เปิดวงจรปิด! เซเลบสาวถูกลูกนักการเมือง ลวงขืนใจ วิ่งหนีแล้ว แต่ยังถูกตามลากกลับมา

เซเลบสาว แจ้งจับลูกชายนักการเมืองพรรคพลังประชารัฐ หลังลวงมาบ้านแล้ว พยายามขืนใจ แม้จะวิ่งหนีออกมาทั้งเท้าเปล่า แต่ยังโดนลากกลับเข้าบ้านมีวงจรปิดจับภาพชัด โดยเอก สายไหม พาผู้เสียหายสาววัย 25 ปี เข้าให้ปากคำตร. ยันไม่ได้มาเรียกร้องเพื่อเงินหรือดิสเครดิตใคร

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ เลขาฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายวัย 25 ปี มาติดตามความคืบหน้าที่ สน.ประเวศ ในคดีที่ถูกไฮโซหนุ่ม นาย ค. อายุ 27 ปี ลูกชายของอดีตนักการเมือง พยายามใช้กำลังกระทำอนาจาร ที่บ้านพัก ย่านประเวศ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


น.ส.สุชาดา ในฐานะที่ฝ่ายหญิงผู้เสียหายรู้จักและไว้ใจ เล่าเหตุการณ์แทนผู้เสียหายว่า น.ส.เอ พบนาย ค. คู่กรณีที่ร้านแห่งหนึ่ง ย่านทองหล่อ โดยที่ผ่านมาก็รู้จักกันในแวดวงสังคมอยู่แล้ว ก่อนที่จะถูกชวนให้มานั่งโต๊ะเดียวกัน จากนั้นก็ถูกฝ่ายชายยึดโทรศัพท์มือถือ พอตอนที่ น.ส.เอจะกลับไปหาแฟนหนุ่มที่อยู่อีกร้านหนึ่ง ใกล้ๆกัน นาย ค. ก็อ้างว่าจะพาไปด้วยตัวเอง แต่ปรากฏว่าพอขึ้นรถมากลับพาไปที่บ้านพัก ซึ่งเป็นคฤหาสน์หรูของผู้ก่อเหตุ พอรู้สึกตัวมาอยู่หน้าบ้านผู้ก่อเหตุแล้ว แต่รายละเอียดพฤติการณ์อยู่ในสำนวน


น.ส.สุชาดา ยังเล่าต่อว่า จากนั้น น.ส.เอ ก็พยายามวิ่งหนีถึง 3 รอบ เพื่อเอาชีวิตรอด แต่ก็ถูกฝ่ายชายไปตามกลับมา


โดยมีคลิปวงจรปิดที่บันทึกภาพเหตุการณ์ได้ชัดเจน คลิปที่1 ความยาวประมาณ 12 วินาที เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 02.57 น. จะเห็นได้ว่า ผู้เสียหาย ฝ่ายหญิง ได้วิ่งหนีออกมา คล้ายจะวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ


จากนั้น คลิปที่2 ช่วงเวลา 03.12 น. เป็นภาพที่บันทึกขณะที่ผู้เสียหาย ถูกฝ่ายชาย ฉุดกระชากกลับมาอีกครั้ง จนฝ่ายหญิงล้มลงไปกับพื้น แต่ฝ่ายชายก็ยังไม่ยอมหยุด ยังพยายามฉุกกระชาก และพาฝ่ายหญิงกลับไป


โดยแต่ละครั้ง น.ส.พยายามขอความช่วยเหลือหลายคน แต่ไม่มีใครให้การช่วยเหลือ จนกระทั่งครั้งที่ 3 มีพลเมืองดี เป็นเด็กชายอายุ 13 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านบริเวณนั้นพอดี จึงเข้าช่วยเหลือ และรอดมาได้


ทางด้าน น.ส.เอ สภาพจิตใจยังไม่พร้อม และยังหวาดกลัว แต่วันนี้ที่ออกมาแจ้งความ เพราะได้กลับไปทบทวนตัวเอง ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่าไม่อยากให้มาเกิดซ้ำกับใครอีก จึงต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ตนเองเชื่อมั่นในกระบวนการของกฎหมาย


หญิงผู้เสียหาย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่าอยากขอบคุณพลเมืองดี ที่เข้ามาช่วยเหลือ เพราะหากไม่มีน้องพลเมืองดีคนนี้ ตนก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ส่วนประเด็นที่วิ่งออกมาขอความช่วยเหลือแต่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ ส่วนตัวก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเข้าใจสถานการณ์ดี


โดยก่อนหน้านี้ น.ส.เอ ได้นำเอกสารการตรวจร่างกายจากแพทย์มามอบให้กับ พ.ต.อ. นิภพล สุขนิยม รอง ผบก.น.4 และ พ.ต.ท.พีรวัฒน์ สุขรมย์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ประเวศ เพิ่มเติม


หลังรับแจ้งความ ได้ส่งผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย พร้อมสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้ยังคงเหลือพยานอีก 1 ปาก คือ พลเมืองดีที่เป็นผู้พาผู้เสียหายออกจากที่เกิดเหตุ ขณะนี้มีพยานหลักฐานครบ


วันนี้จึงได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหา ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่เหตุที่ไม่สามารถออกหมายจับได้ เนื่องจากอัตราโทษทางคดีสั่งจำคุกไม่เกิน 3 ปี และผู้ก่อเหตุมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง พร้อมแจ้งข้อหากระทำเข้าข่ายความผิด ทำร้ายร่างกาย หน่วงเหนี่ยวกักขัง และอนาจาร


เบื้องต้นผู้ก่อเหตุได้ติดต่อมาหาตำรวจแล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดใดทางคดี และยังไม่ได้ระบุว่าจะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนวันไหน พร้อมยืนยันว่าไม่มีความกังวล รวมถึงไม่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือมีบุคคลใดมากดดันการทำงาน


ส่วนประเด็นที่พ่อของคู่กรณีออกมาระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง และยังกล่าวหาว่ากลุ่มผู้เสียหายเป็นแก๊งที่ทำลายชื่อเสียง และมีหลักฐานเตรียมดำเนินคดีกลับนั้น น.ส.สุชาดา บอกว่า ผู้เสียหายก็เป็นคนมีฐานะ ไม่มีความจำเป็นต้องทำลายชื่อเสียงใครเพื่อต้องการเงิน


พร้อมระบุว่า ชื่อเสียงของเรา สำคัญขนาดที่จะทำร้ายร่างกายใครก็ได้หรือ หรือทำร้ายศักดิ์ศรีผู้หญิงได้หรือ แต่อย่างน้อย มาขอโทษ และยอมรับผิด ส่วนที่อีกฝั่งเตรียมแจ้งความกลับนั้น ก็ไม่กังวลใจ


เช่นเดียวกับ นายเอกภพ กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุมีความรู้พอสมควร จึงได้ประสาน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากครอบครัวผู้ก่อเหตุเป็นคนใหญ่โต แต่จะเป็นใครนั้นไม่สำคัญ อย่าคิดว่าร่ำรวยใหญ่โตแล้วจะไม่ถูกดำเนินคดี ทางที่ดีควรออกมาขอโทษด้วย เพราะครอบครัวผู้เสียหายก็มีฐานะและไม่ได้เรียกร้องเงิน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/xSQZBKwKsEY