ทนายเดชา เตรียมแจ้งความอดีตทนายแม่แตงโม เตือน คนวิจารณ์คนบนเรือ ระวังหมิ่นประมาท

ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เปิดเผยว่า กรณีที่จะไปแจ้งความทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ที่ สภ.เมืองนนทบุรี นั้น จากเดิมตั้งใจจะเดินทางไปวันนี้ แต่ยังติดภารกิจ แต่จะเดินทางไปแจ้งความใน 2-3 วันนี้แน่นอน 

โดยจะแจ้งความใน 3 ข้อหา คือ เปิดเผยความลับทางคดี จากการที่ทนายกฤษณะรับรู้ข้อมูลตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นทนายความคดีแตงโม และได้ร่วมประชุมคดีกับตำรวจภูธรภาค 1 แต่ต่อมากลับเอามาให้สัมภาษณ์ ทำให้คดีเกิดความเสียหาย, ข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ทั้งเรื่องที่พูดว่า ตำรวจเกลี้ยกล่อมให้คุณแม่ถอดถอนเรื่องคดีจาก กมธ. หรือเรื่องที่บอกว่าแพทย์นิติเวชเกลี้ยกล่อมให้คุณแม่ และทนายความยอมรับผลการผ่าชันสูตรร่างแตงโมนั้นไม่เป็นความจริงทั้งหมด และยังมีข้อหาการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีที่พูดให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงตน ซึ่งการพูดว่า ทนาย ด.เด็ก หรือ ทนายความของคุณแม่ ก็ชัดเจนว่ามีตนเองคนเดียว


ทั้งนี้ หลังเกิดเรื่อง ทนายกฤษณะ ไม่เคยติดต่อมาพูดคุยกับตน โดยทนายกฤษณะชอบคุยกับสื่อมากกว่า ที่โดนปลดจากการเป็นทนายความของคุณแม่ ก็เพราะชอบออกทีวี อย่างไรก็ตาม ตนกับทนายกฤษณะ ไม่มีสาเหตุที่จะโกรธเคืองกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมตั้งแต่ทนายกฤษณะไปอยู่กับนายมงคลกิตติ์ ถึงมาพูดใส่ร้ายตน ขนาดนายอัจฉริยะบอกว่าอย่าพาดพิง ก็ยังไม่ฟัง ซึ่งตนไม่มีนโยบายที่จะเคลียร์ใจ ให้ไปเคลียร์กับตำรวจและศาลเท่านั้น


นอกจากทนายกฤษณะแล้ว ก็ยังมีคนดังอีกหลายคนที่ตนจะไปแจ้งความ โดยเฉพาะคนที่ชอบไปออกรายการโหนกระแสบ่อย ๆ และอีกหลายรายที่พบว่ามีการหมิ่นประมาทตนชัดเจน


ส่วนที่ตนจะจัดรายการให้ความรู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับคดีการหมิ่นประมาท ในเวลา 14.00 น. วันนี้ (2 พ.ค. 2565) ก็เพื่อจะให้ความรู้เตือนสติสังคมถึงการไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นโดยไม่มีหลักฐาน ว่าต้องระวัง เพราะการกล่าวหาผู้อื่นโดยที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินความผิดถึงที่สุดนั้น ไม่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับ คนบนเรือในคดีของแตงโม


อย่างกรณีของ แซน วิศาพัช ที่ไปแจ้งความสามีของหนิง ปณิตา เพราะว่าคดีนี้ศาลยังไม่ตัดสิน การวิพากษ์วิจารณ์ต้องทำอย่างเป็นกลาง ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายหมิ่นประมาท เพราะในการพิจารณา คดีหมิ่นประมาท ศาลจะระบุชัดเจนว่า ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่จะต้องพิสูจน์ความผิด ดังนั้น การไปกล่าวว่าอีกฝ่ายมีความผิดจึงถือเป็นการใส่ความ


และที่ตนแชร์โพสต์เรื่องที่แซนไปแจ้งความ ก็เพื่อเตือนสติสังคม เพราะตอนนี้มองว่าไปกันใหญ่ จึงแชร์ให้เป็นอุทาหรณ์ว่าขนาดสามีหนิง ซึ่งเป็นนักจัดรายการยังโดน ก็ต้องเตือนสติสังคมว่า กระแสมาไม่นานก็ไป แต่คดีความจะคงอยู่ตลอดไป