหน้าคณะทำงานในคดี 2 ผู้นำลัทธิประหลาด ลวงเหยื่ออดีตพยาบาลร่วมลงทุน จับขังในคอนโดกลางกรุง ทารุณทั้งโกนผม ใช้นํ้าร้อนราด


พล.ต.ต.สมควร เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเเจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ 1.ความผิดทางเสรีภาพ ขืนใจผู้อื่นหรือไม่ให้กระทำการผู้อื่น 2.ทำร้ายร่างกายผู้อื่น 3.ข้อหาใช้บัตร ATM ผู้อื่น// ส่วนข้อหาอื่นอาทิ ข้อหาทารุณกรรม คาดว่าจะเข้าข่ายความผิด เพราะมีการบังคับให้ผู้เสียหายทุบตีลูก และให้เรียกผู้ต้องหาว่าแม่


ส่วนข้อหาการค้ามนุษย์ อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาเพิ่มเติมว่าเข้าข่ายหรือไม่ จากพฤติกรรมที่เเสดงให้เห็นว่ามีการสร้างหนี้ทิพย์ ขูดรีด และให้ผู้เสียหายพยายามหาเงินมาให้ หากเข้าข่ายค้ามนุษย์ เสนอให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตรวจยึดทรัพย์สิน


ประเด็นคลั่งลัทธิหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เบื้องต้น “ตรวจสุขภาพจิตแล้วไม่พบความผิดปกติ” ส่วนแนวทางการสืบสวนเบื้องต้นตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดแค่ 2 ราย

-------------------------------------------------------

เปิดใจอดีตสามีเหยื่อลัทธิล้างสมอง กักขังทำร้าย เผย ลูกทั้ง 2 ถูกป้อนข้อมูลสร้างความเกลียดชัง พร้อมเล่าเคยไปหาลูกถึงโรงเรียน ลูกไม่มาหา เพราะบอกว่ากลัวพ่อ – ตอนนี้ลูกอยู่ในความดูแลของแพทย์ หากอาการดีขึ้น จะพาไปดูแลที่จังหวัดราชบุรี


นายแบงค์ อายุ 42 ปี อดีตสามีของนางสาวไพริน (แม่เด็ก) และเป็นพ่อของเด็กที่ถูกช่วยเหลือทั้ง 2 คน กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ตำรวจชุดลาดตระเวนออนไลน์ ของกองบังคับการสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล บุกเข้าช่วยเหลือ อดีตพยาบาล พร้อมเด็กชายและเด็กหญิงรวม 5 คน จากการขยายผลสาวสองคนไทยอ้างเป็นเกาหลีสร้างลัทธิล้างสมองสูบเงินเหยื่อแถมอุปโลกน์หนี้ 140 ล้านหลอกใช้เหยื่อ หากขัดขืนสาดน้ำร้อนลวกจากนั้นฝเหยื่อได้เข้ารักษาตัวและสภาพจิตใจ


โดยอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์และจิตแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ ว่า ตอนนี้ลูกทั้ง 2 เด็กหญิงอายุ 10 ขวบ ส่วนลูกชายอายุ 6 ขวบ ที่อยู่ในความดูแลของแพทย์ วานนี้มีแม่ยาย น้องชายของภรรยา และลูกพี่ลูกน้องของเด็กทั้ง 2 เข้าไปเยี่ยม ได้ข้อมูลมาว่าสภาพภายนอกลูกมีอาการยิ้มแย้ม ร่าเริง จำชื่อ เรียกชื่อน้องชายภรรยา กับลูกพี่ลูกน้องได้ อันนี้คือภายนอกส่วนสภาพจิตใจเชิงลึก ในส่วนของจิตวิทยานั้นตนไม่ทราบ แต่ว่ายายยังมีระยะห่างอยู่


นายแบงค์ บอกว่า ตอนนี้สิ่งสำคัญคือ การเข้าพบเด็ก ต้องดูว่าใครจะเข้าพบเด็กได้บ้าง เพราะที่ผ่านมาคนร้ายป้อนข้อมูลความทรงจำของลูกๆ ใหม่ โดยสร้างความเกลียดชังคนในครอบครัว เช่น ตนเอง ถูกคนร้ายป้อนข้อมูลให้เกลียดชัง จึงยังไม่สามารถเจอหน้าลูกได้ และที่ผ่านมา ตอนที่ลูกอยู่กับอดีตภรรยา และไปรู้จักกับคนร้ายแล้ว ตนเคยพยายามไปตามหาลูกที่โรงเรียน เพื่อเอาไดอารี่ และรูปวาดของลูกไปให้ แต่ไม่ทราบว่าอยู่โรงเรียนไหน จึงใช้วิธีค้นหาจากตราสัญลักษณ์โรงเรียน และไปตามหาตามร้านปักเสื้อหลายๆแห่งในกรุงเทพฯ ว่าเป็นโรงเรียนอะไร จนไปเจอ แต่พอไปถึงที่โรงเรียน ลูกเห็นตนไกลๆ ในระยะ 100 เมตร ก็ไม่กล้าเข้ามาหา แต่ให้เพื่อนมาบอกว่า “ลูกกลัว ให้กลับไป”


เมื่อถามว่าทำไมเด็กถึงเลือกเกลียดชังบางคน นายแบงค์ มองว่า คนร้ายน่าจะป้อนข้อมูลความเกลียดชังเป็นบางคน และตอนนี้แพทย์กำลังสอบถามเชิงลึกอยู่ว่า มีบุคคลใดที่เด็กถูกป้อนข้อมูลให้ถูกเกลียดชังอีกบ้าง ขณะนี้คือมี คนผู้เป็นพ่อ มียาย และตัวแม่ของเด็กเอง เพราะคนร้ายเป็นคนสั่งให้ลงมือตอนนี้ผู้เป็นแม่ กังวลและอับอายตัวเองที่ลงมือกับลูก แต่ลูกสาวอายุ 10 ขวบ รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อทำร้ายร่างกายก็จะเชิงแสดงละคร แต่คนเล็กเด็กไปไม่รู้ในส่วนนี้ ส่วนตอนนี้เด็กยังเรียกแม่ว่าคุณ เรียกคนร้ายอยู่หรือไม่ นายแบงค์ บอกว่า ไม่ทราบ แต่น่าจะดีขึ้น

    นายแบงค์ กล่าวว่า หลักๆสิ่งที่กังวลตอนนี้คือจะทำอย่างไรให้ลูกได้นอนกอดแม่ หรือคนที่รักทุกคืน เพื่อจะได้กลับคืนสู่ความทรงจำสิ่งใหม่ๆ ตอนนี้มองว่าปัจจัยไม่ใช่เด็ก แต่เป็นแม่ ว่าแม่เขาพร้อมเมื่อไหร่ พร้อมในทีนี้หมายถึงว่า พร้อมที่จะให้อภัยเพราะแม่เคยทำร้ายลูก ต้องดูว่าเขาจะก้าวข้ามผ่านได้ตอนไหน


นายแบงค์ ยังบอกว่า หลังจากนี้ เมื่อเด็กๆ ไม่กลัวและเข้าหาตนเอง รวมทั้งญาติๆ ได้แล้ว ตนก็จะเป็นคนดูแลเด็กๆ โดยพาไปอยู่กับปู่กับย่า และเรียนหนังสือที่จังหวัดราชบุรี แต่หลักๆต้องรอให้อาการดีขึ้นก่อนทั้งภายนอกและสภาพจิตใจ


นายแบงค์ ยังกล่าวถึงการล้างสมองเด็กของคนร้ายจากวิเคราะห์จากการแชตกับอดีตภรรยา ว่าในทุกๆวันช่วงหัวค่ำจะเห็นเป็นแพล๊ตเทิร์น เหมือนการประชุมกันในกลุ่มของเหยื่อ มีการทำร้ายร่างกาย ลงโทษกัน  พอลงโทษเสร็จก็แยกย้ายกันไปนอน ซึ่งเด็กจะไม่ได้นอนด้วยกัน เด็กนอนแยกมุมกัน และแยกกับแม่ ทำให้เด็กหลับไหลไปกับฝันร้าย กับภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้น ถ้าปกติแล้วเด็กจะอยู่ในอ้อมกอดแม่ หลับไปพร้อมอกแม่ เหมือนเป็นยางลบลบความทรงจำ คีย์พอยท์คืออยู่ตรงนี้ คือแม่กับลูกไม่ได้นอนด้วยกัน บางคืนคนร้ายก็เอาเด็กไปนอนด้วย ทำให้เด็กฝักใฝ่


ส่วนวิธีที่ทำให้เหยื่อหลงเชื่อ หรือที่หลายคนบอกว่าเป็นการล้างสมองนั้น คุณแบงก์ บอกว่าไม่มั่นใจว่าทำอย่างไร แต่เท่าที่ลองจับประเด็นดู คนร้ายจะใช้วิธีพยามตีสนิท ใช้หลักจิตวิทยาพูดคุยกับเหยื่อ และสอบถามว่าเคยมีประเด็นกับใครไหม และจี้จุดนั้นโดยสร้างความเกลียดชังคนรอบๆตัว และให้ความรัก ความเคารพมาที่คนร้ายคนเดียว


คุณแบงค์ ยังบอกอีกว่า ตั้งแต่อดีตภรรยาไปร่วมทำธุรกิจตอนแรก ช่วงแรกอาการปกติ ในระยะหลังที่ไปเจอกับคนร้าย ที่เข้ามาเปลี่ยนสภาพจิตใจ ก่อนที่จะเริ่มโน้มน้าวให้มาทำผลิตภัณฑ์เอง และให้มาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งตนมองว่า นี่เป็นวิธีสร้างความเห็นคุณค่าในตัวเอง หรือ self esteem จนเริ่มให้เปลี่ยนชื่อในกลุ่มเป็นอัญมณี เหมือนทำภารกิจร่วมก่น เป็นพี่น้องร่วมสาบาน และทุกวันมีประชุมกัน โดยมีจุดหมายร่วมกัน


สำหรับสภาพการเงินนายแบงค์ เล่าว่า ช่วงแรกดีมาก คล้ายกับว่าคนร้านเปย์หนักแต่ก็เอาบัตรเครดิตของเหยื่อไป จ่ายให้ทุกอย่างค่าใช้จ่าย ค่าบ้าน  ค่าเทอม ค่ากินค่าอยู่ แต่อยากรู้ว่าเหยื่อรู้หรือไม่ว่าเป็นเงินของตัวเอง  ที่เหยื่อไปเล่นแร่แปรธาตุ เช่นรถ ที่ดิน มาเปลี่ยนมาเป็นเงิน อย่างรถยนต์ที่เคยผ่อนหมดแล้วก็ขาย ก็ไปซื้อใหม่ในชื่อของเหยื่อ สุดท้ายก็เอาขายอีก ไม่ใช้ชื่อคนร้ายเลย


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/AdE23BjZ5TU

คุณอาจสนใจ

Related News