สังคม

หลานอดีตรัฐมนตรีรับทราบข้อหาข่มขืนดาราสาว

โดย onjira_n

29 ส.ค. 2565

544 views

จากกรณี ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด พาผู้เสียหาย ซึ่งเป็นดาราสาว วัย 21 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย กรณีอ้างว่าถูกชายซึ่งเป็นหลานของอดีตรัฐมนตรี ก่อเหตุข่มขืนในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมา ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำพร้อมตรวจร่างกายของผู้เสียหาย พนักงานสอบสวนก็ได้มีการออกหมายเรียกหลานอดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาข่มขืน โดยนัดหมายให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 29 สิงหาคม 2565 เวลา 10.00 น.



ล่าสุด เมื่อเวลา 10.15 น. หลานอดีตรัฐมนตรี ผู้ถูกกล่าวหา พร้อมทนายความ ได้เดินทางมาที่ สน.โชคชัย โดยทันทีที่ลงจากรถ หลานอดีตรัฐมนตรีได้เดินเข้ามาหาสื่อมวลชน พร้อมกับเปิดหน้ากากอนามัย บอกว่า วันนี้ตนพร้อมจะเปิดหน้า เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรต้องหลบหนี และวันนี้ตนมีหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวน ซึ่งหลักฐานของตนชัดเจน สามารถยืนยันได้ว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหา ไม่เป็นความจริง ไม่มีการมอมยา และตนเองถูกฝ่ายหญิงแบล็คเมล์



โดยรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตนขอให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนก่อน แล้วจะมีการชี้แจงพร้อมเปิดเผยหลักฐานบางส่วนอีกครั้ง แต่เบื้องต้น ยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุ ไม่ใช่การที่ตนนัดไปคุยงานตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง แต่เป็นฝ่ายผู้เสียหาย ที่บอกว่าทะเลาะกับพี่สาว และคุยแชตกับตนว่า อยู่ที่สยามคนเดียว ไม่มีที่ไป พอผู้เสียหายถามว่าตนทำอะไรอยู่ แล้วตนบอกว่ากำลังจะกลับบ้าน ผู้เสียหายก็บอกว่า ดีจังเลยมีบ้านให้กลับด้วย ซึ่งตนเองก็เป็นคนขี้สงสารด้วย ต่อมา ช่วง 4 ทุ่มครึ่ง ผู้เสียหายก็บอกว่า วันนี้จะไม่กลับห้อง ตนพอจะแนะนำโรงแรมให้ได้หรือไม่ ซึ่งยอมรับว่า คืนนั้น ตนไม่ใช่แค่ไปส่งที่โรงแรมอย่างเดียว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทั้งหมด ตนมีหลักฐานชัดเจน และยืนยันไม่มีการมอมยา สิ่งที่นำไปมีเพียงแค่โซจูเท่านั้น ส่วนที่รู้จักกันได้อย่างไรนั้น ยอมรับว่าตนเป็นฝ่ายทักไปหาก่อนจริง เพราะต้องการให้ผู้เสียหายมารีวิวสินค้าให้ โดยเพิ่งพูดคุยกันได้ไม่ถึงเดือน และไม่มีการคบหากันเชิงชู้สาวแต่อย่างใด



และที่ทางผู้เสียหาย อ้างว่า ตนมีเส้นสายกับตำรวจ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนสาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องไม่เคยติดต่อหาใคร และตนก็เห็นใจตำรวจที่ต้องโดนต่อว่าไปด้วย และก่อนหน้านี้ที่ตนยังไม่ได้มาพบพนักงานสอบสวน ก็เพราะว่าตามหมายเรียกระบุวันนัดหมายคือวันที่ 29 ส.ค. ตนก็มาตามนัด ซึ่งก่อนหน้านี้ไปเที่ยวกับครอบครัวที่หัวหิน เพิ่งเดินทางกลับมา



ทั้งนี้ ข่าวที่ออกไปทำให้ครอบครัวตนเสียหาย ทั้งที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือ ตนเองเพียงผู้เดียว แต่ครอบครัวต้องถูกเอาชื่อ เอารูปมาพาดพิงถึง ซึ่งตนเข้าใจทางทนายษิทราและประชาชน ว่าหากได้รับฟังความข้างเดียวว่ามีผู้ชายข่มขืนผู้หญิง เป็นตนก็คงไม่ยอมเหมือนกัน แต่กรณีนี้อยากขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนและประชาชน เพราะตนไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนที่ผู้เสียหายนำรูปภาพ นำบัญชีอินสตาแกรมของตนไปเปิดเผย ทั้งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าตนกระทำผิดจริง ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และสร้างความเสียหายให้กับตน และอยากฝากถึงทนายษิทราว่า ตนเคารพและชื่นชอบทนายษิทรา ไม่อยากให้กลายเป็นคนที่ไปเข้าข้างคนผิด



อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าฝ่ายผู้เสียหายทำไปเพื่อแบล็คเมล์นั้น หมายความว่ามีการเรียกผลประโยชน์เกิดขึ้นแล้วใช่หรือไม่ หลานอดีตรัฐมนตรี ไม่ตอบ แต่บอกว่าให้ดูหน้าตน พร้อมกับทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม และ ยังบอกด้วยว่า หลังพบพนักงานสอบสวนแล้ว ตนมีบางอย่างจะเปิดเผยให้สื่อมวลชนดู ซึ่งน่าจะชอบใจ แต่ยังไม่ขอบอกว่าเป็นอะไร



ส่วนกรณีที่ อาน้อง อาของตนมีการโทรศัพท์ไปหาผู้เสียหายนั้น เป็นเพราะพออาทราบเรื่อง จึงมีความเป็นห่วง และโทรไปคุยโดยที่ยังไม่ได้สอบถามอะไรจากตนเอง ซึ่งต้องขอโทษแทนคุณอาด้วย แต่ยืนยันได้ว่า การพูดคุยกัน อาของตนพูดจาด้วยดีมาก แต่คลิปที่อีกฝ่ายนำมาเผยแพร่ ถูกตัดออกไปหลายส่วน ซึ่งฝ่ายอาตน ก็ได้มีการบันทึกเสียงทั้งหมดเอาไว้เช่นกัน


คุณอาจสนใจ

Related News