ชลประทานยอมเปิดประตูบางโฉมศรี ระบายน้ำลงทุ่ง หลังชาวสิงห์บุรีประท้วง เดือดร้อนน้ำท่วม

ชลประทานยอมเปิดประตูบางโฉมศรี 25 เปอร์เซ็นต์ ระบายน้ำลงทุ่งเชียงราก หลังชาวบ้านสิงห์บุรี เดือดร้อนน้ำท่วมรวมตัวประท้วง ชาวบ้านท้ายประตูระบายน้ำ ขอเวลาเกี่ยวข้าวก่อน ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำนิวไฮ สูงสุดของปี เตือนพื้นที่ท้ายเขื่อน เตือนรับมือระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก

เมื่อวานนี้ (11 ต.ค.) เขื่อนเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาทได้ปรับเพิ่ม ระบายน้ำไปที่ 3,164 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที เพิ่มจากเมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา (3,113 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที) ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบปี และเป็นเกณฑ์ที่เขื่อนแจ้งเตือน ที่ระบายน้ำเพิ่มต่อเนื่อง (มากกว่า 3,000 ลบ.ม.ต่อวินาที) ไปจนถึงวันที่ 13 ตุลาคมนี้ เพื่อพร่องน้ำในพื้นที่เหนือเขื่อนและริมตลิ่งที่เต็มความจุลำน้ำ

การระบายน้ำที่สูงสุดในรอบปีของเขื่อนเจ้าพระยาวันนี้ แน่นอนว่า จะส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก เพื่อต้องเฝ้าระวังจุดที่น้ำท่วมหนักเดิมอยู่แล้ว

ขณะที่น้ำทะเลหนุนเมื่อวานนี้ (11 ต.ค.) มี 2 ช่วง เช้าและช่วงค่ำทุ่มครึ่ง จะสูงถึง 1 เมตรกว่า ต้องเตือน พื้นที่นนทบุรี ปทุมธานี และกทม.ในจุดฟันหลอ ชุมชนที่ไม่มีเขื่อนกั้นน้ำด้วย

-----------------------------------------------------------------------

วานนี้ ( 11 ต.ค.) เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลท่างาม และตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และกำลังได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมจนไม่สามารถพักอาศัยอยู่ได้ แม้แต่บนถนน ได้รวมตัวกัน 300 – 400 คน บนถนนประตูระบายน้ำบางโฉมศรี

เพื่อเรียกร้องขอให้กรมชลประทาน หรือผู้ที่มีอำนาจ เร่งเปิดประตูระบายน้ำบางโฉมศรี เพราะฝั่งบ้านเรือนที่อยู่ด้านเหนือของประตูระบายน้ำได้รับความเดือดร้อน ถูกน้ำท่วมถึงชั้นที่สอง และแม้จะอพยพออกมาพักอาศัยอยู่บนถนน ก็ยังถูกน้ำเอ่อมาท่วม จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เปิดประตูระบายน้ำบางโฉมศรี เพื่อช่วยลดระดับน้ำออกไปบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด มีประชาชนมารอรับฟังคำตอบผลการประชุมระหว่างตัวแทนประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมชลประทาน จำนวนมาก โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะชลประทาน รวมถึงความเดือดร้อนที่ได้รับตลอด 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมา


ขณะที่อีกฝ่าย ซึ่งเป็นชาวบ้านด้านล่างของประตูระบายน้ำ ก็เดินทางมาพร้อมกล่าวว่า เห็นใจในความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม แต่พื้นที่ด้านล่างหลายแสนไร่ ลงทุนทำนาไปแล้ว ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวข้าว จึงต้องการขอเวลาอีกประมาณ 1 เดือน ขอให้พื้นที่ด้านล่าง ซึ่งประกอบไปด้วย ตำบลทองเอน อำเภออินทร์บุรี /ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมืองสิงห์บุรี /ตำบลบางงา ตำบลเขาสมอคอน อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี และลุ่มแม่น้ำบางขาม ในอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ได้ทำการเก็บเกี่ยวผลิตผลเสียก่อน โดยการเจรจาของทั้งสองฝ่ายไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแล

จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น. นายสมยศ แสงมณี หัวหน้าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์และรักษาการหัวหน้าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช มาชี้แจงประชาชนที่มารอฟังด้านนอกว่า ประตูระบายน้ำบางโฉมศรีสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการระบายน้ำออกจากทุ่ง สังเกตได้จากมีท่อและเครื่องสูบขนาดใหญ่ หันทิศทางมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา ดังนั้นการเปิดบานประตู จึงเท่ากับสวนทิศทางที่ตกลงกันไว้เดิม

ประกอบกับการเปิดประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ในภาวะเช่นนี้ยากต่อการควบคุม อาจกระทบกับพื้นที่ข้างเคียงทุ่งเชียงราก เช่น อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี นอกจากนี้ทุ่งเชียงราก ยังเป็นพื้นที่รับน้ำที่มาจาก ทิศเหนือคือ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์และ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ซึ่งปัจจุบันก็ระบายน้ำมาแล้ว จำนวนหนึ่ง

ระหว่างการชี้แจง ชาวบ้านแสดงความไม่พอใจและสอบถามเหตุผลเพิ่มเติม รวมถึงแสดงความประสงค์ให้ชลประทานผ่อนคลายผลกระทบจากน้ำท่วมลงบ้าง ซึ่งนายสมยศ ได้ประนีประนอมด้วยการรับปากว่าจะเปิดประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ตามความเหมาะสม ไม่กระทบพื้นที่ข้างเคียง พร้อมพาชาวบ้านไปดูการกดปุ่มเปิดประตูบางโฉมศรี แต่เป็นการเปิดประตูน้ำเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ ของระดับการระบายน้ำทั้งหมด และรับปากว่าจะคงระดับการปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาให้คงที่  สร้างความพอใจให้ผู้ชุมนุมและสลายตัวไปในที่สุด

ขณะที่นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ได้ออกมาชี้แจงว่า การผันน้ำเข้าทุ่ง เป็นอำนาจของสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สนทช.) และกรมชลประทาน โดยจังหวัดเป็นผู้ประกาศให้ประชาชนทราบเท่านั้น

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Sfs6msn07Qk